รมว.คลัง เผยไทยขาดประสบการณ์ตั้งกองทุนความมั่งคั่งฯ ชี้ทุนสำรองฯ เพิ่มขึ้น 1 แสนล. เกิดจากส่วนต่างดุลบัญชีเดินสะพัด ไม่ใช่ภาคการผลิต และยังไม่มากพอ คงต้องศึกษากันอีกมาก
วันนี้(15 พ.ค.) นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในการสัมมนา "ทางเลือกในการบริหาร Soveriegn Wealth Fund ของประเทศไทยในอนาคต โดยระบุว่า ทุนสำรองระหว่างประเทศล่าสุดในเดือน พ.ค.ที่ระดับ 1.01 แสนล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 44% ยังไม่มากพอที่จะนำมาจัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ และทุนสำรองฯ ดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากความไม่สมดุลของระบบเศรษฐกิจช่วง 1 ปีที่ผ่านมา จากการเกินดุลบัญชีเดินสะพัด จากที่มียอดส่งออกจำนวนมากและนำเข้าน้อย เนื่องจากไม่มีการขยายการลงทุน
นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ขณะนี้ไทยยังไม่มีความพร้อมเพียงพอสำหรับการจัดตั้งกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติ (Sovereign Wealth Fund : SWF) เนื่องจากขาดประสบการณ์ในด้านนี้ จึงจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม ส่วนทุนสำรองทางการที่สูงถึง 1 แสนล้านบาท ก็ยังต่ำเกินไป
ขณะที่บุคลากรในประเทศยังขาดความรู้ความชำนาญในประเด็นดังกล่าว ดังนั้น ประเทศไทยคงต้องใช้เวลาในการศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบ เพราะกองทุนในลักษณะดังกล่าวในหลายประเทศก็ไม่ประสบความสำเร็จ
"เรื่องนี้ถือว่าใหม่สำหรับเรา เพราะจากประวัติศาสตร์ การตั้งกองทุนจากหลายประเทศ มีทั้งประสบผลสำเร็จ และขาดทุน ขึ้นอยุ่กับความสามารถในการจัการลงทุน และหน้าตักของเงินที่มีอยู่พอจะลงทุนระยะยาวได้หรือไม่"
นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า แนวคิดการจัดตั้งกองทุนในลักษณะนี้ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อชะลอการแข็งค่าของเงินบาท แต่จะใช้เป็นเครื่องมือสร้างโอกาสการลงทุนจากส่วนเกินของเงินสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งกองทุนดังกล่าวฯ ต่างจากการจัดตั้งกองทุนพันธบัตรเอเซียน หรือ Asian Bond ที่มีเป้าหมายระดมเงินสำรองจากประเทศต่างๆ ไปลงทุนในตราสารหนี้ของเอเซีย ไม่ใช้ลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ
ขณะนี้ สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ศึกษารูปแบบของกองทุนเพื่อความมั่งคั่งฯ เพื่อดูการเปลี่ยนแปลงของกระแสโลก โดยจะศึกษาทั้งแง่การตั้งกองทุนฯออกไปลงทุนในต่างประเทศ และในแง่ที่กองทุนจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในไทย เพื่อวางกฎกติกาที่เหมาะสม