xs
xsm
sm
md
lg

แบงก์รอผลงานครึ่งปีแรกตัดสิน คง-ปรับเป้าหมายปล่อยสินเชื่อ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายแบงก์ประเมินการดำเนินธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในครึ่งปีหลังยังต้องเผชิญปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจในหลายด้าน ทั้งราคาน้ำมัน และการส่งออกที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจโลก ทำให้แบงก์ต้องพิจารณาการปล่อยสินเชื่ออย่างรอบคอบมากขึ้น พร้อมรอผลการดำเนินงานครึ่งปีแรกก่อนทบทวนเป้าหมายในการดำเนินธุรกิจในปีนี้ ขณะที่สัญญาณเอ็นพีแอลยังไม่น่าห่วง ด้าน"นครหลวงไทย"เล็งขายหนี้อีกหมื่นล้าน คาดได้ข้อสรุปเดือนหน้า

นายชัยวัฒน์ อุทัยวรรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด (มหาชน) SCIB เปิดเผยว่า การทำธุรกิจธนาคารพาณิชย์ในช่วงครึ่งปีหลังจะมีความยากกว่าที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าผลประกอบการโดยรวมของแต่ละแห่งจะยังอยู่ในทิศทางที่ดี แม้ว่าจะยังมีผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ยังปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยจะเห็นได้จากนักวิเคราะห์ยังคงแนะนำให้ลงทุนในกลุ่มธนาคารพาณิชย์อย่างต่อเนื่อง ส่วนแนวโน้มหนี้ที่ไม่เกิดรายได้นั้น (เอ็นพีแอล) ที่อาจเพิ่มขึ้นนั้นเชื่อว่าทุกฝ่ายได้นำบทเรียนที่ได้รับในช่วงของการเกิดวิกฤตเศรษฐกิจมาเตรียมการเพื่อรองรับสิ่งต่างๆที่อาจเกิดขึ้นไว้หมดแล้ว

ส่วนเศรษฐกิจในครึ่งปีหลังภายหลังจากมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจการทำงานของนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีนั้น มองว่าการที่ฝ่ายค้านได้นำข้อมูลหลายตัวมาเปิดประเด็นนั้นจะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์ในการตัดสินใจของนักลงทุน แต่ตัวแปรที่สำคัญของเศรษฐกิจตอนนี้คือเรื่องความผันผวนของราคาน้ำมัน ภาวะค่าครองชีพสูงจากอัตราเงินเฟ้อและแนวโน้มดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ซึ่งทางการจะต้องดูแลให้มีความสมดุล และต้องดูถึงความสนใจในการลงทุนของนักลงทุน ค่าเงินบาทและการส่งออกจะเป็นอย่างไรต่อไป ซึ่งจากปัจจัยเหล่านี้ทำให้เชื่อว่าทุกหน่วยธุรกิจคงอยู่ระหว่างการปรับแผนกลางปี

"ส่วนของแบงก์ยังคงรอดูผลประกอบการ 6 เดือนว่าเป็นอย่างไรก่อนที่จะมาดูสินเชื่อและสิ่งต่างๆอีกครั้งว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่ตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณอะไรที่เป็นเชิงลบมากนัก ยังมีส่วนที่บวกอยู่ก็คือส่งออกของไทยยังคงไปได้ดี ก็จะเป็นตัวช่วยเศรษฐกิจที่สำคัญ ส่วนราคาสินค้าเกษตรก็ยังพอไปได้"

สำหรับเอ็นพีแอลของธนาคารนั้นขณะนี้ยังไม่เห็นสิ่งที่ต้องกังวล โดยเฉพาะในส่วนของลูกค้ารายใหญ่ยังไม่เห็นสัญญาณเชิงลบ แต่รายย่อยคงต้องติดตามคือความสามารถในการชำระหนี้ของผู้บริโภค เนื่องจากที่ผ่านมามีการกระตุ้นการบริโภคและการใช้จ่ายผ่านสินเชื่อบุคคลและบัตรเครดิต ซึ่งหากมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยที่เร็วก็จะมีผลกระทบ ดังนั้น การเดินนโยบายดอกเบี้ยถือเป็นสิ่งที่ท้าทายในการบริหารภาคการเงินและการคลังให้เหมาะสม แต่อย่างไรก็ตามเชื่อว่าปีนี้อัตราเงินเฟ้อไม่น่าจะถึง 2 หลัก

นอกจากนี้ ธนาคารอยู่ระหว่างการดำเนินการขายเอ็นพีแอลเป็นเม็ดเงินประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีผู้เสนอราคาเข้ามาหลายราย และคาดว่าเดือนหน้าคงจะมีการสรุปว่าจะขายให้กับรายใดบ้าง โดยการขายนั้นจะเป็นลักษณะของการแยกเป็นกอง

