“ไทยศรีประกันภัย” คุยผลประกอบการปีนี้ทะลุเป้าหมาย ส่วนกำไรอาจเกินกว่า 100 ล้านบาท เพราะควบคุมคุณภาพหนี้ และค่าใช้จ่ายในองค์กรได้ดี ส่วนการลงทุนในหุ้นขณะนี้ได้ชะลอไว้ก่อนเพราะภาวะตลาดไม่เอื้อแต่หันไปลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลเพิ่มแทน ล่าสุดเตรียมขายประกันความรับผิดต่อวิชาชีพ ต.ค.นี้ หนุนยอดเบี้ยรวมทั้งปีแตะ 1,800 ล้านบาท
นายนที พานิชชีวะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้น่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรืออาจเกินกว่าเล็กน้อย โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายกำไรสุทธิไว้ที่ 100 ล้านบาท แต่ในครึ่งปีแรกนั้นสามารถทำได้แล้ว 60 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 40 ล้านบาท ซึ่งกำไรส่วนใหญ่ในปีนี้จะมาจากการรับประกันภัย จากปกติกำไรส่วนใหญ่จะมาจากการลงทุนส่วนเบี้ยประกันรับรวมทั้งปีตั้งไว้ที่ 1,800 ล้านบาทเหมือนเดิม โดยปกติในช่วงครึ่งปีหลังนั้นบริษัทจะสามารถมีผลประกอบการที่ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก
ทั้งนี้ การที่กำไรของบริษัทมีเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนนั้น เป็นผลมาจากการควบคุมคุณภาพลูกหนี้ด้วยการคัดเลือกลูกค้า ประกอบกับราคาน้ำมันในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ในเกณฑ์สูง ส่งผลให้ประชาชนใช้รถยนต์น้อยลง รวมถึงมีการระมัดระวังในการขับรถมากขึ้นเกิดอุบัติเหตุน้อยลง บวกกับบริษัทได้ควบคุมการใช้จ่ายภายในองค์กร ส่งผลให้อัตราความเสียหายจากการรับประกันรวมของบริษัทลดลงเหลือ 52-53%
สำหรับภาพรวมการลงทุนในขณะนี้ ได้ชะลอการลงทุนในหุ้นทั้งในและต่างประเทศออกไปแล้วเนื่องจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย และบริษัทต้องระมัดระวังในเรื่องของภาวะภายนอกประเทศ โดยเฉพาะปัญหาซับไพรม์ในต่างประเทศและปัญหาการเมืองภายในประเทศต้องระวัง ทำให้การลงทุนในขณะนี้บริษัทจะหันมาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมากขึ้น เพราะการลงทุนในส่วนนี้จะได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยในประเทศ ที่เป็นขาขึ้นมาตลอดและเริ่มทรงตัวในช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่น่าลงทุน หลังจากนี้บริษัทจะเริ่มย้ายสัดส่วนการลงทุนในส่วนอื่นๆเข้ามาในสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมากขึ้น โดยปัจจุบันการลงทุนในพันธบัตรมีอยู่ประมาณ 50% ของพอร์ต
นอกจากนี้ ในไตรมาสที่ 4 บริษัทจะต้องปรับตัวเกี่ยวกับกฏเกณฑ์ที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้กำหนดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของหลัก Cash before Cover หรือ การจ่ายเงินก่อนถึงจะได้รับความคุ้มครอง จากเดิมที่กรมธรรม์ออกแล้วลูกค้าจ่ายเงินทีหลัง, การดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (RBC) และการเตรียมตัวรองรับระบบสัญญาณเตือนภัย โดยจะร่วมกับคู่ค้าโบรกเกอร์ เพื่อสร้างความเข้าใจให้มากขึ้น
นายนที กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมวางแบบประกันความรับผิดต่อวิชาชีพโดยจะเริ่มวางขายในเดือนตุลาคม ซึ่งจะเจาะเข้าไปในกลุ่มองค์กรเช่นเดียวกันกับประกันกลุ่ม
โดยได้กำหนดทุนประกันไว้ที่ 20 ล้านบาท เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 200,000-300,000 บาท สำหรับตลาดรายเดี่ยวบริษัทจะยังไม่เน้นขายเพราะจะไม่คุ้มในเรื่องของต้นทุน อย่างไรก็ตามหากลูกค้ารายเดี่ยวเกิดความต้องการทุนประกันกำหนดไว้ที่ 1 ล้านบาท เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 5,000-10,000 บาท ทั้งนี้การประกันความรับผิดต่อวิชาชีพนั้น จะเป็นตัวเสริมให้เบี้ยรวมของปีนี้อยู่ที่ 1,800 ล้านบาท
