ผู้จัดการกองทุนชี้ เลห์แมน บราเธอร์ส ล้มละลาย ส่งผลวงกว้างเป็นโดมิโน เอฟเฟ็ค ระบุวิกฤตรอบนี้รุนแรงที่สุด แต่สถานการณ์ยังไม่จบแค่นี้ เผยอาจเห็นสัญญาณการเทขายหุ้นทั่วโลก ในช่วงที่ยังมีกำไร แต่ยังมั่นใจ ในที่สุดรัฐบาลสหรัฐ ต้องออกมายื่นมือช่วยเหลือ เพราะคงไม่ยอมปล่อยให้เศรษฐกิจพังไปมากกว่านี้ ส่วนผลกระทบหุ้นหุ้นไทย รับอานิสงส์สภาพคล่องลดลง เหตุนักลงทุนต่างชาติเทขาย
นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเลห์แมน บราเธอร์ส นอกจากจะส่งผลต่อการลงทุนทั่วโลกในแง่จิตวิทยาแล้ว แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อบุคคลที่มีธุรกรรมเกี่ยวข้องกับเลห์แมนโดยตรงด้วย ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นกับสถาบันการเงินในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุด เพราะความเสียหายของเลห์แมนมีมูลค่ารวมกว่า 46,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ยังมีข่าวบริษัทประกันอีกเป็นจำนวนมากที่มีปัญหาสภาพคล่องด้วย ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะยังไม่ใช่ครั้งสุดท้ายของปัญหาซับไพรม์
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในรอบนี้ อาจจะเห็นคนที่มีกำไรด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (SWF) ที่ถือเป็นโอกาสในการเข้าไปลงทุนในช่วงที่ราคาถูก แต่คงต้องรอให้ฝุ่นจางไปก่อน
สำหรับผลกระทบต่อการลงทุน เชื่อว่าทุกคนจะหันกลับมามองว่าอะไรที่คุ้มค่ากับความเสี่ยงมากขึ้น เพราะการลงทุนทุกอย่างในตอนนี้ถือว่ามีความเสี่ยงหมด ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าว อาจจะเห็นสัญญาณการเทขายหุ้นออกมาทั่วโลก โดยเฉพาะในหุ้นที่ยังมีกำไรอยู่
"น่าสังเกตว่าที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะตลาดหุ้นในเอเชีย ซึ่งบางประเทศปรับลดลงไปถึง 30-40% เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทยที่ปรับลดลงประมาณ 20% ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นคือความกลัว ดังนั้น จึงขายอะไรที่มีกำไรออกมา ส่วนหนึ่งเพื่อนำไปจ่ายหนี้ของตัวเองให้บรรเทาความเสียหายลง"นายสุขวัฒน์กล่าว
ทั้งนี้ มองว่าหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด น่าจะเป็นหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอดิตี) ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นหุ้นพลังงาน เดือนเรือ หุ้นปิโตรเคมี ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดูไม่ดีแล้วหลังจากนี้
สำหรับกลยุทธ์ของแมนูไลฟ์ นายสุขวัฒน์กล่าวว่า กลยุทธ์ของเราคงจะไม่ขายออกไป แต่จะใช้การเปลี่ยนไปลงทุนในเซกเตอร์อื่นมากกว่า ซึ่งนอกจากเราจะมองที่ตัวบริษัทแล้ว ยังมองเรื่องของราคาด้วย ถ้าราคาถูกแล้วก็อาจจะถือต่อไป หรือหากราคาลงต่อก็เปลี่ยนไปลงทุนในเซกเตอร์อื่นๆ เช่น กลุ่มสื่อสาร กลุ่มพาณิชย์ ที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยจากปัญหาดังกล่าว