ส่วนแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยของตลาดนั้น ยังคงมีโอกาสจะปรับขึ้นอีก ส่วนจะมากหรือน้อยก็จะขึ้นอยู่ที่ฝ่ายกำกับ แต่ที่ผ่านมาได้มีสถาบันการเงินซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยไปแล้วซึ่งก็เป็นส่วนสะท้อนให้เห็นถึงความเป็นจริงที่เกิดขึ้นในตลาด ส่วนช่วงที่เหลือการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้นยังคงน่าจะเป็นการปรับขึ้นทั้งเงินฝากและเงินกู้ โดยน่าจะเป็นอีกประมาณ 1-2 ครั้ง

**ยัน'เลอศักดิ์'ออกไม่กระทบกู้รายใหญ่**

นายชัยวัฒน์ กล่าวอีกว่า จากกรณีที่นายเลอศักดิ์ จุลเทศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านลูกค้าธุรกิจ ธนาคารนครหลวงไทย ได้รับคัดเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการธนาคารออมสินนั้น ขณะนี้นายเลอศักดิ์ ยังไม่ได้ยื่นหนังสือลาออกแต่อย่างใด ส่วนการสรรหาผู้มาดำรงตำแหน่งแทนนั้นก็ยังคงต้องรอพิจารณาต่อไป แต่เชื่อว่าจะไม่ผลกระทบต่อการทำธุรกิจกับลูกค้ารายใหญ่ของธนาคาร เนื่องจากยังมีทีมงานกลุ่มใหญ่ที่สามารถดูแลในดังกล่าวได้ดี

ส่วนกรณีของพล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ที่เข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการของธนาคารนั้นมองว่า นายชิดชัยทำงานเป็นกรรมการของธนาคารซึ่งถือเป็นบุคคลที่มีทั้งองค์ความรู้ ความสามารถ มีคุณวุฒิและจรรยาบรรณ ซึ่งเป็นประโยชน์กับธนาคารค่อนข้างมาก ส่วนกรณีของนายนิพัทธ พุกกะณะสุตนั้น ส่วนตัวแล้วทราบว่าทางกรรมการสรรหาได้มีการเสนอชื่อขึ้นมาจริง แต่ตอนนี้ไม่ทราบความเคลื่อนไหวว่าเป็นอย่างไร

ด้านนายประสาร ไตรรัตน์วรกุล กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KBANK กล่าวว่า การปล่อยสินเชื่อในไตรมาสที่ 2 ยังคงเป็นไปตามเป้าหมาย ซึ่งการปล่อยสินเชื่อทั้งปีน่าจะยังคงอยู่ที่เป้าหมาย 10-15% ส่วนการทบทวนการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังนั้นคงจะมีในกลางเดือนหน้า เนื่องจากจะต้องรอตัวผลการดำเนินงาน 6 เดือนก่อนว่าเป็นอย่างไร โดยในเบื้องต้นเชื่อว่าไม่น่าจะต้องมีการปรับเป้าหมาย รวมถึงยุทธศาสตร์ต่างๆที่ได้วางไว้ก่อนหน้าก็ยังคงใช้ได้ โดยสินเชื่อบุคคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย บัตรเครดิตยังคงไปได้ดี ส่วนธุรกิจลีสซิ่งอาจจะมีการชะลอตัวลงบ้างจากการคาดการณ์ว่ายอดขายรถยนต์ในปีนี้จะลดลง แต่ธนาคารจะยังคงรักษาส่วนแบ่งทางการตลาดไว้ให้ได้

ส่วนปัจจัยเสี่ยงตอนนี้ก็จะมีเรื่องของภาวะเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ การส่งออกที่จะมีผลต่อการผลิต ทำให้ผู้ประกอบการมีความระมัดระวังที่สูงขึ้นและทำให้การปล่อยสินเชื่อก็ต้องพิจารณาถึงความเป็นจริง แต่อย่างไรก็ตามภาคการส่งออกที่ยังคงมีการขยายตัวดีขึ้นเชื่อว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะมีการชะลอตัวลงอย่างแน่นอนตามภาคเศรษฐกิจโลก

"แนวโน้มของเอ็นพีแอลนั้นเป็นแนวโน้มปกติที่เมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว ภาคธุรกิจบางส่วนได้รับผลกระทบก็จะทำให้เอ็นพีแอลขึ้นบ้างของแบงก์เองก็เพิ่มขึ้นตามสัดส่วนของการขยายสินเชื่อแต่ยังไม่ใช่ระดับที่รุนแรง โดยหากดูในแง่ของเม็ดเงินจะเพิ่มขึ้นแต่ถ้าดูเป็นเปอร์เซ็นต์จะลดลง ซึ่งเศรษฐกิจอย่างนี้ก็ต้องมีความระมัดระวังสูง แบงก์ก็จะพยายามคุมให้อยู่ต่ำที่สุด โดยเอ็นพีแอลของแบงก์ตอนนี้อยู่ที่กว่า4%"

ส่วนแนวโน้มดอกเบี้ยครึ่งปีหลังน่าจะขยับขึ้นได้อีก 0.25-0.50% ซึ่งอัตราดังกล่าวยังเป็นระดับที่ลูกค้าของธนาคารน่าจะปรับตัวรับได้
กำลังโหลดความคิดเห็น