ไพร์มเนเจอร์ฯ เผยเตรียมผุด “ลองสเตย์ ระดับบน” เนื้อที่โครงการกว่า500 ไร่ ย่านอ.ศรีราชารองรับลูกค้านักท่องเที่ยว-ชาวต่างชาติที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม หลังเร่งออกแบบการพัฒนาโครงการ รายละเอียดรูปแบบการให้ผลตอบแทน เตรียมเสนอสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ คาดเริ่มดำเนินการพัฒนาโครงการภายในปี51 พร้อมจับมือพันธมิตรใหม่ จี.อี.ฯ ร่วมทุนก่อสร้างโครงการคอนโดมิเนียม ไพร์ม เนเจอร์ วิลล่า หัวหิน มูลค่ากว่า700ล้านบาท
นางสุนัทที เนื่องจำนงค์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไพร์ม เนเจอร์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า มีแผนที่จะนำที่ดินจำนวน 500 ไร่ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งบริษัทได้ทำสัญญาเช่าระยะยาว 25ปี และสามารถต่ออายุสัญญาเช่าได้อีก 25ปี จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พัฒนาเป็นลองสเตย์ระดับบน รองรับความต้องการกลุ่มนักท่องเที่ยว และชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ เพื่อยื่นเสนอแบบการก่อสร้างพัฒนาโครงการ และการเสนอผลตอบแทนในโครงการดังกล่าวต่อสำนักงานทรัพย์สิ้นส่วนพระมหากษัตริย์
สำหรับโครงการดังกล่าว บริษัทจะแบ่งแผนการพัฒนาโครงการออกเป็น3 เฟส โดยเฟสแรกบริษัทจะใช้พื้นที่ 100 ไร่ในการพัฒนาโครงการคาดว่าจะดำเนินการพัฒนาโครงการดังกล่าวได้ภายในปี 51 นี้ ทั้งนี้การนำที่ดินในอำเภอศรีราชามาพัฒนาโครงการลองสเตย์ เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีชาวต่างชาติเข้ามาทำงาน และเดินทางมาพักผ่อนจำนวน ในขณะที่จำนวนที่พักอาศัยรูปแบบลองสเตย์ ยังมีจำนวนน้อยไม่เพียงพอกับความต้องการโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานในนิคมอุตสาหกรรมจำนวนมาก สำหรับเม็ดเงินลงทุนในโครงการดังกล่าวนั้น บริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการเสนอแผนและผลตอบแทนต่อสำนักงานทรัพย์สินฯ
ส่วนความคืบหน้าการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 2อาคารที่ตั้งอยู่ในโครงการ ไพร์ม เนเจอร์ วิลล่า หัวหินนั้น ล่าสุดไพร์มเนเจอร์ฯ ได้ร่วมทุนกับบริษัท อี.จี. คอนสตรัคชัน จำกัด ในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมดังกล่าวแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านั้น บริษัทได้ร่วมเจรจาการลงทุนร่วมกับบริษัท อี.จี.คอนสตรัคชันฯ นานกว่า5 เดือน
ด้านนายรัฐไกร เอกเพชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อี.จี. คอนสตรัคชัน จำกัด กล่าวว่า หลังจากพิจารณารายละเอียดโครงการและตัดสินใจเข้าร่วมทุนกับบริษัทไพร์มเนเจอร์ฯ ในช่วงที่ผ่านได้ข้อสรุปว่าการร่วมทุนการพัฒนาโครงการดังกล่าว อี.จี.ฯจะถือหุ้นในสัดส่วน 80% และ ไพร์ม เนเจอร์ฯถือหุ้น 20% โดย อี.จี.ฯจะรับหน้าที่ในการบริหารงานก่อสร้างทั้งหมด ในขณะที่ไพร์มเนเจอร์ฯ จะรับหน้าที่ด้านการบริหารการขาย และการตลาด
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เสนอให้มีการปรับรูปแบบขนาดห้องชุดในโครงการใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับกำลังซื้อ และความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยบริษัทได้ปรับแบบขนาดห้องชุดให้มีขนาด และปรับราคาขายลดลง จากเดิมที่ขนาดห้องชุดมีขนาดใหญ่ถึง300 ตารางเมตรราคาเริ่มต้นที่ 25-30 ล้านบาท โดยได้ปรับแบบการก่อสร้างโครงการเป็นคอนโดมิเนียม สูง 6 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 93 ยูนิต บนพื้นที่ 2 ไร่200 ตารางวา ขนาดห้องชุดเริ่มตั้งแต่ 55-240 ตารางเมตร ราคา 4.9 - 32 ล้านบาท มูลค่าการลงทุนรวม470ล้านบาทแบ่งเป็นมูลค่าที่ดิน120ล้านบาท มูลค่าการก่อสร้าง350ล้านบาท โดยมีมูลค่าขายรวม 700 ล้านบาท
