คอลัมน์ "รอบรู้ตลาดทุน" โดย ..มนตรี ศรไพศาล (ฝ่ายวิชาการ ชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย) (montree4life@yahoo.com)
ช่วงนี้ ผมขอถอดหมวกนักธุรกิจ แต่สวมหมวกฝ่ายวิชาการ ชมรมนักธุรกิจเพื่อประชาธิปไตย อดีตนักกิจกรรม นายกสโมสรนิสิต จุฬาฯ ปี 2527 ด้วยความรักและห่วงใยในบ้านเมืองจริงๆครับ ผมติดตามกระบวนการยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับกรณีสำคัญ ของบุคคลสำคัญระดับอดีตผู้นำของประเทศ ก็เห็นตัวอย่างคำพิพากษา เต็มไปด้วยหลักฐานที่ทุกฝ่ายได้เห็นยุติตรงกัน วินิจฉัยด้วยเหตุด้วยผล เปิดเผยข้อมูลทุกด้านอย่างชัดเจน ผมขอถ่ายทอดข้อกล่าวหาที่ปรากฏในคำพิพากษา ดังนี้
เมื่อวันที่ 7 พ.ย.2540 จำเลยทั้งสามได้บังอาจร่วมกันหลีกเลี่ยงการเสียภาษีอากร โดยใช้อุบายว่าจำเลยที่ 2 (คุณหญิง พจมานชินวัตร) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) สั่งขายหุ้นบริษัทดังกล่าวของจำเลยที่ 2 ซึ่งมีชื่อของ น.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี หรือนางดวงตา ประมูลเรือง เป็นผู้มีชื่อทางทะเบียนถือการครอบครองแทน รวมมูลค่าหุ้น 738,00,000 บาท ให้กับจำเลยที่ 1 (นาย บรรณพจน์ ดามาพงศ์) ซึ่งเป็นญาติของจำเลยที่ 2 โดยจำเลยทั้งสามร่วมกันแสดงเจตนาลวงว่าได้มีการซื้อขายหลักทรัพย์ผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งได้รับการยกเว้นไม่ต้องนำมูลค่าหลักทรัพย์ที่ได้จากการขายหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์มา รวมคำนวณเป็นเงินได้พึงประเมิน เพื่อประเมินเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ความจริงแล้วจำเลยที่ 2 ไม่ได้ขายหุ้นจำนวนดังกล่าวให้แก่จำเลยที่ 1 แต่เป็นการโอนหุ้นให้กับจำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นญาติของจำเลยที่ 2 เป็นการอำพรางการให้ ซึ่งจำเลยที่ 1 ผู้รับการให้จะต้องนำมูลค่าหลักทรัพย์ประมาณ 738,000,000 บาท มาคำนวณเพื่อเสียภาษีเงินได้พึงประเมิน ประจำปี 2540 เป็นเงินจำนวน 273,060,000 บาท ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ยื่นแบบแสดงรายการเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประจำปี 2540 โดยมิได้นำค่าหุ้นดังกล่าว มารวมคำนวณเป็นเงินได้เพื่อเสียภาษี การกระทำของจำเลยทั้งสามดังกล่าวเป็นการร่วมกันกระทำโดยความเท็จ โดยฉ้อโกง โดยอุบาย หรือวิธีการอื่นใดทำนองเดียวกัน เป็นเหตุให้รัฐเสียหายขาดรายได้
หลักฐานแสดงข้อมูลที่ยุติตรงกัน ทั้งโจทย์และจำเลยว่า มีการทำรายการลวงว่าเป็นซื้อขายหุ้นโดยจำเลยที่ 1 จาก น.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี อดีตคนรับใช้ของจำเลยที่ 2 โดยมีการโอนเงินจากจำเลยที่ 2 แทนจำเลยที่ 1 ให้แก่บริษัทหลักทรัพย์ และบริษัทหลักทรัพย์นั้นก็จ่ายเช็คแก่ น.ส.ดวงตา วงศ์ภักดี แต่กลับนำไปเข้าบัญชี เพื่อคืนเงินกว่า 700 ล้านบาทนั้น กลับให้จำเลยที่ 2
หลักฐานทุกอย่างชัดเจน สะท้อนการปกปิดหลีกเลี่ยงภาษีชัดเจน นี่ยังไม่พูดถึงพฤติกรรมในลักษณะที่เป็นการเปลี่ยน "โนมินี" จากคนรับใช้ มาเป็นญาติสนิท ซึ่งเป็นความผิดในเรื่อง "ซุกหุ้น" อันผิดต่อรัฐธรรมนูญ และกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต ห้ามผู้มีอำนาจมีหุ้นในกิจการประเภทสัมปทานอีกด้วย