นายนที พานิชชีวะ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไทยศรีประกันภัย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่า ผลการดำเนินงานในปีนี้น่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรืออาจเกินกว่าเล็กน้อย โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าหมายกำไรสุทธิไว้ที่ 100 ล้านบาท แต่ในครึ่งปีแรกนั้นสามารถทำได้แล้ว 60 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 40 ล้านบาท ซึ่งกำไรส่วนใหญ่ในปีนี้จะมาจากการรับประกันภัย จากปกติกำไรส่วนใหญ่จะมาจากการลงทุนส่วนเบี้ยประกันรับรวมทั้งปีตั้งไว้ที่ 1,800 ล้านบาทเหมือนเดิม โดยปกติในช่วงครึ่งปีหลังนั้นบริษัทจะสามารถมีผลประกอบการที่ดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก
ทั้งนี้ การที่กำไรของบริษัทมีเพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนนั้น เป็นผลมาจากการควบคุมคุณภาพลูกหนี้ด้วยการคัดเลือกลูกค้า ประกอบกับราคาน้ำมันในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ในเกณฑ์สูง ส่งผลให้ประชาชนใช้รถยนต์น้อยลง รวมถึงมีการระมัดระวังในการขับรถมากขึ้นเกิดอุบัติเหตุน้อยลง บวกกับบริษัทได้ควบคุมการใช้จ่ายภายในองค์กร ส่งผลให้อัตราความเสียหายจากการรับประกันรวมของบริษัทลดลงเหลือ 52-53%
สำหรับภาพรวมการลงทุนในขณะนี้ ได้ชะลอการลงทุนในหุ้นทั้งในและต่างประเทศออกไปแล้วเนื่องจากภาวะตลาดไม่เอื้ออำนวย และบริษัทต้องระมัดระวังในเรื่องของภาวะภายนอกประเทศ โดยเฉพาะปัญหาซับไพรม์ในต่างประเทศและปัญหาการเมืองภายในประเทศต้องระวัง ทำให้การลงทุนในขณะนี้บริษัทจะหันมาลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมากขึ้น เพราะการลงทุนในส่วนนี้จะได้รับผลกระทบจากอัตราดอกเบี้ยในประเทศ ที่เป็นขาขึ้นมาตลอดและเริ่มทรงตัวในช่วงนี้จึงเป็นช่วงที่น่าลงทุน หลังจากนี้บริษัทจะเริ่มย้ายสัดส่วนการลงทุนในส่วนอื่นๆเข้ามาในสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลมากขึ้น โดยปัจจุบันการลงทุนในพันธบัตรมีอยู่ประมาณ 50% ของพอร์ต
นอกจากนี้ ในไตรมาสที่ 4 บริษัทจะต้องปรับตัวเกี่ยวกับกฏเกณฑ์ที่ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) ได้กำหนดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของหลัก Cash before Cover หรือ การจ่ายเงินก่อนถึงจะได้รับความคุ้มครอง จากเดิมที่กรมธรรม์ออกแล้วลูกค้าจ่ายเงินทีหลัง, การดำรงเงินกองทุนตามระดับความเสี่ยง (RBC) และการเตรียมตัวรองรับระบบสัญญาณเตือนภัย โดยจะร่วมกับคู่ค้าโบรกเกอร์ เพื่อสร้างความเข้าใจให้มากขึ้น
นายนที กล่าวว่า บริษัทได้เตรียมวางแบบประกันความรับผิดต่อวิชาชีพโดยจะเริ่มวางขายในเดือนตุลาคม ซึ่งจะเจาะเข้าไปในกลุ่มองค์กรเช่นเดียวกันกับประกันกลุ่ม
โดยได้กำหนดทุนประกันไว้ที่ 20 ล้านบาท เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 200,000-300,000 บาท สำหรับตลาดรายเดี่ยวบริษัทจะยังไม่เน้นขายเพราะจะไม่คุ้มในเรื่องของต้นทุน อย่างไรก็ตามหากลูกค้ารายเดี่ยวเกิดความต้องการทุนประกันกำหนดไว้ที่ 1 ล้านบาท เบี้ยประกันจะอยู่ที่ 5,000-10,000 บาท ทั้งนี้การประกันความรับผิดต่อวิชาชีพนั้น จะเป็นตัวเสริมให้เบี้ยรวมของปีนี้อยู่ที่ 1,800 ล้านบาท