ดร.ซุป ยัน ศก.ไทยแกร่ง แนะชะลอเมกะโปรเจกต์แก้เงินเฟ้อ

เลขาฯ “อังค์ถัด” เผย ต่างชาติมองพื้นฐาน ศก.ไทย ยังแข็งแกร่ง รับมือสถานการณ์การเมืองที่มีปัญหาในปัจจุบันได้ ชี้ การออก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ป่วนการท่องเที่ยวในระยะสั้น แนะรัฐควรชะลอเมกะโปรเจกต์ เพื่อลดแรงกดดันเงินเฟ้อ ส่วนมาตรการแบงก์ชาติ ให้คงอัตรา ดบ.ไว้ที่ระดับปัจจุบัน เพื่อรอดูต้นเหตุเงินเฟ้อที่แท้จริง

วันนี้ (8 ก.ย.) นายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการองค์การที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังค์ถัด (UNCTAD) เผยผลสำรวจความคิดเห็นของนักลงทุนในเอเชียมองเหตุการณ์ทางการเมืองของไทยที่กำลังมีปัญหาในขณะนี้ ย่อมมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศ และปฏิเสธไม่ได้ที่นักลงทุนจะรอติดตามสถานการณ์และชั่งน้ำหนักการลงทุนให้มากขึ้น แต่มองว่าน่าจะเป็นปัญหาในระยะสั้นเท่านั้น ประกอบกับทั่วโลก ก็ประสบปัญหาภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวจากปัญหาอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งหลายประเทศต้องเร่งปรับตัว

สำหรับในระยะยาว เชื่อว่า ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในการจัดอันดับให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่น่าลงทุนนั้น ประเทศไทยยังได้รับอันดับที่ดีอยู่ เนื่องจากพื้นฐานเศรษฐกิจไทยยังแข็งแกร่ง และยังมีความสามารถในการแข่งขันกับประเทศอื่นได้

“พื้นฐานแท้จริงเศรษฐกิจไทย ยังมีความแข็งแกร่ง และยังเป็นประเทศที่น่าลงทุนเป็นอันดับสองรองจากจีน โดยเฉพาะการลงทุนเกี่ยวกับการผลิตสินค้าโภคภัณฑ์ที่มีแนวโน้มราคาสูงขึ้นในตลาดโลก อันเป็นผลมาจากวิกฤตด้านอาหารและพลังงานโลก ซึ่งรัฐบาลมีนโยบายส่งเสริมการผลิตภาคการเกษตรอย่างมั่นคง”

เลขาธิการอังค์ถัด ยังกล่าวยอมรับว่า การประกาศใช้พระราชกำหนดฉุกเฉิน (พ.ร.ก.ฉุกเฉิน) ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยว ซึ่งสถานทูตไทยในประเทศต่างๆ ก็ได้มีการเร่งชี้แจงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว จึงน่าจะเป็นผลกระทบในระยะสั้นเท่านั้น

พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ประกาศเฉพาะในเขต กทม.คาดจะเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวเป็นหลัก ซึ่งเป็นปัญหาเพิ่มเติมจากที่เคยได้รับผลกระทบจากปัญหาราคาน้ำมันแพง จนทำให้ไม่สามารถแยกแยะได้ชัดเจนว่า ผลกระทบที่มีต่อระบบเศรษฐกิจของไทยนั้นมาจากสาเหตุใด

นายศุภชัย กล่าวยอมรับว่า ต่างชาติเฝ้าดูเหตุการณ์ทางการเมืองในไทย ว่า จะเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด โดยไม่ได้กังวลว่าจะเป็นปัญหาในระยะยาว ขณะที่ทั่วโลกเองต่างประสบปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัวและปัญหาเงินเฟ้อ

ด้านนโยบายด้านมหภาคเพื่อกระตุ้นการขยายตัวทางเศรษฐกิจของประเทศ ยังมีเสถียรภาพเรื่องราคา และในระยะยาวมีพื้นฐานโครงสร้างเศรษฐกิจที่สามารถแข่งขันได้ เช่นเดียวกับการดูแลอัตราแลกเปลี่ยน แม้เงินบาทจะแข็งค่าขึ้นในช่วงวิกฤตแต่ยังดูแลให้อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ ซึ่งหากการเจรจารอบโดฮาประสบความสำเร็จจะส่งผลดีต่อการค้าของไทย เพราะมีการเปิดเสรีตลาดสินค้าเกษตร

ทั้งนี้ หากการเจรจาองค์การการค้าโลก (WTO) เสร็จสิ้นลง เศรษฐกิจไทยยังจะได้รับกระตุ้น เพราะเป็นครั้งแรกที่มีการเปิดตลาดสินค้าเกษตร หลายประเทศที่ผลิตและส่งออกจะได้ประโยชน์ เช่น บราซิล รวมถึงไทย เพราะสินค้าโภคภัณฑ์ตลาดโลกมีแนวโน้มปรับสูงขึ้น แม้ปีนี้เริ่มปรับลงบ้าง แต่ประเทศไทยน่าจะยังมีโอกาสในตลาดสินค้าเหล่านี้

ส่วนกรณีเกิดวิกฤตการณ์อาหารโลก ไทยก็เป็นประเทศส่งออกอาหาร อีกทั้งมีนโยบายส่งเสริมด้านการเกษตรที่มั่นคงมาก โดยอังค์ถัดได้พยายามนำตัวอย่างประเทศไทยไปปฏิบัติ

ด้านภาคการเงินและดอกเบี้ยที่กำลังส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อ นายศุภชัย ระบุว่า การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) มีการใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อ ถือเป็นการส่งสัญญาณที่ถูกต้อง เนื่องจาก อัตราดอกเบี้ยที่แท้จริง ยังคงติดลบ แต่คงควรอัตราดอกเบี้ยไว้ในระดับนี้ เพื่อดูสาเหตุที่แท้จริงที่เป็นแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อ ก่อนที่จะมีการดำเนินนโยบายการเงิน ในการแก้ไขปัญหาให้ถูกทางอีกครั้ง

นอกจากนี้ เลขาธิการอังค์ถัด ยังแสดงความเห็นว่า รัฐบาลควรชะลอโครงการเมกะโปรเจกต์เอาไว้ก่อน เนื่องจากกลัวว่าจะเป็นการเพิ่มแรงกดดันต่ออัตราเงินเฟ้อ โดยควรหันไปดำเนินโครงการที่เพิ่มผลผลิตต่อหัวแทน เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีเงินออมมากขึ้น