นายกสมาคมอสังหาฯ เตือนผู้ประกอบการอย่าลงเกินตัว สร้างโครงการตามยอดขายที่จะเกิดขึ้นจริง มั่นใจขายได้ ด้านบิ๊กแอล.พี.เอ็น.ฯ ระบุกำไรกว่าครึ่งอยู่ที่ไซน์งาน แนะเจ้าของโครงการต้องขยันตรวจงาน ดึงทุกแผนกที่เกี่ยวข้องร่วมหาทางลดงานก่อสร้างส่วนเกิน
วานนี้ (16 ก.ค.51) สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย จัดงานสัมมนาเรื่อง “ การบริหารงานก่อสร้าง...ในยุคเงินเฟ้อและวัสดุก่อสร้างขึ้นราคา” โดยนายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ผู้ประกอบการทุกรายต้องปรับตัว แต่การจะปรับตัวอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับศักยภาพ จุดดี จุดด้อยของแต่ละราย ไม่สามารถทำได้เหมือนกันหมด อย่างไรก็ตาม การลงทุนจะต้องมีความระมัดระวัง สร้างตามยอดขายที่เกิดขึ้นจริง หรือคาดการณ์ว่าจะสามารถขายได้ในอนาคตอันใกล้ โดยที่จะต้องไม่แบกภาระต้นทุน
นายจรัญ เกษร กรรมการบริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในยุคเศรษฐกิจชะลอตัว จะต้องแตกต่างไปจากสถานการณ์ปกติ และยิ่งในยุคราคาค่าก่อสร้างปรับตัวขึ้นแบบก้าวกระโดด ผู้ประกอบการจะต้องทำงานหนักขึ้นหลายเท่า โดยเฉพาะการบริหารจัดการในด้านต้นทุน
ทั้งนี้ จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาพบว่า กำไรของของธุรกิจก่อสร้างครึ่งหนึ่งจะอยู่ที่ไซน์งาน ดังนั้น เจ้าของโครงการหรือผู้บริหารจะต้องเข้าไปตรวจสอบทุกไซน์งาน ทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการก่อสร้างจะต้องพูดคุยกัน โดยเฉพาะผู้ออกแบบก่อสร้างและผู้ก่อสร้าง เริ่มตั้งแต่การออกแบบเพื่อไม่ให้ใช้วัสดุเกินกว่าที่จำเป็น แม้ว่าจะเป็นสิ่งเล็กน้อยก็ตาม หากช่วยลดต้นทุนได้ต้องทำ พัฒนาให้การก่อสร้างเกิดประโยชน์สูงสุด และเพิ่มศักยภาพให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ ผู้บริหารจะต้องเข้าไปดูเอง เพราะทุกอย่างคือ เงิน ที่จะสามารถประหยัดได้ เช่น การปูพื้นกระเบื้องในส่วนของห้องครัวไม่ต้องขัด จะทำให้ประหยัดไปได้ยูนิตละ 700 บาท ตัวอย่างของแอล.พี.เอ็นทำโครงการละ 2,000 ยูนิตก็คูณไป 2,000 ก็ล้านกว่า และถ้าทำทุกโครงการก็จะประหยัดได้อีกเยอะ ถอดวัสดุที่ไม่จำเป็นออกไปหรือปรับให้ดีขึ้น โดยที่วัสดุนั้นไม่ได้ทำให้เสียโครงสร้าง สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราควบคุมต้นทุนการผลิตได้อีกจำนวนมาก” นายจรัญกล่าว
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการพัฒนาบุคลากรให้รู้จักคิดที่แตกต่าง กล้าที่จะค้นหาอะไรที่ใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งผู้บริหารจะต้องยอมรับว่าต้องมีบางความคิดที่อาจไม่ประสบผลสำเร็จบ้าง ส่วนที่เกิดประโยชน์ต้องให้รางวัลเพื่อ สร้างแรงจูงใจให้แก่คนทำงาน
วานนี้ (16 ก.ค.51) สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย จัดงานสัมมนาเรื่อง “ การบริหารงานก่อสร้าง...ในยุคเงินเฟ้อและวัสดุก่อสร้างขึ้นราคา” โดยนายสมเชาว์ ตันฑเทอดธรรม นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย กล่าวว่า ผู้ประกอบการทุกรายต้องปรับตัว แต่การจะปรับตัวอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับศักยภาพ จุดดี จุดด้อยของแต่ละราย ไม่สามารถทำได้เหมือนกันหมด อย่างไรก็ตาม การลงทุนจะต้องมีความระมัดระวัง สร้างตามยอดขายที่เกิดขึ้นจริง หรือคาดการณ์ว่าจะสามารถขายได้ในอนาคตอันใกล้ โดยที่จะต้องไม่แบกภาระต้นทุน
นายจรัญ เกษร กรรมการบริหาร บริษัท แอล.พี.เอ็น.ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในยุคเศรษฐกิจชะลอตัว จะต้องแตกต่างไปจากสถานการณ์ปกติ และยิ่งในยุคราคาค่าก่อสร้างปรับตัวขึ้นแบบก้าวกระโดด ผู้ประกอบการจะต้องทำงานหนักขึ้นหลายเท่า โดยเฉพาะการบริหารจัดการในด้านต้นทุน
ทั้งนี้ จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมาพบว่า กำไรของของธุรกิจก่อสร้างครึ่งหนึ่งจะอยู่ที่ไซน์งาน ดังนั้น เจ้าของโครงการหรือผู้บริหารจะต้องเข้าไปตรวจสอบทุกไซน์งาน ทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการก่อสร้างจะต้องพูดคุยกัน โดยเฉพาะผู้ออกแบบก่อสร้างและผู้ก่อสร้าง เริ่มตั้งแต่การออกแบบเพื่อไม่ให้ใช้วัสดุเกินกว่าที่จำเป็น แม้ว่าจะเป็นสิ่งเล็กน้อยก็ตาม หากช่วยลดต้นทุนได้ต้องทำ พัฒนาให้การก่อสร้างเกิดประโยชน์สูงสุด และเพิ่มศักยภาพให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
“ ผู้บริหารจะต้องเข้าไปดูเอง เพราะทุกอย่างคือ เงิน ที่จะสามารถประหยัดได้ เช่น การปูพื้นกระเบื้องในส่วนของห้องครัวไม่ต้องขัด จะทำให้ประหยัดไปได้ยูนิตละ 700 บาท ตัวอย่างของแอล.พี.เอ็นทำโครงการละ 2,000 ยูนิตก็คูณไป 2,000 ก็ล้านกว่า และถ้าทำทุกโครงการก็จะประหยัดได้อีกเยอะ ถอดวัสดุที่ไม่จำเป็นออกไปหรือปรับให้ดีขึ้น โดยที่วัสดุนั้นไม่ได้ทำให้เสียโครงสร้าง สิ่งเหล่านี้จะทำให้เราควบคุมต้นทุนการผลิตได้อีกจำนวนมาก” นายจรัญกล่าว
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือการพัฒนาบุคลากรให้รู้จักคิดที่แตกต่าง กล้าที่จะค้นหาอะไรที่ใหม่ๆ ขึ้นมาเพื่อการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น ซึ่งผู้บริหารจะต้องยอมรับว่าต้องมีบางความคิดที่อาจไม่ประสบผลสำเร็จบ้าง ส่วนที่เกิดประโยชน์ต้องให้รางวัลเพื่อ สร้างแรงจูงใจให้แก่คนทำงาน