บสส.เผยผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปีเกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ มียอดปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 36,817 ล้าน และยอดเงินสดชำระหนี้จำนวน 6,327 ล้าน พร้อมวางแผนเปิดสาขาเพิ่มในภาคตะวันออกเฉียงเหนืออีกแห่งปลายปีนี้
นางน้ำผึ้ง วงศ์สมิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) สถาบันการเงินของรัฐ ซึ่งมีกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฯ) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน ณ 30 มิถุนายน 2551 ของ บสส.เป็นที่น่าพอใจเกินเป้าหมาย กล่าวคือ บสส. มียอดปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 36,817 ล้านบาท ยอดเงินสดชำระหนี้จำนวน 6,327 ล้านบาท คิดเป็น 64.77 % และ 53.83 % ของเป้าหมาย ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2550 ที่เท่ากับ 32.23 % และ 32.87 % ตามลำดับ
ทั้งนี้ แม้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโดยทั่วไปจะยากลำบากขึ้น แต่บสส.มุ่งเน้นการให้ความรู้ความเข้าใจและเสนอทางเลือกแก่ลูกหนี้ให้ได้ข้อยุติร่วมกัน เพื่อช่วยให้ลูกหนี้สามารถดำเนินธุรกิจและประกอบอาชีพต่อไปได้ นอกจากนี้ บสส. ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทรัพย์สินรอการขาย ทำให้ได้ผลเกินเป้าหมาย คือ ขายได้จำนวน 1,811 ล้านบาท คิดเป็น 129.37 % ของเป้าหมาย ซึ่งเป็นผลตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อที่เห็นว่า เป็นทรัพย์ที่มีคุณภาพ ราคาสมเหตุสมผล ไม่มีปัญหาเรื่องกรรมสิทธิ์ หรือ อุปสรรคข้อกฎหมายต่างๆ และทีมงานขายให้บริการเป็นที่น่าประทับใจ
นางน้ำผึ้งกล่าวอีกว่า ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา บสส.ได้ประมูลซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL)จากสถาบันการเงินสองแห่ง ยอดหนี้เงินต้นรวม 9,266.56 ล้านบาท เป็นลูกหนี้จำนวนกว่า 1,400 ราย โดยนับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา บสส. ได้เข้าร่วมประมูลซื้อ NPL จากสถาบันการเงินต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ชนะการประมูลรวม 12 ครั้ง รวมยอดหนี้เงินต้นที่ซื้อได้เท่ากับ 42,445 ล้านบาท
และเมื่อปลายปี 2550 บสส. ได้เปิดสาขาเชียงใหม่ ซึ่งสามารถช่วยแก้ไขปัญหาลูกหนี้รายย่อยใน ภาคเหนือได้ตามเป้าหมาย จากความสำเร็จดังกล่าว บสส. จึงมีแผนการที่จะเปิดสาขาเพิ่มอีกแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณปลายปี 2551 นี้ เพื่อเร่งให้บริการปรับโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้รายย่อยที่อยู่ห่างไกล และเก็บเงินสดให้ได้ตามเป้าหมายที่กองทุนฯ กำหนด
นางน้ำผึ้ง วงศ์สมิทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บริหารสินทรัพย์สุขุมวิท จำกัด (บสส.) สถาบันการเงินของรัฐ ซึ่งมีกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฯ) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน ณ 30 มิถุนายน 2551 ของ บสส.เป็นที่น่าพอใจเกินเป้าหมาย กล่าวคือ บสส. มียอดปรับโครงสร้างหนี้ จำนวน 36,817 ล้านบาท ยอดเงินสดชำระหนี้จำนวน 6,327 ล้านบาท คิดเป็น 64.77 % และ 53.83 % ของเป้าหมาย ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันของปี 2550 ที่เท่ากับ 32.23 % และ 32.87 % ตามลำดับ
ทั้งนี้ แม้ว่าสถานการณ์ทางเศรษฐกิจโดยทั่วไปจะยากลำบากขึ้น แต่บสส.มุ่งเน้นการให้ความรู้ความเข้าใจและเสนอทางเลือกแก่ลูกหนี้ให้ได้ข้อยุติร่วมกัน เพื่อช่วยให้ลูกหนี้สามารถดำเนินธุรกิจและประกอบอาชีพต่อไปได้ นอกจากนี้ บสส. ได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายทรัพย์สินรอการขาย ทำให้ได้ผลเกินเป้าหมาย คือ ขายได้จำนวน 1,811 ล้านบาท คิดเป็น 129.37 % ของเป้าหมาย ซึ่งเป็นผลตอบรับที่ดีจากผู้ซื้อที่เห็นว่า เป็นทรัพย์ที่มีคุณภาพ ราคาสมเหตุสมผล ไม่มีปัญหาเรื่องกรรมสิทธิ์ หรือ อุปสรรคข้อกฎหมายต่างๆ และทีมงานขายให้บริการเป็นที่น่าประทับใจ
นางน้ำผึ้งกล่าวอีกว่า ในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมา บสส.ได้ประมูลซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ (NPL)จากสถาบันการเงินสองแห่ง ยอดหนี้เงินต้นรวม 9,266.56 ล้านบาท เป็นลูกหนี้จำนวนกว่า 1,400 ราย โดยนับตั้งแต่ปี 2548 เป็นต้นมา บสส. ได้เข้าร่วมประมูลซื้อ NPL จากสถาบันการเงินต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนมาอย่างต่อเนื่อง โดยได้ชนะการประมูลรวม 12 ครั้ง รวมยอดหนี้เงินต้นที่ซื้อได้เท่ากับ 42,445 ล้านบาท
และเมื่อปลายปี 2550 บสส. ได้เปิดสาขาเชียงใหม่ ซึ่งสามารถช่วยแก้ไขปัญหาลูกหนี้รายย่อยใน ภาคเหนือได้ตามเป้าหมาย จากความสำเร็จดังกล่าว บสส. จึงมีแผนการที่จะเปิดสาขาเพิ่มอีกแห่งหนึ่งในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประมาณปลายปี 2551 นี้ เพื่อเร่งให้บริการปรับโครงสร้างหนี้กับลูกหนี้รายย่อยที่อยู่ห่างไกล และเก็บเงินสดให้ได้ตามเป้าหมายที่กองทุนฯ กำหนด