นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า เศรษฐกิจเดือน กรกฎาคมที่ผ่านมายังขยายตัวได้ดี แม้การบริโภคและการลงทุนตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันจะลดลง แต่ในไตรมาส 3 ปีนี้ คาดว่าจะเริ่มดีขึ้น เพราะดัชนีหลายตัวบ่งชี้ว่าเริ่มมีความเชื่อมั่นมากขึ้น สำหรับการชุมนุมประท้วงของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขณะนี้ยังไม่สามารถประเมินได้ รัฐบาลคงมีแผนดูแลเหตุการณ์ไม่ให้มีความรุนแรงจนกระทบต่อความเชื่อมั่น
สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อีกร้อยละ 0.25 นางพรรณี กล่าวว่า เพราะ กนง. มองว่าการบริโภคและการลงทุนยังพอไปได้ และจะทำให้ผู้ฝากเงินได้รับประโยชน์ แต่ยอมรับว่า กระทบต่อผู้กู้เงินซื้อบ้านและลงทุนมีภาระต้นทุนสูงขึ้น แต่คาดว่าแนวโน้มเงินเฟ้อน่าจะปรับตัวลดลงในช่วงที่เหลือของปี อันเป็นผลจาก 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อไทยทุกคน และทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัว ลดลงรวมทั้งจากการปรับเพิ่มดอกเบี้ยระยะสั้นอีกรอบ ซึ่งคาดว่าต่อไปคงจะไม่ปรับขึ้นอีก ซึ่งในวันที่ 25 กันยายนนี้ จะปรับเป้าหมายการขยายตัวเศรษฐกิจอีกรอบ จากเดิมคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.5 - 5.5
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รักษาการผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมหภาค (เศรษฐกร 9) กล่าวว่า การบริโภคภาคเอกชนในเดือนกรกฎาคม ยังขยายตัวดีต่อเนื่อง เพราะรายได้ประชาชนเพิ่มขึ้นตามรายได้เกษตรกรที่สูงขึ้น ขณะที่การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัวได้ดีถึงร้อยละ 40.7 ต่อปี สอดคล้องกับภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคจากขยายตัวถึงร้อยละ 23.3 ต่อปี จากเดือน มิ.ย.ที่ขยายตัวร้อยละ 7.6 ต่อปี สำหรับเครื่องชี้แนวโน้มการบริโภคในอนาคต ทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือน ก.ค.ปรับตัวดีขึ้นเช่นกันโดยอยู่ที่ระดับ 71.8 จุด จากระดับ 70.8 จุด ในเดือนก่อนหน้า โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจาก 6 มาตรการ 6 เดือนฯ ของรัฐบาลบวกกับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศเริ่มปรับลดลง ส่วนการลงทุนภาคเอกชนเริ่มดีขึ้น เพราะมีการนำเข้าเครื่องมือเครื่องจักรจากสินค้าทุนที่เร่งตัวขึ้นถึงร้อยละ 28.4 ต่อปี เร่งตัวขึ้นจากร้อยละ 8.4 ต่อปี ในเดือนมิ.ย. เนื่องจากเอกชนมั่นใจการลงทุนมากขึ้น เห็นได้จากภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวร้อยละ 43.0 ต่อปี
สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณในช่วง 10 เดือนแรกปีนี้ เบิกจ่ายแล้ว 1.359 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4.4 ต่อปี คาดว่า จะเบิกจ่ายได้ตามเป้าหมายที่ร้อยละ 94.0 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2551 ส่วนมูลค่าการส่งออกในเดือนกรกฎาคมขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 43.9 ต่อปี ที่น่าสังเกตคือ การส่งออกเชื้อเพลิงขยายตัวถึงร้อยละ 175.2 หรือ 6.94 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มจากร้อยละ 90.2 หรือ 16.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน เนื่องจากราคาน้ำมันในประเทศช่วงนั้นมีราคาสูง ประชาชนใช้น้ำมันน้อยลง แต่โรงกลั่นทั้งหลายยังมี ศักยภาพการผลิตเท่าเดิม จึงทำให้มีปริมาณน้ำมันส่วนรองรับการส่งออกไปต่างประเทศได้มากขึ้น ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีในการทำรายได้เข้าประเทศ
สำหรับการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) อีกร้อยละ 0.25 นางพรรณี กล่าวว่า เพราะ กนง. มองว่าการบริโภคและการลงทุนยังพอไปได้ และจะทำให้ผู้ฝากเงินได้รับประโยชน์ แต่ยอมรับว่า กระทบต่อผู้กู้เงินซื้อบ้านและลงทุนมีภาระต้นทุนสูงขึ้น แต่คาดว่าแนวโน้มเงินเฟ้อน่าจะปรับตัวลดลงในช่วงที่เหลือของปี อันเป็นผลจาก 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤตเพื่อไทยทุกคน และทิศทางราคาน้ำมันที่ปรับตัว ลดลงรวมทั้งจากการปรับเพิ่มดอกเบี้ยระยะสั้นอีกรอบ ซึ่งคาดว่าต่อไปคงจะไม่ปรับขึ้นอีก ซึ่งในวันที่ 25 กันยายนนี้ จะปรับเป้าหมายการขยายตัวเศรษฐกิจอีกรอบ จากเดิมคาดว่าจะขยายตัวร้อยละ 4.5 - 5.5
นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส รักษาการผู้เชี่ยวชาญด้านเศรษฐกิจมหภาค (เศรษฐกร 9) กล่าวว่า การบริโภคภาคเอกชนในเดือนกรกฎาคม ยังขยายตัวดีต่อเนื่อง เพราะรายได้ประชาชนเพิ่มขึ้นตามรายได้เกษตรกรที่สูงขึ้น ขณะที่การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคขยายตัวได้ดีถึงร้อยละ 40.7 ต่อปี สอดคล้องกับภาษีมูลค่าเพิ่มจากการบริโภคจากขยายตัวถึงร้อยละ 23.3 ต่อปี จากเดือน มิ.ย.ที่ขยายตัวร้อยละ 7.6 ต่อปี สำหรับเครื่องชี้แนวโน้มการบริโภคในอนาคต ทั้งดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเดือน ก.ค.ปรับตัวดีขึ้นเช่นกันโดยอยู่ที่ระดับ 71.8 จุด จากระดับ 70.8 จุด ในเดือนก่อนหน้า โดยมีปัจจัยสนับสนุนมาจาก 6 มาตรการ 6 เดือนฯ ของรัฐบาลบวกกับราคาน้ำมันขายปลีกในประเทศเริ่มปรับลดลง ส่วนการลงทุนภาคเอกชนเริ่มดีขึ้น เพราะมีการนำเข้าเครื่องมือเครื่องจักรจากสินค้าทุนที่เร่งตัวขึ้นถึงร้อยละ 28.4 ต่อปี เร่งตัวขึ้นจากร้อยละ 8.4 ต่อปี ในเดือนมิ.ย. เนื่องจากเอกชนมั่นใจการลงทุนมากขึ้น เห็นได้จากภาษีธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ขยายตัวร้อยละ 43.0 ต่อปี
สำหรับการเบิกจ่ายงบประมาณในช่วง 10 เดือนแรกปีนี้ เบิกจ่ายแล้ว 1.359 ล้านล้านบาท ขยายตัวร้อยละ 4.4 ต่อปี คาดว่า จะเบิกจ่ายได้ตามเป้าหมายที่ร้อยละ 94.0 ของงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2551 ส่วนมูลค่าการส่งออกในเดือนกรกฎาคมขยายตัวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ร้อยละ 43.9 ต่อปี ที่น่าสังเกตคือ การส่งออกเชื้อเพลิงขยายตัวถึงร้อยละ 175.2 หรือ 6.94 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มจากร้อยละ 90.2 หรือ 16.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในเดือนมิถุนายน เนื่องจากราคาน้ำมันในประเทศช่วงนั้นมีราคาสูง ประชาชนใช้น้ำมันน้อยลง แต่โรงกลั่นทั้งหลายยังมี ศักยภาพการผลิตเท่าเดิม จึงทำให้มีปริมาณน้ำมันส่วนรองรับการส่งออกไปต่างประเทศได้มากขึ้น ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ดีในการทำรายได้เข้าประเทศ