ประธานชมรมบัตรเครดิตเผยหากราคาน้ำมันยังพุ่งไม่หยุดแตะ 50 บาทต่อลิตร อาจส่งผลให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรลดลงเหลือ 16% จากปัจจุบันอยู่ที่ 18% และดันยอดหนี้เสียเพิ่มขึ้นได้ เชื่อทุกแบงก์เร่งช่วยลูกหนี้แก้ปัญหาบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล หวั่นลามกระทบไปยังสินเชื่อตัวอื่น
นายโชค ณ ระนอง ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ในฐานะประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจบัตรเครดิตในปีนี้ได้รับผลกระทบจากภาวะราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรนั้นเมื่อดูจากรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้วจะเห็นว่าอัตราการใช้จ่ายผ่านบัตรได้ลดลงมาอยู่ที่ 18% จากปีก่อนยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรอยู่ที่ 20% อย่างไรก็ตาม อัตราที่ลดลงนั้นถือว่าเป็นระดับที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว
ทั้งนี้ การที่ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรลดลง ก็มาจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีการชะลอตัวลงจากที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนทางการผลิตและขนส่งปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่รายได้ของประชาชนไม่ได้ปรับขึ้นตาม จึงเป็นผลทำให้ผู้บริโภคมีการชะลอการใช้จ่ายลง ในขณะเดียวกันหากราคาน้ำมันมีการปรับตัวสูงขึ้นถึง 50 บาทต่อลิตร ก็จะทำให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรมีโอกาสชะลอตัวลงเหลือ 16% ได้
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวนั้นก็มีผลกระทบโดยตรงต่อหนี้เสียที่จะตามมา เนื่องจากสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลเป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อเกิดการผิดนัดชำระขึ้นโอกาสที่จะหลายเป็นเอ็นพีแอลในภายหลังก็มีมากขึ้น โดยจะดูได้จากตัวเลขเอ็นพีแอลที่ ธปท.รายงานมานั้นส่วนใหญ่แล้วจำนวนเอ็นพีแอลของทุกธนาคารมีการเพิ่มขึ้นเหมือนกัน แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ได้ประเมินไว้
“เมื่อสภาพเศรษฐกิจมีการชะลอตัว ราคาน้ำมันยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็แน่นอนที่จะมีผลต่อค่าครองชีพของประชาชนที่ต้องสูงขึ้นตาม ซึ่งจะไปกระทบทำให้หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลเป็นด่านแรกที่ต้องมีหนี้เสียเพิ่มขึ้นและในที่สุดก็จะไปกระทบต่อสินเชื่อประเภทอื่นซึ่งก็เชื่อว่าทุกสถาบันก็จะต้องมีการเจรจากับลูกค้าเหล่านั้นและทำความเข้าใจว่าถึงรายจ่ายของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นแล้วหาทางแก้ไขปัญหาด้วยการประนอมหนี้ เช่น อาจจะให้ลูกค้าสามารถชำระหนี้แบบยืดหยุ่น หรือการลดอัตราดอกเบี้ยลง และในบางรายอาจจะมีการขยายระยะเวลาในการชำระหนี้” นายโชค กล่าว
สำหรับธนาคารกรุงเทพได้มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อบัตรเครดิตอยู่แล้ว โดยปีนี้ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อบัตรเครดิตให้กับลูกค้าของธนาคารที่มีมากกว่า 13 ล้านบัญชีเป็นหลัก เนื่องจากธนาคารเชื่อว่าจะเป็นลูกค้าที่ธนาคารสามารถตรวจสอบข้อมูลและเป็นกลุ่มลูกค้าที่ธนาคารรู้จักมากกว่ากลุ่มอื่น
นายโชค ณ ระนอง ผู้จัดการสายบัตรเครดิต ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ในฐานะประธานชมรมธุรกิจบัตรเครดิต เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจบัตรเครดิตในปีนี้ได้รับผลกระทบจากภาวะราคาน้ำมันที่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยในส่วนของยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรนั้นเมื่อดูจากรายงานของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) แล้วจะเห็นว่าอัตราการใช้จ่ายผ่านบัตรได้ลดลงมาอยู่ที่ 18% จากปีก่อนยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรอยู่ที่ 20% อย่างไรก็ตาม อัตราที่ลดลงนั้นถือว่าเป็นระดับที่ได้มีการคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว
ทั้งนี้ การที่ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรลดลง ก็มาจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันที่มีการชะลอตัวลงจากที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้น ทำให้ต้นทุนทางการผลิตและขนส่งปรับตัวเพิ่มขึ้น ในขณะที่รายได้ของประชาชนไม่ได้ปรับขึ้นตาม จึงเป็นผลทำให้ผู้บริโภคมีการชะลอการใช้จ่ายลง ในขณะเดียวกันหากราคาน้ำมันมีการปรับตัวสูงขึ้นถึง 50 บาทต่อลิตร ก็จะทำให้ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรมีโอกาสชะลอตัวลงเหลือ 16% ได้
อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวนั้นก็มีผลกระทบโดยตรงต่อหนี้เสียที่จะตามมา เนื่องจากสินเชื่อบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลเป็นสินเชื่อที่ไม่มีหลักทรัพย์ค้ำประกันแต่อย่างใด ซึ่งเมื่อเกิดการผิดนัดชำระขึ้นโอกาสที่จะหลายเป็นเอ็นพีแอลในภายหลังก็มีมากขึ้น โดยจะดูได้จากตัวเลขเอ็นพีแอลที่ ธปท.รายงานมานั้นส่วนใหญ่แล้วจำนวนเอ็นพีแอลของทุกธนาคารมีการเพิ่มขึ้นเหมือนกัน แต่ก็ยังอยู่ในระดับที่ได้ประเมินไว้
“เมื่อสภาพเศรษฐกิจมีการชะลอตัว ราคาน้ำมันยังคงสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งก็แน่นอนที่จะมีผลต่อค่าครองชีพของประชาชนที่ต้องสูงขึ้นตาม ซึ่งจะไปกระทบทำให้หนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลเป็นด่านแรกที่ต้องมีหนี้เสียเพิ่มขึ้นและในที่สุดก็จะไปกระทบต่อสินเชื่อประเภทอื่นซึ่งก็เชื่อว่าทุกสถาบันก็จะต้องมีการเจรจากับลูกค้าเหล่านั้นและทำความเข้าใจว่าถึงรายจ่ายของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นแล้วหาทางแก้ไขปัญหาด้วยการประนอมหนี้ เช่น อาจจะให้ลูกค้าสามารถชำระหนี้แบบยืดหยุ่น หรือการลดอัตราดอกเบี้ยลง และในบางรายอาจจะมีการขยายระยะเวลาในการชำระหนี้” นายโชค กล่าว
สำหรับธนาคารกรุงเทพได้มีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อบัตรเครดิตอยู่แล้ว โดยปีนี้ธนาคารตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อบัตรเครดิตให้กับลูกค้าของธนาคารที่มีมากกว่า 13 ล้านบัญชีเป็นหลัก เนื่องจากธนาคารเชื่อว่าจะเป็นลูกค้าที่ธนาคารสามารถตรวจสอบข้อมูลและเป็นกลุ่มลูกค้าที่ธนาคารรู้จักมากกว่ากลุ่มอื่น
