PICO แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีนี้กำไรพุ่ง 169 % ผลจากรับงานต่างประเทศเพิ่ม และกำไรขั้นต้นสูง ขณะที่บอร์ดให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลอัตราหุ้นละ 0.20 บาท กำหนดจ่ายปันผล 4 กรกฎาคม 2551 "ศีลชัย" คงเป้ารายได้เท่ากับปี 50 ที่ระดับ 1,049 ล้านบาท เดินหน้าเข้าประมูลงานต่างประเทศ หลังในประเทศมีการแข่งขันสูง
นายศีลชัย เกียรติภาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์ )จำกัด (มหาชน) (PICO) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีนี้ว่ามีกำไรสุทธิ 44.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 16.55 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 168.64 % ขณะที่งวด 6 เดือนพบว่ามีกำไรสุทธิ 47.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มี 22.55 ล้านบาท
โดยงบการเงินรวมของบริษัทพบว่า มีรายได้รวมของกลุ่มบริษัทฯ งวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2551 คิดเป็นเงิน 591 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67 ล้านบาท เมื่อเทียบกับรายได้รวมในงวดเดียวกันกับปีที่ผ่านมา โดยมีกำไรขั้นต้น 170 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 39 ล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากในไตรมาสนี้บริษัทฯ ได้รับงานต่างประเทศ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูง และจากงานดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายบริหารเพิ่มขึ้น 20 ล้านบาท อันเกิดจากค่าใช้จ่ายด้านการขาย ซึ่งเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนของรายได้และกำไรสุทธิของบริษัทฯ ทำให้กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทฯ คิดเป็นเงิน 48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25 ล้านบาท หรือคิดเป็น 112 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันกับปีที่ผ่านมา
นายศีลชัย กล่าวว่าในปี 2551 บริษัทพยายามจะรักษาระดับรายได้ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 1,049 ล้านบาท และต้องการเห็นกำไรเติบโตขึ้น เนื่องจากครึ่งปีแรกเราทำกำไรได้ถึง 48 ล้านบาท และรายได้ 591 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่มากที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา แต่ปัจจัยภายในประเทศทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ รวมถึงต้นทุนต่างๆ ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ไม่อาจตั้งเป้าหมายรายได้สูงกว่าปี50
นายศีลชัย กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทพยายามสร้างรายได้ โดยเน้นรับงานต่างประเทศ หลักๆ คือ มาเลเซีย นอกจากนี้ยังไปรับงานในประเทศแถบแอฟริกา เช่น การจัดการประชุมว่าด้วยการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (อังก์ถัด) ในเมืองหลวงของกาน่า
"ปัจจุบัน เราเข้าประมูลงานในต่างประเทศ ประมาณ 4 งาน แต่ยอมรับว่าในต่างประเทศการแข่งขันสูง ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะได้กี่งาน ปัจจุบันเรามีงานในมือแล้ว 124 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ทั้งนี้แบ่งเป็นงาน Exhibition 60 ล้านบาท งานพิพิธภัณฑ์ 22 ล้านบาท และงานอีเวนต์มากกว่า 20 ล้านบาท " นายศีลชัยกล่าว
นายศีลชัย กล่าวต่อว่า ปีนี้ปัจจัยสำคัญของบริษัทคงเป็นเรื่องปัจจัยเรื่องปัญหาการเมืองภายในประเทศ ที่อาจจะมีเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย ส่วนงานในต่างประเทศก็ขึ้นอยู่กับงานที่จะสามารถประมูลได้ต่อเนื่องหรือไม่ และในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าบริษัทพยายามที่จะให้งานต่างประเทศมีสัดส่วนประมาณ 30% ของรายได้รวม โดยช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีสัดส่วนงานต่างประเทศสูงถึง 33% เมื่อเฉลี่ยทั้งปีอาจไม่ถึง 30% แต่จากการที่บริษัทมีเครือข่ายกว่า 27 บริษัทและมีสาขากว่า 30 สาขาทั่วโลกเชื่อว่าน่าจะสามารถเพิ่มสัดส่วนได้
นอกจากนี้ PICO ยังแจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2551 ประชุมเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2551 ซึ่งบอร์ดมีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลกำไรจากการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดไตรมาส 2 วันที่ 30 เมษายน 2551 ให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2551 เวลา 12.00 น. จำนวน 114,999,980 หุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 22,999,996 บาท และให้ดำเนินการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในวันที่ 4 กรกฎาคม 2551