ผมเห็นการแถลงในต่างประเทศ ต่อนานาชาติ ว่า ประเทศไทยมีกระบวนการยุติธรรมที่ไม่ดีพอ มีการแทรกแซงอำนาจ ผมว่าเราคนไทย น่าจะทบทวนจิตสำนึกรักชาติกันมากๆ ไม่ควรลวงโลก ให้ดูถูกประเทศไทย เพียงเพื่อปกป้องตนเอง หากอยากจะเรียกร้องความยุติธรรมจริงๆ ก็น่าจะเอาเหตุที่ถูกกล่าวหา หลักฐานที่ใช้กล่าวหา แล้วแสดงหลักฐานส่วนที่ตนมีมาหักล้าง
ผมฝันอยากเห็นการต่อสู้กันอย่างอารยชนเช่นนั้น เป็นความภาคภูมิใจในกระบวนการยุติธรรม และคนไทยไม่ต้องอับอายว่า มีคนไทยท้าทายความถูกต้องยุติธรรม ด้วยการซื้ออำนาจรัฐ และหวังว่าจะดำเนินการบางเรื่อง ไม่ดำเนินการบางเรื่อง กดดันหน่วยงานต่างๆ เช่น ดีเอสไอ กลต. ปปง. ปปช. เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องนี้ หรือเอาความแตกแยกของคนไทยเป็นตัวประกัน เพื่อปกปิดเรื่องทำผิดของคนเพียงคนเดียว (และพวก) มันเป็นต้นทุนที่สูงเกินไปของประเทศ เพื่อแก้ไขความผิดของคนเพียงบางคน
ส.ส. หลายคนก็ยังอยากวาดภาพความเป็น "เทวดา" ด้วยการลงทุน "ลวง" คนไทยด้วยกัน ว่ามีความไม่ยุติธรรม วีรบุรุษถูกให้ร้าย ด้วยกระบวนการเช่นกันคือ ไม่เอาหลักฐานมาแสดง มาต่อสู้กัน เหมารวมไปว่าถูกกลั่นแกล้ง ทั้งๆที่กระบวนการยุติธรรมก็ดำเนินไป ภายใต้รัฐบาลที่เต็มไปด้วยพรรคพวกของจำเลย ที่ร้ายไปกว่านั้น คือการลวงโดยลดระดับคุณธรรม ความชอบธรรมของประชาชนว่า "ทุกคนก็โกงทั้งนั้น" ก็ทำให้ค่านิยมความเชื่อเกี่ยวกับมาตรฐานการแยกแยะระหว่าง "ความสุจริต" กับ "ความทุจริต" หรือ "การฉ้อโกง" เริ่มไม่มี สังคมที่ขาดความรัก "ความสุจริต" บ้านเมืองจะเป็นอย่างไรในยุคลูกหลานของเรา ??? จึงควรหยุดลวงคนไทย และเอาหลักฐานมาแสดงจะดีกว่า
ผมเชื่อในส่วนดีของคน การยืนหยัดบนความไม่ถูกต้องนี้ น่าจะต้องอาศัยการ "ลวงตัวเอง" อย่างมาก ว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกต้อง แต่ ... การทุจริต เอาประโยชน์ของส่วนรวมมาเป็นส่วนตัว (เช่น การใช้อุบายหลบภาษี (ทั้งที่รวยมหาศาล) การเอื้อประโยชน์หุ้นที่ถือผ่านโนมินี) ไม่ใช่ความดี การหลอกให้ทุกคนต้องมีความเชื่อว่า “โกงกันทั้งนั้น” ไม่ใช่ความดี การหลอกให้คนไทยแตกแยกเป็น “พวกเขา พวกเรา” ไม่ใช่ความดี การลวงโลกว่า "ประเทศไทยขาดความยุติธรรม" ไม่ใช่ความดี การหลอกชาวบ้านว่า "รัฐบาลที่ดี ต้องเอาเงินภาษี (ของประชาชน) มาแจกง่ายๆ" ก็ไม่ใช่ความดี เพราะทำให้คนไทยไม่เข้มแข็ง ก็ยังจนและรอพึ่งนักการเมืองอยู่ร่ำไป
ผมเชื่อว่าบุคคลระดับท่านนั้น ไม่ได้ต้องการอะไรมากไปกว่า การฝาก "ความดี" ไว้กับบ้านเมือง ผมขอให้กำลังใจให้เริ่มจากการกลับใจ และใช้ "ความจริง" ร่วมรักษาความรักคุณธรรม ความชอบธรรม และ ความยุติธรรม ก็จะทำให้หลายๆอย่างดีขึ้นครับ
ขอให้คนไทยทุกคน รู้รักสามัคคี ไม่ยอมรับความแตกแยก เชื่อทางสว่าง ส่งเสริมความดี ร่วมกันให้กำลังใจรัฐบาลในการบริหารบ้านเมืองอย่างสุจริต อยู่ในทางชอบธรรม ปกป้องความถูกต้องยุติธรรม รักษาศักดิ์ศรีแห่งหลักนิติธรรมของบ้านเมือง ให้กำลังใจอดีตผู้นำให้กลับใจ มีความรักชาติพอเพียง ช่วยรักษาความยุติธรรมด้วย "ความจริง" เมื่อบ้านเมืองเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน รักชาติ รักความถูกต้องยุติธรรม บ้านเมืองก็จะไม่เข้าสู่วิกฤต เศรษฐกิจด็จะดีต่อไปได้ในระยะยาวครับ