ด้านนายสุพรรณ เศษธะพาณิชย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุน บลจ.ยูไนเต็ด จำกัด กล่าวว่า เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะไม่ได้มีเพียงแค่นักลงทุนสหรัฐที่ถือหุ้น อีกทั้งมองว่าที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐพยายามแก้ปัญหาเฉพาะในเรื่องของผลกระทบลูกโซ่ (โดมิโน เอฟเฟ็ค) แต่ไม่แก้ปัญหาในส่วนของรากฐาน หรือสาเหตุให้ตรงจุดจึงเกิดปัญหาดังกล่าว
“นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น คาดว่าอาจมีผลกระทบระลอกใหม่ตามมา หากบรรดากองทุนต่างชาติที่ถือหุ้นอยู่ว่าจะเป็นกองทุนจากรัสเซีย จีน ตะวันออกกลางและอีกหลายประเทศถอดใจและเทขาย ซึ่งจะส่งผลรุกลามไปทั่วโลก โดยเฉพาะจะเกิดการกดันต่อสถาบันการเงินในประเทศต่างๆ ส่วนของไทยกระทบไม่มากเท่าที่ทราบมีเพียงไม่กี่แบงก์ที่เข้าไปลงทุนด้านธุรกรรมการเงินกับเขา อย่างไรก็ตาม มองว่าหากรัฐบาลสหรัฐเข้ามายื่นมาแก้ไข เชื่อว่าจะได้รับการสรรเสริญจากนานาประเทศ มากกว่าที่ยืนดูเฉยๆแล้วปล่อยให้มันเป็นไปตามกลไกตลาด เหมือนที่เคยออกมากล่าวหาประเทศอื่นๆ ที่รัฐบาลต้องยื่นมือเข้าไปแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือ”นายสุพรรณ กล่าว
นายดา หว่อง ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนชาวสิงคโปร์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร www. pwforex.com ให้ความเห็นถึงเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ถึงที่สุด เพราะบรรดาบริษัทวาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐจำนวน 5 รายมีการลงนามข้อตกลงร่วมกันว่า หากรายใดประสบปัญหา บริษัทอื่นต้องต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นการระดมเงินทุนปล่อยกู้ หรือวิธีอื่นๆ อีกทั้งเชื่อว่าในที่สุดรัฐบาลสหรัฐจะต้องออกมายื่นมือช่วยเหลือเรื่องดังกล่าว เพราะจะไม่ยอมปล่อยให้เกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจมากไปกว่านี้แล้ว ขณะเดียวกันจากวิกฤตปัญหาในครั้งนี้นอกเหนือจากจะส่งผลให้ดัชนีหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ ยังมีผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้อ่อนตัวอีกด้วย
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ ในทางเทคนิคประเมินว่าเรื่องนี้จะเป็นการปรับตัวลดลงแค่ระดับหนึ่ง เพราะนักลงทุนรับข่าวข่าวสารมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ถ้าอีก 4 โบรกเกอร์รายใหญ่ไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ เช่นเดียวกับรัฐบาลสหรัฐที่ไม่ยื่นมาก็จะทำให้เกิดวิกฤตปัญาหสถาบันการเงินที่ลุกลามและหนักกว่าที่เกิดขึ้นในขณะนี้แน่นอน ส่วนประเทศไทย เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าวโดยตรง
“หลังจากที่ราคาหุ้นดังกล่าวมีปัญหาปรับตัวลดลงเชื่อว่าจะมีการปรับตัวลดลงอีก แต่จะมีการรีบาวด์ขึ้นอีกครั้งเพื่อรอฟังความชัดเจนจากพันธมิตรร่วมธุรกิจ และรัฐบาลสหรัฐ หากยังมีสัญญาณที่ส่อออกมาในทางที่ไม่ดี เชื่อว่าราคาหุ้นรอบต่อไปจะร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งจะดึงให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นทั่วโลกไม่ว่ายุโรป และเอเชียปรับตัวลดลงมากกว่านี้”
