ไทยธนาคารรับเริ่มเจรจาหาพันธมิตรใหม่แล้วตั้งแต่เดือนเม.ย. คาดได้ข้อสรุปภายในเดือน ก.ค.ตามกรอบกองทุนฟื้นฟู ยันไม่มีปัญหาเงินฝากไหลออกหลังมีข่าวกองทุนฟื้นฟูขายหุ้น ขณะที่ยอดสินเชื่อรายย่อยโตในระดับที่น่าพอใจ
แหล่งข่าวจากธนาคารไทยธนาคาร จำกัด(มหาชน)หรือ BT เปิดเผยถึงการเจรจาขายหุ้นของธนาคารที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถืออยู่ในสัดส่วน 42.3%ว่า กระบวนในการเจรจาขายหุ้นของธนาคารนั้นได้เริ่มมาตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา และจะใช้เวลาอีกไม่นาน คาดได้ข้อสรุปเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งก็ตรงกับช่วงที่ทางกองทุนฟื้นฟูต้องการขายหุ้นของธนาคารเช่นกัน
สำหรับแนวทางในการดำเนินธุรกิจของธนาคารภายหลังมีพันธมิตรใหม่เข้ามาถือหุ้นนั้น คงจะขึ้นอยู่กับพันธมิตรใหม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ แต่หากเป็นพันธมิตรเดิมอย่างกองทุนทีพีจี นิวบริดจ์ ก็คงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีผู้สนใจเข้ามาซื้อของธนาคารหลายราย จึงต้องรอดูว่าเป็นรายใดที่ได้รับการคัดเลือกจากกองทุนฟื้นฟู และจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายการดำเนินงานหรือหรือไม่
ด้านการปล่อยสินเชื่อรายย่อยของธนาคารในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้ว่าสัญญาณการเติบโตของสินเชื่อรายย่อยเดือนเมษายนที่ผ่านมาเริ่มชะลอตัวลงต่อเนื่องจากเดือนมีนาคมซึ่งก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นๆ ผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง รวมถึงเป็นช่วงเปิดเทอม ทำให้มีการขอสินเชื่อน้อยลง โดยช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ สินเชื่อรายย่อยของธนาคารมียอดเพิ่มขึ้น 3,000 ล้านบาท เป็น 21,000 ล้านบาทจากสิ้นปี 50 ที่อยู่ในระดับ 18,000 ล้านบาท
"การเติบโตของสินเชื่อรายย่อยของธนาคารในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมานั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้ว่าจะอยู่ในภาวะราคาน้ำมันที่แพง และยังมีปัจจัยต่างๆที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ ขณะที่แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อรายย่อยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังต้องจับตาดูราคาน้ำมันต่อไปว่าจะยังคงสูงต่อไปหรือไม่"แหล่งข่าวกล่าว
ส่วนเงินฝากของธนาคารภายหลังจากที่มีข่าวว่าจะต้องเพิ่มทุนหรือขายหุ้นให้กับพันธมิตรนั้น ขณะนี้ยังอยู่ในระดับปกติ ซึ่งกรณีที่กองทุนฟื้นฟูเตรียมขายหุ้นของธนาคารออกไปก็ไม่ได้กระทบต่อเงินฝาก เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นนโยบายของกองทุนฟื้นฟูที่ประกาศมานานแล้วว่าจะต้องขายหุ้นธนาคารพาณิชย์ที่ถืออยู่ทั้ง 3 ธนาคารออกไป
"เงินฝากยังโตดี เพราะปัจจุบันราคาน้ำมันและราคาทองคำผันผวน ลูกค้าส่วนหนึ่งกังวลในความไม่แน่นอนการลงทุน จึงนำเงินมาฝากไว้" แหล่งข่าวกล่าว
