xs
xsm
sm
md
lg

BAY เล็งขายหนี้เน่าเพิ่มหมื่นล. จ่อปรับเป้าสินเชื่อรับเงินเฟ้อพุ่ง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

แบงก์กรุงศรียันคุมเอ็นพีแอลทั้งปีไม่เกิน 5.5% ยืนยืนตอนนี้ยังไม่มีสัญญาณที่น่าเป็นห่วง ส่วนการปล่อยสินเชื่อในภาวะเงินเฟ้อและค่าครองชีพสูงยังไม่ชะลอตัวเพราะมีการออกแคมเปญกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมเล็งทบทวนเป้าสินเชื่อทั้งปีหลังไตรมาส 2 คาดผลกระทบจากเงินเฟ้อต่อการลงทุนจะเริ่มชัดเจนในเดือนส.ค.

นายตัน คอง คูน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือ BAY เปิดเผยว่า ในขณะนี้ธนาคารยังไม่เห็นแนวโน้มการเพิ่มขึ้นของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) และอัตราการผิดนัดชำระที่น่าเป็นห่วงแต่อย่างใด แม้ว่าปัจจุบันอัตราเงินเฟ้อและค่าครองชีพสูงจะมีการปรับตัวสูงขึ้นมาก

โดยในปีนี้ธนาคารยังคงตั้งเป้าหมายที่จะลดเอ็นพีแอลสุทธิให้อยู่ที่ 5.5% โดยในครึ่งปีหลังมีแผนที่จะขายเอ็นพีแอลออกไปอีกประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีเอ็นพีแอลก่อนหักสำรอง ณ สิ้นปีนี้ลงมาอยู่ที่ประมาณ 54,000-55,000 ล้านบาท โดยในเดือนเมษายนที่ผ่านมาธนาคารได้ทำการขายเอ็นพีแอลออกไปแล้ว 6,000 ล้านบาท และจะทำให้เอ็นพีแอลสุทธิ ณ สิ้นไตรมาส 2 ของปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 6%

"เอ็นพีแอลโดยรวมยังไม่เห็นสัญญาณอะไรที่น่ากลัว ส่วนเงินเฟ้อและค่าครองชีพที่สูงขึ้นนั้นหากจะกระทบก็จะเป็นในกลุ่มของผู้ที่รายได้ประจำน้อย และการบริหารความเสี่ยงที่แบงก์ทำอยู่ก็จะมีการดูถึงความสามารถในการชำระหนี้โดยลูกค้าจะยังต้องพอมีเงินเหลือใช้ในชีวิตประจำวัน"

สำหรับการปล่อยสินเชื่อในภาวะเงินเฟ้อที่สูงขึ้นส่งผลให้ต้นทุนวัตถุดิบต่างๆ สูงขึ้นนั้น ธนาคารยังไม่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยดังกล่าว เนื่องจากความต้องการสินเชื่อยังไม่มีสัญญาณว่าจะชะลอลง โดยธนาคารจะมีการจัดแคมเปญมาเป็นตัวกระตุ้นอย่างต่อเนื่อง ส่วนสินเชื่อบ้านที่เติบโตในช่วงนี้ส่วนหนึ่งก็มาจากการชะลอการโอนของผู้บริโภคในช่วงเดือนมีนาคม เพื่อรอรับสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี จึงทำให้สินเชื่อบ้านเติบโตตามปกติ ดังนั้นธนาคารจะมีการทบทวนเป้าสินเชื่ออีกครั้งในช่วงกลางปีคือสิ้นเดือนมิถุนายน เนื่องจากจะต้องรอดูผลประกอบการครึ่งปีแรกก่อน นอกจากนี้ มองว่าผลกระทบจากเงินเฟ้อที่จะส่งผลต่อการลงทุนน่าจะเห็นได้ชัดช่วงเดือนสิงหาคม

ทั้งนี้ ปัจจุบันธนาคารยังยืนยันเป้าการเติบโตของสินเชื่อ โดยสินเชื่อรายใหญ่ตั้งเป้าการเติบโต 1 เท่าของการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี) ส่วนสินเชื่อรายย่อยตั้งเป้าเติบโต 4 เท่าของจีดีพี ซึ่งธนาคารประมาณการว่าจีดีพีปีนี้จะเติบโต 5% แต่อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าไตรมาสที่ 2 การเติบโตของสินเชื่อจะไม่สูงเท่าไตรมาสที่ 1 เนื่องจากไตรมาสที่ 1 สินเชื่อของธนาคารเติบโต 20% โดย 18% มาจากการควบรวมกับ GECAL และอีก 2% เป็นการเติบโตของธนาคารเอง ดังนั้น ในไตรมาสที่ 2 ธนาคารไม่ได้มีการควบรวมกับกิจการอื่นอีกสินเชื่อจึงเติบโตตามปกติ
กำลังโหลดความคิดเห็น