xs
xsm
sm
md
lg

เตรียมขึ้นเงินเดือน รสก. เลี้ยบอ้อนเอกชนทำตาม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

รมว.คลังแย้มขึ้นเงินเดือนรัฐวิสาหกิจ 6% เท่าข้าราชการระดับล่าง เล่นบทอ้อนนายจ้างภาคเอกชนปรับเงินเดือนลูกจ้างช่วยค่าครองชีพ ทำนายแนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปแตะระดับ 140-150 เหรียญ/บาร์เรล

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า หลังจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบปรับเพิ่มค่าครองชีพให้ข้าราชการ ซี 1-5 ในอัตราร้อยละ 6 ไปแล้ว หลังจากออกมาตรการดังกล่าวแล้วจะช่วยรองรับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น และช่วยลดปริมาณการใช้น้ำมันลงเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ ดังนั้นในส่วนของพนักงานราชการ ลูกจ้างชั่วคราว และพนักงานรัฐวิสาหกิจ ควรจะต้องได้รับการปรับเพิ่มอัตราค่าครองชีพในหลักการเดียวกัน ส่วนภาคเอกชนเห็นว่านายจ้างอาจมีการปรับเพิ่มค่าครองชีพให้พนักงานด้วย

"กำลังพิจารณาปรับขึ้นค่าครองชีพให้กับพนักงานรัฐวิสาหกิจ พนักงานราชการ และลูกจ้างชั่วคราว เช่นเดียวกับที่ได้ปรับขึ้นได้ข้าราชการที่ต่ำกว่าซี 5 ซึ่งมีรายได้น้อยไปแล้ว เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้นมาครอบคลุมรายจ่ายที่สูงขึ้น"

นพ.สุรพงษ์กล่าวยังกล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำมันในตลาดโลกมีโอกาสปรับตัวขึ้นต่อเนื่องไปแตะระดับ 140-150 เหรียญ/บาร์เรล หลังจากราคาพุ่งทะลุระดับ 120 เหรียญ/บาร์เรล เร็วกว่าที่หลายฝ่ายคาดไว้ แต่ก็เชื่อว่ายังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง ทุกคนต้องเตรียมตัวให้พร้อมรับสถานการณ์ กระทรวงการคลังจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ กระทรวงพลังงาน, กระทรวงคมนาคม และกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ภายในเดือน พ.ค.นี้ เพื่อหาข้อสรุปมาตรการลดการใช้พลังงานที่จะต้องเกิดผลสำเร็จอย่างรุนแรงและทันทีทันใด ซึ่งน่าจะช่วยชะลอการใช้น้ำมันลงได้

***กองทุนความมั่งคั่งฯ ยังต้องศึกษา

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง ยังกล่าวถึงการจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Wealth Fund : SWF) ในงานสัมมนา "ทางเลือกในการบริหาร Soveriegn Wealth Fund ของประเทศไทยในอนาคต" ว่า ไทยยังไม่มีความพร้อมเพียงพอ จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม โดยทุนสำรองระหว่างประเทศล่าสุดในเดือน พ.ค.ที่ระดับ 1.01 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 44% ยังไม่มากพอ สำหรับการจัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ

"ทุนสำรองฯ ดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากความไม่สมดุลของระบบเศรษฐกิจช่วง 1 ปีที่ผ่านมา จากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด จากที่มียอดส่งออกจำนวนมากและนำเข้าน้อยเนื่องจากไม่มีการขยายการลงทุน ขณะที่บุคลากรในประเทศยังขาดความรู้ความชำนาญในประเด็นดังกล่าว ดังนั้น ประเทศไทยคงต้องใช้เวลาในการศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ" นพ.สุรพงษ์กล่าวและว่า แนวคิดการจัดตั้งกองทุนในลักษณะนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินบาท แต่จะใช้เป็นเครื่องมือสร้างโอกาสการลงทุนจากส่วนเกินของเงินสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งกองทุนดังกล่าวฯ ต่างจากการจัดตั้งกองทุนพันธบัตรเอเซียน หรือ Asian Bond ที่มีเป้าหมายระดมเงินสำรองจากประเทศต่างๆ ไปลงทุนในตราสารหนี้ของเอเชีย
กำลังโหลดความคิดเห็น