เลขาธิการพรรค ปชป.ชักถอดใจลูกพรรคจ้องถอดถอน เหตุอุ้มพรรคร่วมแก้ รธน. เสียงอ่อยแก้แก้ได้ก็แก้ แก้ไม่ได้ก็ไม่ต้องแก้ โบ้ยสุดท้ายขึ้นกับเสียงใหญ่ อ้างประเทศชาติต้องเดินหน้าต่อไป ปัดเล่นบท 2 หน้า เชื่อพรรคร่วมเข้าใจ
วันนี้ (16 ต.ค.) นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์จำนวนกว่า 100 คนออกมาระบุจะไม่ร่วมลงชื่อด้วยว่า ไม่ทราบ ก็ยังเป็นแค่ข่าว เพราะในพรรคประชาธิปัตย์ การแสดงความเห็นโดยเสรีของสมาชิกถือเป็นเรื่องธรรมดา แต่เมื่อเสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไรก็ต้องเป็นไปตามนั้น แต่ที่เข้าใจตรงกันในพรรคก็คือต้องมีการทำประชามติ สอบถามประชาชนในฐานะเจ้าของประเทศว่า เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือไม่ ซึ่งพรรคก็ต้องฟัง
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะเป็นความเห็นที่สวนทางกันหรือไม่ ระหว่างหัวหน้าพรรคกับสมาชิกพรรค เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะทั้งตนและหัวหน้าพรรคก็ไปในทางเดียวกัน ส่วนสมาชิกพรรคคนอื่นๆ ก็คิดเห็นได้อาจจะเหมือนหรือไม่เหมือนตนและหัวหน้าพรรคก็ได้ เป็นธรรมดา เมื่อถามว่าอย่างนี้พรรคร่วมรัฐบาลจะวิจารณ์หรือไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์เล่นบท 2 หน้า นายสุเทพกล่าวว่า เขาคงไม่คิดอย่างนั้น เพราะพรรคร่วมรัฐบาลก็รู้จักพรรคประชาธิปัตย์ดีว่าไม่มีระบบยึดตัวหัวหน้าพรรค หรือเลขาธิการพรรคสั่งซ้ายหัน ขวาหันได้ ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพของตัวเอง
ผู้สื่อข่าวถามว่าที่ ส.ส.พรรคค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเห็นว่ารัฐธรรมนูญปี 50 ทำให้พรรคได้เปรียบดีอยู่แล้ว จึงไม่อยากแก้เพราะอาจทำให้พรรคเสียเปรียบได้ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แล้วแต่ใครจะพูด
“ผมมีภาระหน้าที่ในการดูแลให้บ้านเมืองอยู่ได้ ให้รัฐบาลอยู่ได้ เพื่อที่จะปฏิบัติหน้าที่แก้ไขปัญหาวิกฤตการณ์ของบ้านเมือง เพราะฉะนั้นทุกอย่างที่ผมตัดสินใจทำไปก็เพื่อวัตถุประสงค์ 2 อย่างนี้คือเพื่อให้บ้านเมืองของเราอยู่ได้ มีความมั่นคง และรัฐบาลมีความมั่นคงที่จะทำภารกิจให้สำเร็จ ส่วนท่านอื่นอาจจะโชคดีกว่าผมที่ไม่ต้องรับภาระอย่างนี้ ก็ไม่เป็นไร” นายสุเทพ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า ส.ว.ตั้งข้อสังเกตว่า เป้าหมายของการแก้ไขรัฐธรรมนูญคือความสมานฉันท์ แต่ 6 ประเด็นนี้ยังมองไม่ออกว่าจะสมานฉันท์ได้ตรงไหน นายสุเทพกล่าวว่า ส.ว.ก็ต้องไปถามคณะกรรมการสมานฉันท์ฯ เพราะ 6 ประเด็นนี้มาจากคณะกรรมการสมานฉันท์ฯที่รัฐสภาตั้งขึ้นมาเอง และสมาชิกรัฐสภาก็แสดงความเห็นกันมากมาย ซึ่งนายกฯก็ยินดีเพียงแต่ให้เพิ่มว่าต้องให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินเท่านั้น
เมื่อถามว่าขณะนี้พรรคเพื่อไทยก็ถอนตัวไปแล้ว และในพรรคประชาธิปัตย์เองก็ยังมีปัญหาไม่เป็นเอกภาพ อย่างนี้โอกาสที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญจะมีหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า อย่าไปวิตกกังวลเกินไป
“รัฐธรรมนูญแก้ได้ก็แก้ แก้ไม่ได้ก็ไม่ต้องแก้ บ้านเมืองก็ต้องอยู่ได้ ต้องเดินหน้าต่อไป เราอย่าแตกแยกกันจนบ้านเมืองยับเยินก็แล้วกัน แต่การที่จะแก้หรือไม่แก้ อย่าเอาอารมณ์หรือความคิดของนักการเมืองเท่านั้น มาตัดสิน ถามประชาชนในประเทศก่อนดีกว่า ต้องเคารพประชาชน” นายสุเทพกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จริงๆ ตอนนี้ยังมีกลุ่มทศวรรษใหม่ในพรรคประชาธิปัตย์อยู่หรือไม่ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า ตนไม่เห็นว่ามี และถ้าใครพยายามจะทำให้มีตนก็ไม่ยอม “ผมอยู่ในพรรคประชาธิปัตย์มา ผมก็อยากเห็นพรรคของผมมั่นคงแข็งแรง เป็นที่พึ่งของประชาชนได้ ซึ่งการที่จะมั่นคงเป็นที่พึ่งของประชาชนได้ พรรคก็ต้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ความเห็นในทางการเมืองประเด็นใด ประเด็นหนึ่งสมาชิกก็มีเสรีภาพที่จะแสดงความเห็นได้ เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคของทุกคน เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แสดงความเห็น แต่เมื่อความเห็นไม่ตรงกันก็เอาเสียงส่วนใหญ่มาตัดสิน ไม่ใช่ความเห็นไม่ตรงกันแล้วมาแยกพวกกันอย่างนี้ไม่ใช่” เลขาธิการพรรคกล่าว และว่า อย่างไรก็ตามตนคงไม่จำเป็นต้องไปไล่เช็คเสียงที่สนับสนุนนายกฯและตนมีแค่ไหน และไม่รู้จะเช็คไปทำไม ถึงเวลาก็ต้องมาประชุมกันหมดทุกคน และไม่ใช่เรื่องที่ตนหรือนายกฯ จะต้องไปเอาแพ้เอาชนะกับใคร ส่วนจะให้ฟรีโหวตหรือไม่นั้น เรื่องนี้พรรคก็มีระบบของพรรค
ผู้สื่อข่าวถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่ากรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะไม่เป็นน้ำผึ้งหยดเดียวในพรรคเหมือนกับกลุ่ม 10 มกรา ที่เคยมีมาในอดีต นายสุเทพกล่าวว่า ไม่มี ไม่ใช่อย่างนั้นแน่นอน ไม่มีอะไรที่ร้ายแรง เมื่อถามว่าหากรัฐบาลเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว ไปไม่ได้ นายกฯ จะเสียหน้าหรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องของนายกฯ ที่มาเริ่มต้น คนอื่นมาเริ่มต้นให้ และทุกฝ่ายตอนนั้นก็แข็งแรกันดีว่าอยากจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีแต่คนกังวลด้วยซ้ำไปว่านายกฯ จะเอาด้วยหรือไม่ แต่นายกฯ ก็ตามใจ เมื่อเสียงส่วนใหญ่ว่าอย่างไร ก็เอาตามนั้น ก็ชัดเจน
