xs
xsm
sm
md
lg

ธปท.เตือนธุรกิจรับภาวะดบ.ขาขึ้น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ธปท.ร่วม 4 หน่วยงานภาคเอกชน ถกสถานการณ์-ปัจจัยเสี่ยงด้านเศรษฐกิจ เผยภาคเอกชนระบุห่วงเงินเฟ้อพุ่ง ด้านธปท.แนะให้ภาคเอกชนปรับตัวรับทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นอาจกดดันให้ต้นทุนการผลิตสูง และเร่งการลงทุนเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจต่อไป

รายงานข่าวจากธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) แจ้งว่า วานนี้(4 มิ.ย.) ตั้งแต่เวลา 9.30-12.00 น.ผู้บริหารธปท.ได้เชิญภาคเอกชน 4 หน่วยงาน ซึ่งประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สมาคมผู้นำเข้าและส่งออก และสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยวจำนวน 35 คน เข้ามารับฟังความคิดเห็นและสร้างความเข้าใจถึงทิศทางเศรษฐกิจในอนาคต การติดตามสถานการณ์และความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจไทย รวมถึงการดำเนินนโยบายการเงินของธปท. ซึ่งเป็นโครงการพบภาคธุรกิจมาตั้งแต่ปี 2550 และมีการจัดต่อเนื่องประจำทุกปี

โดยนายกมล สุรังค์สุริยกุล ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องจักรกลการเกษตร สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการประชุมร่วมกันว่า ในการหารือครั้งนี้ ธปท.ได้เชิญภาคเอกชนเข้ามาพูดคุยกันตามปกติ ซึ่งธปท.ได้อธิบายถึงสถานการณ์ค่าเงินบาทและอัตราเงินเฟ้อในขณะนี้เป็นเรื่องหลัก โดยในส่วนของอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงจากราคาน้ำมันและอาหาร ธปท.ได้มีการติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและมีความระมัดระวังดีอยู่ในเรื่องนี้ ขณะที่ค่าเงินบาทในช่วงนี้ ธปท.ได้พยายามดูแลไม่ให้เงินบาทแข็งค่ามากเกินไป เพื่อไม่ให้กดดันตัวธุรกิจส่งออกไทย

“ธปท.มองว่าต่อไปทิศทางอัตราดอกเบี้ยอาจอยู่ในทิศทางขาขึ้นได้ เพราะขณะนี้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูง ทำให้เงินออมมีน้อยลงและประชาชนอาจหันมาใช้จ่ายมากขึ้น และอาจส่งผลให้เงินเฟ้อกลับไปเหมือนช่วงยุคฟองสบู่ได้ ดังนั้น มีความเป็นไปได้ที่จะขึ้นดอกเบี้ย เพื่อสกัดเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตามธปท.ยังย้ำที่จะทำหน้าที่ดูแลทั้งเรื่องอัตราเงินเฟ้อและการขยายตัวทางเศรษฐกิจไปพร้อมๆ กัน”นายกมลกล่าว

ขณะที่นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยในขณะนี้มีปัจจัยเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อที่เร่งตัวสูงขึ้นเป็นปัจจัยหลัก จึงจำเป็นที่ต้องมีการบริหารจัดการธุรกิจที่ดี ส่วนการแก้ไขปัญหานี้ด้วยการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.)

นอกจากนี้ ธปท.ได้แจ้งการยกเลิกโครงการความเชื่อเหลือทางการเงินแก่ภาคธุรกิจในอัตราดอกเบี้ยต่ำ(ซอฟท์โลน) ซึ่งทุกฝ่ายก็ได้รับทราบในเบื้องต้นแล้ว และคาดว่าต่อไปทางหอการค้าไทยจะนำเรื่องดังกล่าวนี้ไปหารือกับกระทรวงการคลังต่อไป

ด้านนายไพรัช บูรพชัยศรี กรรมการเลขาธิการ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ภาคเอกชนที่เข้าร่วมหารือกับธปท.ในครั้งนี้ส่วนใหญ่จะมีความเป็นห่วงเรื่องอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา ทำให้สินค้าทุกอย่างปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจมีผลต่อต้นทุนการผลิตให้เพิ่มขึ้น ดังนั้น ธปท.จึงได้แนะให้ภาคเอกชนมีการปรับตัว โดยปรับการจ้างแรงงานให้สอดคล้องกับค่าครองชีพที่สูงขึ้น พร้อมทั้งมีความเชื่อมั่นในการลงทุน ซึ่งจะเป็นส่วนช่วยให้เศรษฐกิจมีแรงขับเคลื่อนต่อไปได้ดี

“อัตราดอกเบี้ยควรให้เป็นไปตามกลไกที่เหมาะสม เพราะถ้าไม่สอดคล้องหรือบิดเบือนอาจส่งผลกระทบได้ กล่าวคือ หากอัตราดอกเบี้ยต่ำเกินไปจะไม่ส่งผลให้คนออม แต่กลับไปใช้จ่ายของฟุ่มเฟือยหมด ดังนั้นในช่วงที่ดอกเบี้ยถูก เงินเฟ้อที่สูงอาจจะมีผลให้เกิดปัญหาขาดทุนได้ จึงต้องมีการปรับทุกอย่างให้สอดคล้องสถานการณ์ในปัจจุบัน”นายไพรัชกล่าว

สำหรับการดูแลค่าเงินบาทของธปท.ขณะนี้มีเสถียรภาพมากขึ้น โดยภาคเอกชนมองว่าการเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทในขณะนี้อยู่ใรระดับที่สมดุลและคล่องตัวมากขึ้น ถือเป็นการทำหน้าที่ของธปท.ที่ดีในการรักษาเสถียรภาพอัตราแลกเปลี่ยน

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการธุรกิจส่วนใหญ่ต่างมองว่าภาครัฐได้มีการส่งสัญญาณที่ดีจากมุมมองที่ใกล้ชิดภาพรวมเศรษฐกิจมากกว่าเอกชน ทำให้ภาคเอกชนสามารถนำปัจจัยต่างๆ ไปบริหารจัดการให้เหมาะกับขอบเขตของแต่ละภาคธุรกิจ ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาไทยได้มีการรักษาความสามารถในการแข่งขันได้ดี
กำลังโหลดความคิดเห็น