บล.ซีแอล เอส เอ ชี้ กองทุนต่างชาติ แม้เข้าร่วมงานน้อย แต่มองปัจจัยพื้นฐานไทยดี ราคาหุ้นถูก เชื่อหากปัจจัยลบสหรัฐฯ คลี่คลาย นักลงทุนเตรียมหอบเงินหันลงทุนหุ้นไทย ชี้ขณะนี้ขายหุ้นถือเงินสดลดความเสี่ยง ด้านผู้จัดการ ตลท. รู้สึกพอใจผลการจัดงาน เชื่อผู้เข้าร่วมงานในครั้งนี้จะได้รับฟังข้อมูลจากภาครัฐและเอกชนอย่างชัดเจน
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงการจัดงานไทยแลนด์ โฟกัส 2008 ซึ่งร่วมจัดโดยบริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด ว่าในปีนี้ได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและผู้บริหารในแวดวงเศรษฐกิจและตลาดทุนที่ร่วมให้ข้อมูลกับนักลงทุนสถาบันชั้นนำอย่างเต็มที่ ในช่วงระหว่างวันที่ 17 – 19 ก.ย. 2551 การจัดงานนี้ถือเป็นโอกาสในการนำเสนอมุมมองและโอกาสการลงทุนในประเทศไทย พร้อมรับทราบข้อมูลล่าสุดของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน พร้อมทั้ง ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยที่มาร่วมให้ข้อมูลในงานถึง 66 บริษัท แก่ผู้ลงทุนสถาบันทั้ง 117 ราย ที่เข้าร่วมงาน ท่ามกลางปัจจัยทางการเมือง และเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในช่วงนี้
ทั้งนี้ งานไทยแลนด์โฟกัสในวันแรกได้รับเกียรติจาก ดร.สุชาติ ธาดาธำรงค์เวช รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ปาฐกถาพิเศษเพื่อสร้างความมั่นใจในวิวัฒนาการการเมืองของไทย และความสำคัญของการเกิดใหม่ในเศรษฐกิจเอเชีย โดยในด้านตลาดทุนนั้น มีแนวนโยบายที่จะพัฒนาทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ตลาดตราสารหนี้ และเพิ่มจำนวนผู้ลงทุนสถาบันให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มเสถียรภาพของตลาดทุนไทย นอกจากนี้ รัฐบาลมีความพร้อมที่จะลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็กต์ในวงเงินถึง 1.88 ล้านล้านบาท ระหว่างปี 2009 และ 2012 ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เกิดการขยายการลงทุนในภาคเอกชนมากขึ้น และยังเชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
" รู้สึกพอใจกับการจัดงานไทยแลนด์โฟกัส 2008 ครั้งนี้ แม้กองทุนต่างประเทศยกเลิกการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ อันเป็นผลจากหน้านี้ที่ไทยมีการประกาศใช้พระราชกำหนด(พรก.) บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ประกอบกับสถาบันการเงินสหรัฐฯ มีปัญหา โดยเชื่อว่าผู้ที่เข้ามาร่วมงานในครั้งนี้จะได้รับฟังข้อมูลจากภาครัฐและเอกชนที่เข้ามาให้ข้อมูลในครั้งนี้เป็นอย่างดี" นางภัทรียา กล่าว
