นายกฯ อภิสิทธิ์ เตรียมหารือวิป 3 ฝ่าย ถกแก้รัฐธรรมนูญ คาดเป็นช่วงประชุมสภาราวสิ้นเดือน ก.ย.นี้ ยืนยันต้องทำประชามติถามความเห็นประชาชนก่อน เมินเสียงสวดผลาญงบฯ อ้างคุ้มประชาชนมีส่วนร่วม ปัดซื้อเวลา ยันก่อน 9 เดือนจบแน่
วันนี้ (28 ก.ย.) เมื่อเวลา 12.00 น. นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการหารือร่วมวิป 3 ฝ่ายในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่าจะประสานกับทางคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) คาดว่าจะเป็นช่วงที่มีการประชุมสภา ไม่วันพุธที่ 30 ก.ย.หรือไม่ก็วันพฤหัสบดีที่ 1 ต.ค.คงจะได้คุยกัน เมื่อถามว่าในการคุยกันจะเสนอแนวทางอะไรกับวิป 3 ฝ่าย นายกฯ กล่าวว่า ยังยีนยันเหมือนเดิมว่าดีที่สุดคือให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้ ถ้าเป็นประชามติก็จะชัดเจนดี และจะได้ไม่มีข้อโต้แย้ง ไม่เช่นนั้นจะมีคำถามตลอดเวลาว่า สิ่งที่พวกเราทำกันอยู่ในสภามันเป็นความต้องการของประชาชนจริงหรือไม่
เมื่อถามว่ามีหลายฝ่ายออกมาทักท้วงเรื่องการทำประชามติ อย่างเช่นพรรคภูมิใจไทย นายอภิสิทธิ์ย้อนถามว่า ท้วงเรื่องอะไร ผู้สื่อข่าวบอกว่าภูมิใจไทยบอกว่าไม่จำเป็นที่จะต้องทำประชามติ โดยเฉพาะใน 2 มาตรา โดยเฉพาะมาตรา 190 กับการเลือกตั้งแบบเขตเดียวเบอร์เดียว นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า แล้วเราจะไปตัดสินแทนประชาชนได้อย่างไรว่าประเด็นไหนต้องถาม ประเด็นไหนไม่ต้องทำ ตนคิดว่าการถามจะถาม 1 ประเด็นหรือถาม 6 ประเด็นก็บริหารจัดการไม่ได้ยากกว่ากัน ฉะนั้น มันน่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุด คงจะไปพูดคุยกันด้วยเหตุด้วยผล
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าจะได้ความเห็นร่วมกันในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนยังเชื่ออย่างนั้นว่าถ้าเกิดเราต้องการที่จะหาคำตอบในเรื่องนี้ ไม่น่าจะมีอะไรดีกว่าแนวทางนี้แล้ว เราถกเถียงกันเรื่องนี้ และขัดแย้งกันเรื่องนี้มา ตอนนี้ก็ 2 ปีแล้ว ถ้าไม่มีจุดที่เราไปหาจุดจบที่เป็นที่ยอมรับได้ก็จะถกเถียงกันไปไม่จบไม่สิ้น และสุดท้ายก็ต้องให้ประชาชนเป็นคนตัดสิน ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ข้อเสนอที่ให้ทำประชามติทั้งก่อนและหลังการแก้ไขรัฐธรรมนูญเห็นด้วยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า คงไม่ต้องทั้งก่อนและหลัง ตนคิดว่าถ้าถามประชาชนทีหลัง คือหมายความว่า ให้เห็นชัดเจนว่าจะแก้อะไร อย่างไรมันดีที่สุด ก่อนหน้านี้ในปีที่แล้วเคยมีการพูดถึงกันในขณะนั้นว่า ให้ไปถามประชาชนว่าจะแก้หรือไม่แก้ มันเป็นคำถามซึ่งประชาชนตอบไม่ได้ หรือถ้าตอบได้ก็ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร เพราะถ้าตอบว่าแก้ก็ไม่รู้ว่าแก้เรื่องไหน ฉะนั้นก็เอาให้มันชัดไปเลยว่าถ้าจะแก้อย่างนี้ ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย เมื่อถามว่า คิดว่าควรทำประชามติทีเดียวหลังจากแก้ไขรัฐธรรมนูญเสร็จสิ้นแล้วใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนคิดว่าง่ายที่สุด ตรงที่สุด เข้าใจง่ายที่สุด และน่าจะเป็นข้อยุติที่ทุกฝ่ายยอมรับได้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ตอนนี้มีการหยิบยกเหตุผลว่าถ้ามีการทำประชามติจะทำให้ล่าช้าและสิ้นเปลืองงบประมาณ คิดว่ามันหักล้างกับการมีส่วนร่วมของประชาชนในเรื่องนี้ได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนคิดว่ามันคุ้มค่าหากบ้านเมืองยังขัดแย้งอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ในเรื่องนี้ก็ไม่ได้เป็นผลดีอะไรกับใคร สู้ทำกระบวนการนี้ให้มีความชัดเจนให้จบ และถ้าบอกว่ามันช้า ขอถามว่าที่ผ่านมาทำได้ไหมเรื่องรัฐธรรมนูญ พอจะทำก็ทำไม่ได้ติดขัดอยู่ตลอดเวลา เพราะมีความขัดแย้งในสังคม ครั้งนี้ก็ทำกระบวนการแก้ความขัดแย้งให้เป็นไปตามหลักประชาธิปไตย คือให้ประชาชนลงประชามติดีที่สุด
