ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท ยิ้มรับมาตรการของ สนพ. อัดฉีดงบ 105 ล้านบาท ดึงเทศบาลร่วมโครงการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมัน เชื่อหนุนธุรกิจ บ.ย่อย ของบริษัทให้โดดเด่น เพราะเป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันดิบ
นายประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (SPPT) ให้ความเห็นต่อกรณีที่สำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดโอกาสให้เทศบาลทั่วประเทศยื่นโครงการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันเพื่อขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนอนุรักษ์พลังงานที่มีวงเงินรวมทั้งหมด 105 ล้านบาท
โดยโครงการดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อการดำเนินธุรกิจของ SPPT โดยตรง เนื่องจาก บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เอ็นเนอร์ยี่ แอนด์ เอ็นไวรอนเม้นท์ จำกัด (SPEE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SPPT เป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันดิบ และบริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัท Northern Technology International ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่สหรัฐอเมริกาและเป็นผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
" ถือว่าเป็นโครงการนำร่องในการนำขยะพลาสติกมาแปรรูปเป็นน้ำมันเพื่อขยายผลที่จะเกิดขึ้น ซึ่งบริษัทมีโอกาสแสดงผลงานโดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาร่วมใช้ในการแปรรูปขยะดังกล่าว เพราะมีคุณสมบัติตรงตามที่ทางการกำหนด โดยเทศบาลต่างๆ ที่จะเสนอของบฯต้องมีปริมาณขยะจัดเก็บได้ในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 30 ตัน/วัน ต้องมีขยะพลาสติกเป็นส่วน ประกอบไม่น้อยกว่า 6 ตัน/วัน และมีขยะในหลุมฝังกลบไม่น้อยกว่า 1 แสนตัน" นายประพจน์กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทได้เซ็นสัญญาจำหน่ายเครื่องแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมัน 1 เครื่อง กับเทศบาลเมืองระยองเป็นเครื่องแรกของไทย คาดเริ่มติดตั้งได้เดือนมิถุนายนและเดินเครื่องผลิตได้เดือนกรกฎาคมนี้ และปีนี้คาดว่าจะจำหน่ายได้ 3 เครื่อง ขณะที่ยังจะมีรายได้อีกส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายสารเร่งปฎิกิริยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่กำหนดในสัญญาว่าลูกค้าจะต้องซื้อจากบริษัท
โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา SPPT มีกำไรสุทธิ 28.06 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 33.62 ล้านบาท เนื่องมาจากการลดลงของอัตรากำไรขั้นต้น เพราะต้นทุนวัตถุดิบเพิ่ม การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารและผลการขาดทุนของบริษัทย่อย ขณะที่มีรายได้ายได้จากการขายและบริการ 204.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 36.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21.4 %
นายประพจน์ พลพิพัฒนพงศ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ พาร์ท (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) (SPPT) ให้ความเห็นต่อกรณีที่สำนักนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) เปิดโอกาสให้เทศบาลทั่วประเทศยื่นโครงการแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันเพื่อขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนอนุรักษ์พลังงานที่มีวงเงินรวมทั้งหมด 105 ล้านบาท
โดยโครงการดังกล่าวจะส่งผลบวกต่อการดำเนินธุรกิจของ SPPT โดยตรง เนื่องจาก บริษัท ซิงเกิ้ล พอยท์ เอ็นเนอร์ยี่ แอนด์ เอ็นไวรอนเม้นท์ จำกัด (SPEE) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ SPPT เป็นผู้จัดจำหน่ายเครื่องแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมันดิบ และบริษัทได้ร่วมทุนกับบริษัท Northern Technology International ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่สหรัฐอเมริกาและเป็นผู้แทนจำหน่ายแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย
" ถือว่าเป็นโครงการนำร่องในการนำขยะพลาสติกมาแปรรูปเป็นน้ำมันเพื่อขยายผลที่จะเกิดขึ้น ซึ่งบริษัทมีโอกาสแสดงผลงานโดยนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาร่วมใช้ในการแปรรูปขยะดังกล่าว เพราะมีคุณสมบัติตรงตามที่ทางการกำหนด โดยเทศบาลต่างๆ ที่จะเสนอของบฯต้องมีปริมาณขยะจัดเก็บได้ในพื้นที่ไม่น้อยกว่า 30 ตัน/วัน ต้องมีขยะพลาสติกเป็นส่วน ประกอบไม่น้อยกว่า 6 ตัน/วัน และมีขยะในหลุมฝังกลบไม่น้อยกว่า 1 แสนตัน" นายประพจน์กล่าว
ทั้งนี้ บริษัทได้เซ็นสัญญาจำหน่ายเครื่องแปรรูปขยะพลาสติกเป็นน้ำมัน 1 เครื่อง กับเทศบาลเมืองระยองเป็นเครื่องแรกของไทย คาดเริ่มติดตั้งได้เดือนมิถุนายนและเดินเครื่องผลิตได้เดือนกรกฎาคมนี้ และปีนี้คาดว่าจะจำหน่ายได้ 3 เครื่อง ขณะที่ยังจะมีรายได้อีกส่วนหนึ่งจากการจำหน่ายสารเร่งปฎิกิริยา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่กำหนดในสัญญาว่าลูกค้าจะต้องซื้อจากบริษัท
โดยไตรมาสแรกที่ผ่านมา SPPT มีกำไรสุทธิ 28.06 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 33.62 ล้านบาท เนื่องมาจากการลดลงของอัตรากำไรขั้นต้น เพราะต้นทุนวัตถุดิบเพิ่ม การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารและผลการขาดทุนของบริษัทย่อย ขณะที่มีรายได้ายได้จากการขายและบริการ 204.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 36.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21.4 %