xs
xsm
sm
md
lg

BAYรุกขยายลงทุนธุรกิจการเงิน หวังปั๊มยอดธุรกรรม-สรุป3ต.ค.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บอร์ดแบงก์กรุงศรีฯอนุมัติเข้าลงทุนในบริษัทประกอบธุรกิจการเงินเพิ่มเติม ระบุเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและเพิ่มมูลค่าธุรกิจ แต่ยังไม่สามารถเปิดรายละเอียดได้ คาดรู้ผลภายในวันที่ 3 ต.ค.นี้ แย้มพร้อมเดินหน้าลงทุนในธุรกิจอื่นต่อไปในอนาคต

นายตัน คอง คูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) (BAY) เปิดเผยถึงมติที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2551 ว่า คณะกรรมการได้มีมติอนุมัติให้ธนาคารดำเนินการเพื่อลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจทางการเงิน (Financial Services)เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและศักยภาพการเติบโตของธนาคาร โดยมอบหมายให้ฝ่ายบริหารของธนาคารเป็นผู้พิจารณารายละเอียด/เงื่อนไขธุรกิจอื่น ๆ และกำหนดราคาสุดท้ายที่จะยื่นแสดงความจำนงในการลงทุน ซึ่งไม่เกินช่วงราคาที่คณะกรรมการธนาคารได้กำหนดไว้ รวมทั้งดำเนินการอื่นใดที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เป็นไปตามข้อกำหนดของกฎหมาย

ทั้งนี้ เนื่องจากกระบวนการต่าง ๆ อยู่ระหว่างการเจรจาและยังไม่เสร็จสิ้น ธนาคารจึงจำเป็นต้องชะลอการเปิดเผยข้อมูลสารสนเทศและรายละเอียดต่าง ๆ ไว้ก่อนจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดผลเสียต่อความสามารถในการดำเนินการตามวัตถุประสงค์เชิงธุรกิจของธนาคาร เมื่อผลการดำเนินการได้ข้อสรุปที่แน่นอนแล้ว ธนาคารจะแจ้งให้ผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทราบผ่านระบบของตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม 2551 และจะนำเสนอต่อที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2551 เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้อนุมัติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากเงินกำไรของผลการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2551 ให้แก่ผู้ถือหุ้นสามัญจำนวน 5,815,932,873 หุ้น และให้รวมถึงหุ้นในส่วนที่เพิ่มขึ้นจากการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่ จะซื้อหุ้นสามัญของธนาคาร (BAY-W1) ด้วย ในอัตราหุ้นละ 0.15 บาท โดยกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลภายในวันศุกร์ที่ 26 กันยายน 2551 และกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2551 ในวันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม 2551

นางเยาวลักษณ์ พูลทอง ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านสื่อสารองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) เปิดเผยว่า กรณีที่คณะกรรมการของธนาคารมีมติเห็นชอบให้ดำเนินการเพื่อลงทุนในบริษัทที่ประกอบธุรกิจทางการเงินเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและศักยภาพของธนาคารนั้น การลงทุนดังกล่าวเป็นการใช้ประโยชน์จากฐานเงินทุนของธนาคารที่มีอยู่สูง

ทั้งนี้ หลังจากที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่คือกลุ่มจีอีได้ส่งผลให้ธนาคารมีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 17.4% ซึ่งเป็นข้อมูลเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาทำให้ธนาคารต้องหาประโยชน์จากฐานเงินทุนที่สูง

นอกจากนี้ ยังเป็นนโยบายหลักของผู้บริหารที่จะเน้นการเติบโตที่ไม่ได้มาจากภายใน โดยการซื้อกิจการของบริษัทอื่น เช่น ที่ผ่านมาก็ได้มีการซื้อบริษัท GE Capital Auto List เข้ามาเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการดำเนินธุรกิจ

สำหรับนโยบายในการลงทุนบริษัทประกอบธุรกิจทางการเงินดังกล่าวนั้น ขณะนี้การเจรจาก็คืบหน้าไปพอสมควรแล้ว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ว่าจะเข้าไปลงทุนในบริษัทใด

"ปัจจุบันธนาคารก็ไม่ได้ขาดในการให้ลงทุนในธุรกิจใดๆ ซึ่งการเข้าไปลงทุนครั้งนี้ก็จะเป็นการลงทุนเพื่อให้มีขนาดของการให้บริการที่ใหญ่ขึ้น ซึ่งหลังจากจบการลงทุนในครั้งนี้ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่อาจจะมีการเข้าไปลงทุนในอนาคตเพิ่มขึ้น เนื่องจากธนาคารยังเปิดกว้างที่จะพิจารณาตามนโยบายการเติบโตที่ไม่ได้มาจากภายในและหากธุรกิจดังกล่าวทำให้มูลค่าทางธุรกิจเพิ่มขึ้น"นางเยาวลักษณ์กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น