อนึ่ง ที่ผ่านมามีข่าวว่ามีผู้สนใจซื้อหุ้นของธนาคารไทยธนาคารหลายราย รวมถึงกองทุนทีพีจี นิวบริดจ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด(มหาชน) และธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ ขณะที่ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด(ไทย)ได้ปฏิเสธข่าวการสนใจซื้อหุ้นดังกล่าวไปแล้ว
แหล่งข่าวจากธนาคารไทยธนาคาร จำกัด(มหาชน)หรือ BT เปิดเผยถึงการเจรจาขายหุ้นของธนาคารที่กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินถืออยู่ในสัดส่วน 42.3%ว่า กระบวนในการเจรจาขายหุ้นของธนาคารนั้นได้เริ่มมาตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา และจะใช้เวลาอีกไม่นาน คาดได้ข้อสรุปเดือนกรกฎาคมนี้ ซึ่งก็ตรงกับช่วงที่ทางกองทุนฟื้นฟูต้องการขายหุ้นของธนาคารเช่นกัน
สำหรับแนวทางในการดำเนินธุรกิจของธนาคารภายหลังมีพันธมิตรใหม่เข้ามาถือหุ้นนั้น คงจะขึ้นอยู่กับพันธมิตรใหม่ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ แต่หากเป็นพันธมิตรเดิมอย่างกองทุนทีพีจี นิวบริดจ์ ก็คงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันมีผู้สนใจเข้ามาซื้อของธนาคารหลายราย จึงต้องรอดูว่าเป็นรายใดที่ได้รับการคัดเลือกจากกองทุนฟื้นฟู และจะมีการปรับเปลี่ยนนโยบายการดำเนินงานหรือหรือไม่
ด้านการปล่อยสินเชื่อรายย่อยของธนาคารในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมา ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้ว่าสัญญาณการเติบโตของสินเชื่อรายย่อยเดือนเมษายนที่ผ่านมาเริ่มชะลอตัวลงต่อเนื่องจากเดือนมีนาคมซึ่งก็เป็นไปในทิศทางเดียวกับธนาคารพาณิชย์แห่งอื่นๆ ผลจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง รวมถึงเป็นช่วงเปิดเทอม ทำให้มีการขอสินเชื่อน้อยลง โดยช่วง 4 เดือนแรกปีนี้ สินเชื่อรายย่อยของธนาคารมียอดเพิ่มขึ้น 3,000 ล้านบาท เป็น 21,000 ล้านบาทจากสิ้นปี 50 ที่อยู่ในระดับ 18,000 ล้านบาท
"การเติบโตของสินเชื่อรายย่อยของธนาคารในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมานั้น ถือว่าอยู่ในระดับที่น่าพอใจ แม้ว่าจะอยู่ในภาวะราคาน้ำมันที่แพง และยังมีปัจจัยต่างๆที่กระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภคอยู่ ขณะที่แนวโน้มการปล่อยสินเชื่อรายย่อยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ยังต้องจับตาดูราคาน้ำมันต่อไปว่าจะยังคงสูงต่อไปหรือไม่"แหล่งข่าวกล่าว
ส่วนเงินฝากของธนาคารภายหลังจากที่มีข่าวว่าจะต้องเพิ่มทุนหรือขายหุ้นให้กับพันธมิตรนั้น ขณะนี้ยังอยู่ในระดับปกติ ซึ่งกรณีที่กองทุนฟื้นฟูเตรียมขายหุ้นของธนาคารออกไปก็ไม่ได้กระทบต่อเงินฝาก เพราะเรื่องดังกล่าวเป็นนโยบายของกองทุนฟื้นฟูที่ประกาศมานานแล้วว่าจะต้องขายหุ้นธนาคารพาณิชย์ที่ถืออยู่ทั้ง 3 ธนาคารออกไป
"เงินฝากยังโตดี เพราะปัจจุบันราคาน้ำมันและราคาทองคำผันผวน ลูกค้าส่วนหนึ่งกังวลในความไม่แน่นอนการลงทุน จึงนำเงินมาฝากไว้" แหล่งข่าวกล่าว
อนึ่ง ที่ผ่านมามีข่าวว่ามีผู้สนใจซื้อหุ้นของธนาคารไทยธนาคารหลายราย รวมถึงกองทุนทีพีจี นิวบริดจ์ ธนาคารทิสโก้ จำกัด(มหาชน) และธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ ขณะที่ธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด(ไทย)ได้ปฏิเสธข่าวการสนใจซื้อหุ้นดังกล่าวไปแล้ว
