บลจ.บัวหลวง จ่ายปันผลกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนรอบที่ 14 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย ผู้ถือหน่วยเฮรับพร้อมกัน 27 ต.ค.นี้ ด้านโบรกเกอร์ชี้แม้พร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ไทยจะมีอัตราจ่ายปันผลสูง แต่มีเพียง "TFUND - SPF - CPNRF" ที่มีสภาพคล่องเพียงพอ
นายวินัย หิรัณย์ภิญโญภาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) กล่าวว่าบริษัทในฐานะบริษัทจัดการจะทำการกำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 14 จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2551 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2551 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.20 บาท โดยบริษัทจัดการกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 27 ตุลาคม 2551 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 16 ตุลาคม 2551
ด้านรายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของไทยยังคงมีปริมาณการซื้อขายเบาบาง โดยคาดว่าปัจจัยหลักที่จะช่วยหนุนให้กองทุนอสังหาริมทรัพย์พื้นตัวได้คือการกลับมาซื้อสุทมธิของนักลงทุนสถาบัน อย่างไรก็ตามแม้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จะมีอัตราผลตอบแทนในระดับสูง โดยมี 10 กองทุนที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทนมากกว่า 7% และมีส่วนลดจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่น่าประทับใจ แต่มีเพียง 3 กองทุนเท่านั้นที่มีสภาพคล่องเพียงพอได้แก่ TFUND , กองทุนรวทมอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย (SPF) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF)
ก่อนหน้านี้นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น หรือ TICON เปิดเผยว่า บริษัทจะเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน(TFUND) ที่ขยายหน่วยลงทุนอีก 2,950 ล้านบาทในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยเป็นการขายให้ผู้ถือหุ้นหน่วยเดิมและประชาชนทั่วไป โดยมีบล.บัวหลวง เป็นผู้จัดการกองทุน และขายผ่านธนาคารกรุงเทพ (BBL)
ทั้งนี้บมจ.ไทคอนจะนำโรงงาน 40 โรงงาน หรือคิดเป็นพื้นที่ 1 แสนตารางเมตร และคลังสินค้าอีก 10 แห่ง หรือประมาณ 3 หมื่นตารางเมตร ขายให้กับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนและในปี 2552 บริษัทยังมีแผนขยายกองทุนอสังหาฯ ดังกล่าวต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าการขายหน่วยเพิ่มทุนในครั้งนี้จะได้รับความสนใจจากประชาชน
ส่วนกรณีที่สถาบันการเงินในสหรัฐประสบภาวะล้มละลายนั้น นายวีรพันธ์ กล่าวต่อว่าแม้ว่า TFUND จะมีสถาบันจากต่างประเทศถือหน่วยลงทุนอยู่ โดยล่าสุดกลุ่ม GE Capital และ Capital Research จากสหรัฐ ถือหน่วยลงทุนแห่งละ 8% แต่ที่ผ่านมายังไม่มีการเทขายของ 2 กองทุนนี้ออกมา และเชื่อมั่นว่าคงไม่มีการเทขายเพราะทั้ง 2 แห่งถือหุ้นในบริษัทมานานและ TFUND ถือว่าเป็นกองทุนที่มีศักยภาพ
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภทไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยเข้าจดทะเบียนกองทุนเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2548 ด้วยจำนวนเงินทุนของโครงการ 5,770.25 ล้านบาท ซึ่งจำนวนเงินทุนในการเสนอขายครั้งแรกมีทั้งสิ้น 1,750 ล้านบาท
ทั้งนี้กองทุนมีนโยบายการลงทุนเพื่อระดมเงินทุนไปซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์รับโอนซึ่งอสังหาริมทรัพย์ หรือสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์และจัดหาผลประโชน์จากอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวตลอดจนทำการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงพัฒนาศักยภาพ หรือจำหน่ายทรัพย์สินต่าง ๆ ที่กองทุนได้ลงทุนไว้หรือมีไว้ ไม่ว่าจะเป็นการให้เช่าหรือขายรวมถึงดำเนินการอื่นใดเพื่อประโยชน์ของทรัพย์สินเพื่อมุ่งก่อให้เกิดรายได้และผลตอบแทนแก่กองทุนและผู้ถือหน่วยลงทุน