นายอรุณศักดิ์ จรูญวงศ์นิลมล ผู้อำนวยการสายงานจัดการกองทุน บลจ.เอสซีบี ควอนท์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุน เพราะนักลงทุนอาจจะขายสินทรัพย์เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือเงินสดมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น การขายหุ้นและน้ำมัน เพื่อซื้อตราสารหนี้แทน
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เชื่อว่าทางการของสหรัฐฯ รวมไปถึงทางการของประเทศในทวีปยุโรป น่าจะมีการออกมาตราการเพื่อช่วยเหลือ แม้จะไม่สามารถเข้าช่วยเหลือได้โดยตรงเนื่องมาจากเป็นบริษัทเอกชน แต่เชื่อว่าทางการน่าจะพยายามหาทางช่วยแบบอ้อมๆ โดยหลังจากนี้ปัจจัยที่ต้องติดตามคือจะมีสถาบันการเงินแห่งอื่นที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกันกับเลห์แมน บราเธอร์ส อีกหรือไม่
ส่วนเรื่องผลกระทบต่อประเทศไทยนั้น นายอรุณศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลโดยตรงมากนัก แต่น่าจะเป็นผลกระทบทางอ้อมมากกว่า เช่น สภาพคล่องในตลาดหุ้นที่อาจจะลดลงเพราะนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้น ส่วนด้านธุรกิจที่น่าจะได้รับผลกระทบนั้นต้องเป็นคนที่ทำธุรกิจกับเลห์แมน ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกเปิดเผยแล้วว่ามีจำนวนไม่มาก
“นอกจากนี้อีกหนึ่งผลกระทบต่อประเทศไทยอาจได้รับคือ เม็ดเงินลงทุนจากจากสหรัฐที่จะเข้ามาก็อาจจะลดลงไปด้วยเช่นเดียวกัน" นายอรุณศักดิ์ กล่าว
นายสุขวัฒน์ ประเสริฐยิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) แมนูไลฟ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกับเลห์แมน บราเธอร์ส นอกจากจะส่งผลต่อการลงทุนทั่วโลกในแง่จิตวิทยาแล้ว แน่นอนว่าย่อมส่งผลกระทบต่อบุคคลที่มีธุรกรรมเกี่ยวข้องกับเลห์แมนโดยตรงด้วย ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นกับสถาบันการเงินในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นครั้งที่รุนแรงที่สุด เพราะความเสียหายของเลห์แมนมีมูลค่ารวมกว่า 46,000 ล้านเหรียญดอลลาร์สหรัฐ นอกจากนี้ ยังมีข่าวบริษัทประกันอีกเป็นจำนวนมากที่มีปัญหาสภาพคล่องด้วย ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ จะยังไม่ใช่ครั้งสุดท้ายของปัญหาซับไพรม์
อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ในรอบนี้ อาจจะเห็นคนที่มีกำไรด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (SWF) ที่ถือเป็นโอกาสในการเข้าไปลงทุนในช่วงที่ราคาถูก แต่คงต้องรอให้ฝุ่นจางไปก่อน
สำหรับผลกระทบต่อการลงทุน เชื่อว่าทุกคนจะหันกลับมามองว่าอะไรที่คุ้มค่ากับความเสี่ยงมากขึ้น เพราะการลงทุนทุกอย่างในตอนนี้ถือว่ามีความเสี่ยงหมด ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นดังกล่าว อาจจะเห็นสัญญาณการเทขายหุ้นออกมาทั่วโลก โดยเฉพาะในหุ้นที่ยังมีกำไรอยู่