นายศีลชัย เกียรติภาพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์ )จำกัด (มหาชน) (PICO) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปีนี้ว่ามีกำไรสุทธิ 44.46 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 16.55 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 168.64 % ขณะที่งวด 6 เดือนพบว่ามีกำไรสุทธิ 47.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มี 22.55 ล้านบาท
โดยงบการเงินรวมของบริษัทพบว่า มีรายได้รวมของกลุ่มบริษัทฯ งวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 เมษายน 2551 คิดเป็นเงิน 591 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 67 ล้านบาท เมื่อเทียบกับรายได้รวมในงวดเดียวกันกับปีที่ผ่านมา โดยมีกำไรขั้นต้น 170 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 39 ล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นผลมาจากในไตรมาสนี้บริษัทฯ ได้รับงานต่างประเทศ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นสูง และจากงานดังกล่าวส่งผลให้บริษัทฯ มีค่าใช้จ่ายในการขายบริหารเพิ่มขึ้น 20 ล้านบาท อันเกิดจากค่าใช้จ่ายด้านการขาย ซึ่งเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนของรายได้และกำไรสุทธิของบริษัทฯ ทำให้กำไรสุทธิของกลุ่มบริษัทฯ คิดเป็นเงิน 48 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25 ล้านบาท หรือคิดเป็น 112 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันกับปีที่ผ่านมา
นายศีลชัย กล่าวว่าในปี 2551 บริษัทพยายามจะรักษาระดับรายได้ให้ใกล้เคียงกับปีก่อนที่ 1,049 ล้านบาท และต้องการเห็นกำไรเติบโตขึ้น เนื่องจากครึ่งปีแรกเราทำกำไรได้ถึง 48 ล้านบาท และรายได้ 591 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่มากที่สุดในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา แต่ปัจจัยภายในประเทศทั้งการเมืองและเศรษฐกิจ รวมถึงต้นทุนต่างๆ ปรับเพิ่มขึ้น ทำให้ไม่อาจตั้งเป้าหมายรายได้สูงกว่าปี50
นายศีลชัย กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทพยายามสร้างรายได้ โดยเน้นรับงานต่างประเทศ หลักๆ คือ มาเลเซีย นอกจากนี้ยังไปรับงานในประเทศแถบแอฟริกา เช่น การจัดการประชุมว่าด้วยการค้าและการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (อังก์ถัด) ในเมืองหลวงของกาน่า
"ปัจจุบัน เราเข้าประมูลงานในต่างประเทศ ประมาณ 4 งาน แต่ยอมรับว่าในต่างประเทศการแข่งขันสูง ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าจะได้กี่งาน ปัจจุบันเรามีงานในมือแล้ว 124 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้ในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ทั้งนี้แบ่งเป็นงาน Exhibition 60 ล้านบาท งานพิพิธภัณฑ์ 22 ล้านบาท และงานอีเวนต์มากกว่า 20 ล้านบาท " นายศีลชัยกล่าว
นายศีลชัย กล่าวต่อว่า ปีนี้ปัจจัยสำคัญของบริษัทคงเป็นเรื่องปัจจัยเรื่องปัญหาการเมืองภายในประเทศ ที่อาจจะมีเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย ส่วนงานในต่างประเทศก็ขึ้นอยู่กับงานที่จะสามารถประมูลได้ต่อเนื่องหรือไม่ และในช่วง 3-5 ปีข้างหน้าบริษัทพยายามที่จะให้งานต่างประเทศมีสัดส่วนประมาณ 30% ของรายได้รวม โดยช่วงครึ่งปีแรกบริษัทมีสัดส่วนงานต่างประเทศสูงถึง 33% เมื่อเฉลี่ยทั้งปีอาจไม่ถึง 30% แต่จากการที่บริษัทมีเครือข่ายกว่า 27 บริษัทและมีสาขากว่า 30 สาขาทั่วโลกเชื่อว่าน่าจะสามารถเพิ่มสัดส่วนได้
นอกจากนี้ PICO ยังแจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2551 ประชุมเมื่อวันที่ 6 มิถุนายน 2551 ซึ่งบอร์ดมีมติให้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลกำไรจากการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดไตรมาส 2 วันที่ 30 เมษายน 2551 ให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีชื่อในทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ณ วันที่ 23 มิถุนายน 2551 เวลา 12.00 น. จำนวน 114,999,980 หุ้น ในอัตราหุ้นละ 0.20 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 22,999,996 บาท และให้ดำเนินการจ่ายเงินปันผลให้ผู้ถือหุ้นในวันที่ 4 กรกฎาคม 2551