นายวินัย หิรัณย์ภิญโญภาศ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนรวม (บลจ.) บัวหลวง จำกัด ในฐานะบริษัทจัดการของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน (TFUND) กล่าวว่าบริษัทในฐานะบริษัทจัดการจะทำการกำหนดจ่ายเงินปันผลครั้งที่ 14 จากผลการดำเนินงานระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคม 2551 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2551 ในอัตราหน่วยลงทุนละ 0.20 บาท โดยบริษัทจัดการกำหนดจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในวันที่ 27 ตุลาคม 2551 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหน่วยลงทุน เพื่อกำหนดสิทธิในการรับเงินปันผลในวันที่ 16 ตุลาคม 2551
ด้านรายงานข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ระบุว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ของไทยยังคงมีปริมาณการซื้อขายเบาบาง โดยคาดว่าปัจจัยหลักที่จะช่วยหนุนให้กองทุนอสังหาริมทรัพย์พื้นตัวได้คือการกลับมาซื้อสุทมธิของนักลงทุนสถาบัน อย่างไรก็ตามแม้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์จะมีอัตราผลตอบแทนในระดับสูง โดยมี 10 กองทุนที่มีอัตราเงินปันผลตอบแทนมากกว่า 7% และมีส่วนลดจากมูลค่าสินทรัพย์สุทธิที่น่าประทับใจ แต่มีเพียง 3 กองทุนเท่านั้นที่มีสภาพคล่องเพียงพอได้แก่ TFUND , กองทุนรวทมอสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุย (SPF) และกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทล โกรท (CPNRF)
ก่อนหน้านี้นายวีรพันธ์ พูลเกษ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น หรือ TICON เปิดเผยว่า บริษัทจะเสนอขายหน่วยลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน(TFUND) ที่ขยายหน่วยลงทุนอีก 2,950 ล้านบาทในเดือนพฤศจิกายนนี้ โดยเป็นการขายให้ผู้ถือหุ้นหน่วยเดิมและประชาชนทั่วไป โดยมีบล.บัวหลวง เป็นผู้จัดการกองทุน และขายผ่านธนาคารกรุงเทพ (BBL)
ทั้งนี้บมจ.ไทคอนจะนำโรงงาน 40 โรงงาน หรือคิดเป็นพื้นที่ 1 แสนตารางเมตร และคลังสินค้าอีก 10 แห่ง หรือประมาณ 3 หมื่นตารางเมตร ขายให้กับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอนและในปี 2552 บริษัทยังมีแผนขยายกองทุนอสังหาฯ ดังกล่าวต่อเนื่องอีกไม่ต่ำกว่า 3 พันล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าการขายหน่วยเพิ่มทุนในครั้งนี้จะได้รับความสนใจจากประชาชน
ส่วนกรณีที่สถาบันการเงินในสหรัฐประสบภาวะล้มละลายนั้น นายวีรพันธ์ กล่าวต่อว่าแม้ว่า TFUND จะมีสถาบันจากต่างประเทศถือหน่วยลงทุนอยู่ โดยล่าสุดกลุ่ม GE Capital และ Capital Research จากสหรัฐ ถือหน่วยลงทุนแห่งละ 8% แต่ที่ผ่านมายังไม่มีการเทขายของ 2 กองทุนนี้ออกมา และเชื่อมั่นว่าคงไม่มีการเทขายเพราะทั้ง 2 แห่งถือหุ้นในบริษัทมานานและ TFUND ถือว่าเป็นกองทุนที่มีศักยภาพ
สำหรับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ไทคอน เป็นกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ประเภทไม่รับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยเข้าจดทะเบียนกองทุนเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2548 ด้วยจำนวนเงินทุนของโครงการ 5,770.25 ล้านบาท ซึ่งจำนวนเงินทุนในการเสนอขายครั้งแรกมีทั้งสิ้น 1,750 ล้านบาท
ทั้งนี้กองทุนมีนโยบายการลงทุนเพื่อระดมเงินทุนไปซื้อหรือเช่าอสังหาริมทรัพย์รับโอนซึ่งอสังหาริมทรัพย์ หรือสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์และจัดหาผลประโชน์จากอสังหาริมทรัพย์ดังกล่าวตลอดจนทำการปรับปรุง เปลี่ยนแปลงพัฒนาศักยภาพ หรือจำหน่ายทรัพย์สินต่าง ๆ ที่กองทุนได้ลงทุนไว้หรือมีไว้ ไม่ว่าจะเป็นการให้เช่าหรือขายรวมถึงดำเนินการอื่นใดเพื่อประโยชน์ของทรัพย์สินเพื่อมุ่งก่อให้เกิดรายได้และผลตอบแทนแก่กองทุนและผู้ถือหน่วยลงทุน