"น่าสังเกตว่าที่ผ่านมา ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับลดลงมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะตลาดหุ้นในเอเชีย ซึ่งบางประเทศปรับลดลงไปถึง 30-40% เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทยที่ปรับลดลงประมาณ 20% ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นคือความกลัว ดังนั้น จึงขายอะไรที่มีกำไรออกมา ส่วนหนึ่งเพื่อนำไปจ่ายหนี้ของตัวเองให้บรรเทาความเสียหายลง"นายสุขวัฒน์กล่าว
ทั้งนี้ มองว่าหุ้นที่ได้รับผลกระทบมากที่สุด น่าจะเป็นหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์ และหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ (คอมมอดิตี) ทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นหุ้นพลังงาน เดือนเรือ หุ้นปิโตรเคมี ซึ่งจะได้รับผลกระทบจากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดูไม่ดีแล้วหลังจากนี้
สำหรับกลยุทธ์ของแมนูไลฟ์ นายสุขวัฒน์กล่าวว่า กลยุทธ์ของเราคงจะไม่ขายออกไป แต่จะใช้การเปลี่ยนไปลงทุนในเซกเตอร์อื่นมากกว่า ซึ่งนอกจากเราจะมองที่ตัวบริษัทแล้ว ยังมองเรื่องของราคาด้วย ถ้าราคาถูกแล้วก็อาจจะถือต่อไป หรือหากราคาลงต่อก็เปลี่ยนไปลงทุนในเซกเตอร์อื่นๆ เช่น กลุ่มสื่อสาร กลุ่มพาณิชย์ ที่ได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อยจากปัญหาดังกล่าว
ด้านนายสุพรรณ เศษธะพาณิชย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการลงทุน บลจ.ยูไนเต็ด จำกัด กล่าวว่า เรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นทั่วโลก เพราะไม่ได้มีเพียงแค่นักลงทุนสหรัฐที่ถือหุ้น อีกทั้งมองว่าที่ผ่านมารัฐบาลสหรัฐพยายามแก้ปัญหาเฉพาะในเรื่องของผลกระทบลูกโซ่ (โดมิโน เอฟเฟ็ค) แต่ไม่แก้ปัญหาในส่วนของรากฐาน หรือสาเหตุให้ตรงจุดจึงเกิดปัญหาดังกล่าว
“นี่เป็นแค่จุดเริ่มต้น คาดว่าอาจมีผลกระทบระลอกใหม่ตามมา หากบรรดากองทุนต่างชาติที่ถือหุ้นอยู่ว่าจะเป็นกองทุนจากรัสเซีย จีน ตะวันออกกลางและอีกหลายประเทศถอดใจและเทขาย ซึ่งจะส่งผลรุกลามไปทั่วโลก โดยเฉพาะจะเกิดการกดันต่อสถาบันการเงินในประเทศต่างๆ ส่วนของไทยกระทบไม่มากเท่าที่ทราบมีเพียงไม่กี่แบงก์ที่เข้าไปลงทุนด้านธุรกรรมการเงินกับเขา อย่างไรก็ตาม มองว่าหากรัฐบาลสหรัฐเข้ามายื่นมาแก้ไข เชื่อว่าจะได้รับการสรรเสริญจากนานาประเทศ มากกว่าที่ยืนดูเฉยๆแล้วปล่อยให้มันเป็นไปตามกลไกตลาด เหมือนที่เคยออกมากล่าวหาประเทศอื่นๆ ที่รัฐบาลต้องยื่นมือเข้าไปแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือ”นายสุพรรณ กล่าว