นายอริยะ บุญยรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นักลงทุนสถาบันต่างประเทศที่เข้ามาร่วมงานครั้งนี้มีจำนวน 34 ราย ซึ่งลดลงจากเดิมที่ยืนยันจะเข้าร่วมงาน 51 ราย เนื่องจาก ในช่วง3 สัปดาห์ก่อนที่การจัดงานจะเกิดขึ้น รัฐบาลไทยได้ประกาศใช้ พรก. ฉุกเฉิน ทำให้กองทุนต่างประเทศไม่สามารถเดินทางมา แม้เหตุการณ์ไม่ได้รุนแรง และพอยกเลิกมาตการดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนไม่อาจเดินทางมาร่วมงานได้ เพราะถือว่ากระทันหัน แต่ในส่วนของนักลงทุนสถาบันในประเทศก็ยังเข้าร่วมงานจำนวน 83 ราย
ทั้งนี้ นักลงทุนสถาบันต่างประเทศที่เข้าร่วมงานมาจาก ลอนดอน นิวยอร์ก และในเอเชีย ทั้งนี้นักลงทุนสถาบันดังกล่าวได้รับฟังข้อมูลต่างๆ นั้นมีความพอใจและมองว่าไทยมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ราคาหุ้นต่ำ ซึ่งขณะนี้ นักลงทุนต่างประเทศทั้งนักลงทุนรายใหญ่และรายย่อย ยังไม่มีความมั่นใจในการเข้ามาลงทุน เพราะปัญหาสถาบันการเงินสหรัฐฯ จึงทำให้มีการขายหุ้นออกมา เพื่อที่จะถือเงินสดไว้ก่อน หากปัจจัยลบดังกล่าวมีการคลี่คลายก็จะทำให้มีเงินต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุน
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ สายงานการตลาดศูนย์ระดมทุนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า การจัดงานไทยแลนด์โฟกัสในปีนี้เป็นช่วงที่ปัจจัยต่างๆไม่เอื้ออำนวยแต่ทุกฝ่ายก็มีความมั่นใจที่จะจัดงานครั้งนี้ เพื่อที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทย และการลงทุนกับนักลงทุน ถึงแม้จะทำให้มีกองทุนต่างประเทศมีการยกเลิกเพื่อเข้าร่วมงานครั้งนี้บ้าง แต่บริษัทจดทะเบียนที่มาให้ข้อมูลในครั้งนี้ส่วนใหญ่พร้อมที่จะให้ข้อมูลในเรื่องผลการดำเนินงาน โดยสามารถที่จะคาดการณ์ผลประกอบการในอนาคตได้ จากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ดอกเบี้ยทรงตัว ทำให้คลายความกังวลในเรื่องต้นทุนการดำเนินงาน
นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวถึงการจัดงานไทยแลนด์ โฟกัส 2008 ซึ่งร่วมจัดโดยบริษัทหลักทรัพย์ ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด ว่าในปีนี้ได้รับความร่วมมือจากภาครัฐและผู้บริหารในแวดวงเศรษฐกิจและตลาดทุนที่ร่วมให้ข้อมูลกับนักลงทุนสถาบันชั้นนำอย่างเต็มที่ ในช่วงระหว่างวันที่ 17 – 19 ก.ย. 2551 การจัดงานนี้ถือเป็นโอกาสในการนำเสนอมุมมองและโอกาสการลงทุนในประเทศไทย พร้อมรับทราบข้อมูลล่าสุดของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน พร้อมทั้ง ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไทยที่มาร่วมให้ข้อมูลในงานถึง 66 บริษัท แก่ผู้ลงทุนสถาบันทั้ง 117 ราย ที่เข้าร่วมงาน ท่ามกลางปัจจัยทางการเมือง และเศรษฐกิจโลกที่ส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในช่วงนี้