เมื่อถามว่า ห่วงหรือไม่ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้จะสดุดติดหล่มอีกครั้ง เพราะนักการเมืองยังห่วงไม่ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม นายกฯ กล่าวยอมรับว่า ยังเป็นห่วงอยู่ แต่ยังเชื่อว่าในที่สุดเรามีบทเรียนมาแล้ว 2 ปีน่าจะเพียงพอที่ทำให้นักการเมืองต้องรู้ว่า ถ้าไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมจะทำอะไรไม่สำเร็จ และถ้าตั้งใจจะสมานฉันท์ ปรองดองจริงๆ และไม่ดึงประชาชนเข้ามาก็ทำไม่สำเร็จ เมื่อถามต่อว่าจะคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ก็คงจะคุยพร้อมๆ กันไปเลย สะดวกดี
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง ออกมาระบุว่าแม้ทำประชามติปัญหาความขัดแบ้งก็ไม่จบ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ความขัดแย้งในส่วนอื่นก็อาจจะยังมีอยู่ เราคงไม่สามารถไปคาดหวังว่าแก้รัฐธรรมนูญแล้วความขัดแย้งจะหมดไป แต่อย่างน้อยความขัดแย้งในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับรัฐธรรมนูญ ซึ่งพูดกันมามากและมักจะหยิบยกขึ้นมาโดยเฉพาะความรู้สึกว่า รัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันเป็นสัญญาลักษณ์ของการรัฐประหาร มันจะได้หมดไปเปราะหนึ่ง เมื่อถามว่าคิดว่าจะช่วยคลี่คลายสถานการณ์ได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า คิดว่าอย่างน้อยเรื่องนี้จะเป็นคำตอบ หากทำอันนี้แล้วยังมีการหยิบยกเรื่องนี้มาเป็นเงื่อนไขอีกก็แสดงให้เห็นว่าไม่ใช่แล้ว อันนี้ไม่ใช่เงื่อนไขที่แท้จริงที่เป็นปัญหา
ต่อข้อถามที่ว่า ถ้าวุฒิสมาชิกและพรรคร่วมรัฐบาลไม่เอาประชามตินายกฯ จะยืนยันแนวทางนี้ต่อไปใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ตนพูดตรงๆ ว่ายังมองไม่เห็นว่าเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญแล้วจะเกิดวิกฤตอีกหรือเปล่า ฉะนั้น การทำประชามติตนไม่ได้มีส่วนได้เสียอะไรกับคิดว่า มันน่าจะได้ข้อยุติ
“มีแต่คนพยายามมากล่าวหาผมว่าจะซื้อเวลาเรื่องนี้ไปเรื่อยๆ ผมก็กำหนดกระบวนการ อาจจะไม่เร็วเท่าที่บางคนอยากจะได้ แต่ชัดเจนและจบ ผมว่าน่าจะเป็นแนวทางที่ดีที่สุดแล้ว” นายกฯ กล่าว
ส่วนกรอบเวลาที่เหมาะสมในการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นอย่างไรนั้น นายกฯ กล่าวว่า ตนเห็นว่า หากสมมติทุกพรรคมาร่วมกันร่างและพิจารณาในสภา โดยหลักอาจจะประมาณ 1-2 เดือน หลังจากนั้นถ้าในตัวการแก้ไขมีเรื่องประชามติเข้ามาด้วยก็ใช้เวลาอีกประมาณ 2-3 เดือนในการทำประชามติ หากได้ข้อยุติว่ามีความจำเป็นจะต้องแก้กฎหมายก็คงไม่แก้หลายประเด็นมากนัก ก็อีก 2-3 เดือนจบ
เมื่อถามว่า แสดงว่ามั่นใจว่า 9 เดือนจะจบ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า รวมกันแล้วตนว่าไม่ถึง 9 เดือน เมื่อถามว่า มั่นใจว่ารัฐบาลยุคนี้ทำได้ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า รัฐบาลทำไม่ได้ ต้องอยู่ที่สภา ซึ่งสภาจะต้องเป็นคนทำ แต่รัฐบาลกำหนดแนวทางไว้ให้หมดแล้วในข้อเสนอตรงนี้และจะสนับสนุนเต็มที่ แต่โดยระบบต้องอาศัยเสียงข้างมากของรัฐสภา ซึ่งรัฐบาลไม่ได้มีเสียงข้างมากในรัฐสภา