“ เดิมคอนโดมิเนียมดังกล่าวออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอย 300 ตารางเมตร แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเท่าสที่ควรเพราะขนาดยูนิตใหย่เกินไป จึงปรับขนาดพื้นที่ใช้สอยลดลงเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการและกำลังซื้อของลูกค้า ซึ่งหลังจากที่มีการปรับขนาดแล้วก็มีลูกค้าเก่ากลับมาซื้อแล้ว30%”
นางสุนัทที เนื่องจำนงค์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไพร์ม เนเจอร์ กรุ๊ป เปิดเผยว่า มีแผนที่จะนำที่ดินจำนวน 500 ไร่ในอำเภอศรีราชา จังหวัดชลบุรี ซึ่งบริษัทได้ทำสัญญาเช่าระยะยาว 25ปี และสามารถต่ออายุสัญญาเช่าได้อีก 25ปี จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ พัฒนาเป็นลองสเตย์ระดับบน รองรับความต้องการกลุ่มนักท่องเที่ยว และชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทย โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการออกแบบโครงการ เพื่อยื่นเสนอแบบการก่อสร้างพัฒนาโครงการ และการเสนอผลตอบแทนในโครงการดังกล่าวต่อสำนักงานทรัพย์สิ้นส่วนพระมหากษัตริย์
สำหรับโครงการดังกล่าว บริษัทจะแบ่งแผนการพัฒนาโครงการออกเป็น3 เฟส โดยเฟสแรกบริษัทจะใช้พื้นที่ 100 ไร่ในการพัฒนาโครงการคาดว่าจะดำเนินการพัฒนาโครงการดังกล่าวได้ภายในปี 51 นี้ ทั้งนี้การนำที่ดินในอำเภอศรีราชามาพัฒนาโครงการลองสเตย์ เนื่องจากบริษัทเล็งเห็นว่าในพื้นที่ดังกล่าวมีชาวต่างชาติเข้ามาทำงาน และเดินทางมาพักผ่อนจำนวน ในขณะที่จำนวนที่พักอาศัยรูปแบบลองสเตย์ ยังมีจำนวนน้อยไม่เพียงพอกับความต้องการโดยเฉพาะชาวญี่ปุ่นที่เข้ามาทำงานในนิคมอุตสาหกรรมจำนวนมาก สำหรับเม็ดเงินลงทุนในโครงการดังกล่าวนั้น บริษัทยังไม่สามารถเปิดเผยได้ เนื่องจากอยู่ระหว่างการเสนอแผนและผลตอบแทนต่อสำนักงานทรัพย์สินฯ
ส่วนความคืบหน้าการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม 2อาคารที่ตั้งอยู่ในโครงการ ไพร์ม เนเจอร์ วิลล่า หัวหินนั้น ล่าสุดไพร์มเนเจอร์ฯ ได้ร่วมทุนกับบริษัท อี.จี. คอนสตรัคชัน จำกัด ในการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมดังกล่าวแล้ว หลังจากที่ก่อนหน้านั้น บริษัทได้ร่วมเจรจาการลงทุนร่วมกับบริษัท อี.จี.คอนสตรัคชันฯ นานกว่า5 เดือน
ด้านนายรัฐไกร เอกเพชร กรรมการผู้จัดการ บริษัท อี.จี. คอนสตรัคชัน จำกัด กล่าวว่า หลังจากพิจารณารายละเอียดโครงการและตัดสินใจเข้าร่วมทุนกับบริษัทไพร์มเนเจอร์ฯ ในช่วงที่ผ่านได้ข้อสรุปว่าการร่วมทุนการพัฒนาโครงการดังกล่าว อี.จี.ฯจะถือหุ้นในสัดส่วน 80% และ ไพร์ม เนเจอร์ฯถือหุ้น 20% โดย อี.จี.ฯจะรับหน้าที่ในการบริหารงานก่อสร้างทั้งหมด ในขณะที่ไพร์มเนเจอร์ฯ จะรับหน้าที่ด้านการบริหารการขาย และการตลาด
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เสนอให้มีการปรับรูปแบบขนาดห้องชุดในโครงการใหม่ เพื่อให้เหมาะสมกับกำลังซื้อ และความต้องการของกลุ่มลูกค้า โดยบริษัทได้ปรับแบบขนาดห้องชุดให้มีขนาด และปรับราคาขายลดลง จากเดิมที่ขนาดห้องชุดมีขนาดใหญ่ถึง300 ตารางเมตรราคาเริ่มต้นที่ 25-30 ล้านบาท โดยได้ปรับแบบการก่อสร้างโครงการเป็นคอนโดมิเนียม สูง 6 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 93 ยูนิต บนพื้นที่ 2 ไร่200 ตารางวา ขนาดห้องชุดเริ่มตั้งแต่ 55-240 ตารางเมตร ราคา 4.9 - 32 ล้านบาท มูลค่าการลงทุนรวม470ล้านบาทแบ่งเป็นมูลค่าที่ดิน120ล้านบาท มูลค่าการก่อสร้าง350ล้านบาท โดยมีมูลค่าขายรวม 700 ล้านบาท
“ เดิมคอนโดมิเนียมดังกล่าวออกแบบให้มีพื้นที่ใช้สอย 300 ตารางเมตร แต่ไม่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าเท่าสที่ควรเพราะขนาดยูนิตใหย่เกินไป จึงปรับขนาดพื้นที่ใช้สอยลดลงเพื่อให้เหมาะสมกับความต้องการและกำลังซื้อของลูกค้า ซึ่งหลังจากที่มีการปรับขนาดแล้วก็มีลูกค้าเก่ากลับมาซื้อแล้ว30%”