ทั้งนี้ งานไทยแลนด์โฟกัสในวันแรกได้รับเกียรติจาก ดร.สุชาติ ธาดาธำรงค์เวช รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ปาฐกถาพิเศษเพื่อสร้างความมั่นใจในวิวัฒนาการการเมืองของไทย และความสำคัญของการเกิดใหม่ในเศรษฐกิจเอเชีย โดยในด้านตลาดทุนนั้น มีแนวนโยบายที่จะพัฒนาทั้งตลาดหลักทรัพย์ฯ และ ตลาดตราสารหนี้ และเพิ่มจำนวนผู้ลงทุนสถาบันให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มเสถียรภาพของตลาดทุนไทย นอกจากนี้ รัฐบาลมีความพร้อมที่จะลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็กต์ในวงเงินถึง 1.88 ล้านล้านบาท ระหว่างปี 2009 และ 2012 ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เกิดการขยายการลงทุนในภาคเอกชนมากขึ้น และยังเชื่อมั่นว่าประเทศไทยยังมีพื้นฐานเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง
" รู้สึกพอใจกับการจัดงานไทยแลนด์โฟกัส 2008 ครั้งนี้ แม้กองทุนต่างประเทศยกเลิกการเข้าร่วมงานในครั้งนี้ อันเป็นผลจากหน้านี้ที่ไทยมีการประกาศใช้พระราชกำหนด(พรก.) บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ประกอบกับสถาบันการเงินสหรัฐฯ มีปัญหา โดยเชื่อว่าผู้ที่เข้ามาร่วมงานในครั้งนี้จะได้รับฟังข้อมูลจากภาครัฐและเอกชนที่เข้ามาให้ข้อมูลในครั้งนี้เป็นอย่างดี" นางภัทรียา กล่าว
นายอริยะ บุญยรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ซี แอล เอส เอ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า นักลงทุนสถาบันต่างประเทศที่เข้ามาร่วมงานครั้งนี้มีจำนวน 34 ราย ซึ่งลดลงจากเดิมที่ยืนยันจะเข้าร่วมงาน 51 ราย เนื่องจาก ในช่วง3 สัปดาห์ก่อนที่การจัดงานจะเกิดขึ้น รัฐบาลไทยได้ประกาศใช้ พรก. ฉุกเฉิน ทำให้กองทุนต่างประเทศไม่สามารถเดินทางมา แม้เหตุการณ์ไม่ได้รุนแรง และพอยกเลิกมาตการดังกล่าว ส่งผลให้นักลงทุนไม่อาจเดินทางมาร่วมงานได้ เพราะถือว่ากระทันหัน แต่ในส่วนของนักลงทุนสถาบันในประเทศก็ยังเข้าร่วมงานจำนวน 83 ราย
ทั้งนี้ นักลงทุนสถาบันต่างประเทศที่เข้าร่วมงานมาจาก ลอนดอน นิวยอร์ก และในเอเชีย ทั้งนี้นักลงทุนสถาบันดังกล่าวได้รับฟังข้อมูลต่างๆ นั้นมีความพอใจและมองว่าไทยมีปัจจัยพื้นฐานที่ดี ราคาหุ้นต่ำ ซึ่งขณะนี้ นักลงทุนต่างประเทศทั้งนักลงทุนรายใหญ่และรายย่อย ยังไม่มีความมั่นใจในการเข้ามาลงทุน เพราะปัญหาสถาบันการเงินสหรัฐฯ จึงทำให้มีการขายหุ้นออกมา เพื่อที่จะถือเงินสดไว้ก่อน หากปัจจัยลบดังกล่าวมีการคลี่คลายก็จะทำให้มีเงินต่างประเทศกลับเข้ามาลงทุน
นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการ สายงานการตลาดศูนย์ระดมทุนตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า การจัดงานไทยแลนด์โฟกัสในปีนี้เป็นช่วงที่ปัจจัยต่างๆไม่เอื้ออำนวยแต่ทุกฝ่ายก็มีความมั่นใจที่จะจัดงานครั้งนี้ เพื่อที่จะให้ข้อมูลเกี่ยวกับประเทศไทย และการลงทุนกับนักลงทุน ถึงแม้จะทำให้มีกองทุนต่างประเทศมีการยกเลิกเพื่อเข้าร่วมงานครั้งนี้บ้าง แต่บริษัทจดทะเบียนที่มาให้ข้อมูลในครั้งนี้ส่วนใหญ่พร้อมที่จะให้ข้อมูลในเรื่องผลการดำเนินงาน โดยสามารถที่จะคาดการณ์ผลประกอบการในอนาคตได้ จากราคาน้ำมันปรับตัวลดลง ดอกเบี้ยทรงตัว ทำให้คลายความกังวลในเรื่องต้นทุนการดำเนินงาน