นายดา หว่อง ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนชาวสิงคโปร์ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร www. pwforex.com ให้ความเห็นถึงเรื่องดังกล่าวว่า เรื่องนี้ยังไม่ถึงที่สุด เพราะบรรดาบริษัทวาณิชธนกิจรายใหญ่ของสหรัฐจำนวน 5 รายมีการลงนามข้อตกลงร่วมกันว่า หากรายใดประสบปัญหา บริษัทอื่นต้องต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือไม่ว่าจะเป็นการระดมเงินทุนปล่อยกู้ หรือวิธีอื่นๆ อีกทั้งเชื่อว่าในที่สุดรัฐบาลสหรัฐจะต้องออกมายื่นมือช่วยเหลือเรื่องดังกล่าว เพราะจะไม่ยอมปล่อยให้เกิดปัญหาทางด้านเศรษฐกิจมากไปกว่านี้แล้ว ขณะเดียวกันจากวิกฤตปัญหาในครั้งนี้นอกเหนือจากจะส่งผลให้ดัชนีหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง โดยเฉพาะดัชนีดาวโจนส์ ยังมีผลกระทบต่อค่าเงินดอลลาร์สหรัฐให้อ่อนตัวอีกด้วย
อย่างไรก็ตามเรื่องนี้ ในทางเทคนิคประเมินว่าเรื่องนี้จะเป็นการปรับตัวลดลงแค่ระดับหนึ่ง เพราะนักลงทุนรับข่าวข่าวสารมาก่อนหน้านี้แล้ว แต่ถ้าอีก 4 โบรกเกอร์รายใหญ่ไม่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ เช่นเดียวกับรัฐบาลสหรัฐที่ไม่ยื่นมาก็จะทำให้เกิดวิกฤตปัญาหสถาบันการเงินที่ลุกลามและหนักกว่าที่เกิดขึ้นในขณะนี้แน่นอน ส่วนประเทศไทย เชื่อว่าจะไม่ได้รับผลกระทบดังกล่าวโดยตรง
“หลังจากที่ราคาหุ้นดังกล่าวมีปัญหาปรับตัวลดลงเชื่อว่าจะมีการปรับตัวลดลงอีก แต่จะมีการรีบาวด์ขึ้นอีกครั้งเพื่อรอฟังความชัดเจนจากพันธมิตรร่วมธุรกิจ และรัฐบาลสหรัฐ หากยังมีสัญญาณที่ส่อออกมาในทางที่ไม่ดี เชื่อว่าราคาหุ้นรอบต่อไปจะร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งจะดึงให้ดัชนีหุ้นดาวโจนส์ และดัชนีหุ้นทั่วโลกไม่ว่ายุโรป และเอเชียปรับตัวลดลงมากกว่านี้”
นายอรุณศักดิ์ จรูญวงศ์นิลมล ผู้อำนวยการสายงานจัดการกองทุน บลจ.เอสซีบี ควอนท์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นน่าจะส่งผลต่อบรรยากาศการลงทุน เพราะนักลงทุนอาจจะขายสินทรัพย์เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือเงินสดมากยิ่งขึ้น อย่างเช่น การขายหุ้นและน้ำมัน เพื่อซื้อตราสารหนี้แทน
อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้เชื่อว่าทางการของสหรัฐฯ รวมไปถึงทางการของประเทศในทวีปยุโรป น่าจะมีการออกมาตราการเพื่อช่วยเหลือ แม้จะไม่สามารถเข้าช่วยเหลือได้โดยตรงเนื่องมาจากเป็นบริษัทเอกชน แต่เชื่อว่าทางการน่าจะพยายามหาทางช่วยแบบอ้อมๆ โดยหลังจากนี้ปัจจัยที่ต้องติดตามคือจะมีสถาบันการเงินแห่งอื่นที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกันกับเลห์แมน บราเธอร์ส อีกหรือไม่
ส่วนเรื่องผลกระทบต่อประเทศไทยนั้น นายอรุณศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนตัวเชื่อว่าเรื่องดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลโดยตรงมากนัก แต่น่าจะเป็นผลกระทบทางอ้อมมากกว่า เช่น สภาพคล่องในตลาดหุ้นที่อาจจะลดลงเพราะนักลงทุนต่างชาติเทขายหุ้น ส่วนด้านธุรกิจที่น่าจะได้รับผลกระทบนั้นต้องเป็นคนที่ทำธุรกิจกับเลห์แมน ซึ่งธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้ออกเปิดเผยแล้วว่ามีจำนวนไม่มาก
“นอกจากนี้อีกหนึ่งผลกระทบต่อประเทศไทยอาจได้รับคือ เม็ดเงินลงทุนจากจากสหรัฐที่จะเข้ามาก็อาจจะลดลงไปด้วยเช่นเดียวกัน" นายอรุณศักดิ์ กล่าว