สศค.เผยฐานะการคลัง 7 เดือนแรก ปีงบประมาณ 2551 ยอมขาดดุลเงินสดถึง 1.96 แสนลบ. เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้ 5.0-6.0% ตามเป้าหมาย
วันนี้ (15 พ.ค.) กระทรวงการคลัง เปิดเผยรายงานฐานะการคลังช่วง 7 เดือนแรกปีงบประมาณ 2551 (ต.ค.50-เม.ย.51) พบว่า รัฐบาลรัฐบาลมียอดขาดดุลเงินสด 1.96 แสนล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 9.9%ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้ 5.0-6.0% ในปี 51
นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การขาดดุลดังกล่าว แบ่งเป็นการขาดดุลเงินงบประมาณ 1.87 แสนล้านบาท และการขาดดุลเงินนอกงบประมาณอีก 8.52 พันล้านบาท
ขณะที่รัฐบาลชดเชยการขาดดุลดังกล่าว โดยการออกพันธบัตรและตั๋วสัญญาใช้เงินรวม 1.21 แสนล้านบาท และใช้เงินคงคลัง 7.45 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ตลอดช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 51 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 7.63 แสนล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 6.13 หมื่นล้านบาท หรือ 8.7% โดยภาษีที่ยังคงจัดเก็บได้เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ได้แก่ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้ปิโตรเลียม
หากมองในส่วนรายจ่ายรัฐบาลใน 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 51 มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลทั้งสิ้น 9.50 แสนล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 9.68 หมื่นล้าบาท หรือ 11.3%
โดยแบ่งเป็นรายจ่ายจากงบประมาณปีปัจจุบัน 8.77 แสนล้านบาท คิดเป็นอัตราการเบิกจ่าย 52.8% ของวงเงินงบประมาณ 1.66 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มีอัตราเบิกจ่าย 49.5% ของวงเงินงบประมาณ 1.57 ล้านล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อนอีก 7.31 หมื่นล้านบาท ลดลง 4.87 พันล้านบาทหรือ 6.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายสมชัย กล่าวอีกว่า ในส่วนฐานะการคลังเดือนเม.ย.51 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 1.27 แสนล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 3.84 หมื่นล้านบาท หรือ 43.3%ขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 1.55 แสนล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 3.88 หมื่นล้านบาท หรือ 33.5% ซึ่งส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในเดือนเม.ย.ขาดดุล 2.75 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ หากนำมารวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุล 5.0 พันล้านบาท ทำให้ดุลเงินสดในเดือน เม.ย. ขาดดุลลดเหลือ 2.25 หมื่นล้านบาทและรัฐบาลได้ชดเชยการขาดดุลดังกล่าวด้วยการกู้เงินโดยการออกพันธบัตร 3.59 หมื่นล้านบาท
วันนี้ (15 พ.ค.) กระทรวงการคลัง เปิดเผยรายงานฐานะการคลังช่วง 7 เดือนแรกปีงบประมาณ 2551 (ต.ค.50-เม.ย.51) พบว่า รัฐบาลรัฐบาลมียอดขาดดุลเงินสด 1.96 แสนล้านบาท ต่ำกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 9.9%ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายการดำเนินนโยบายการคลังแบบขาดดุล เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตได้ 5.0-6.0% ในปี 51
นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การขาดดุลดังกล่าว แบ่งเป็นการขาดดุลเงินงบประมาณ 1.87 แสนล้านบาท และการขาดดุลเงินนอกงบประมาณอีก 8.52 พันล้านบาท
ขณะที่รัฐบาลชดเชยการขาดดุลดังกล่าว โดยการออกพันธบัตรและตั๋วสัญญาใช้เงินรวม 1.21 แสนล้านบาท และใช้เงินคงคลัง 7.45 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ ตลอดช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 51 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลังทั้งสิ้น 7.63 แสนล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 6.13 หมื่นล้านบาท หรือ 8.7% โดยภาษีที่ยังคงจัดเก็บได้เพิ่มขึ้นในอัตราที่สูง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน ได้แก่ภาษีเงินได้นิติบุคคล ภาษีมูลค่าเพิ่ม และภาษีเงินได้ปิโตรเลียม
หากมองในส่วนรายจ่ายรัฐบาลใน 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 51 มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณของรัฐบาลทั้งสิ้น 9.50 แสนล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 9.68 หมื่นล้าบาท หรือ 11.3%
โดยแบ่งเป็นรายจ่ายจากงบประมาณปีปัจจุบัน 8.77 แสนล้านบาท คิดเป็นอัตราการเบิกจ่าย 52.8% ของวงเงินงบประมาณ 1.66 ล้านล้านบาท ซึ่งสูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้วที่มีอัตราเบิกจ่าย 49.5% ของวงเงินงบประมาณ 1.57 ล้านล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีรายจ่ายจากงบประมาณปีก่อนอีก 7.31 หมื่นล้านบาท ลดลง 4.87 พันล้านบาทหรือ 6.2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
นายสมชัย กล่าวอีกว่า ในส่วนฐานะการคลังเดือนเม.ย.51 รัฐบาลมีรายได้นำส่งคลัง 1.27 แสนล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 3.84 หมื่นล้านบาท หรือ 43.3%ขณะที่มีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณทั้งสิ้น 1.55 แสนล้านบาท สูงกว่าช่วงเดียวกันปีก่อน 3.88 หมื่นล้านบาท หรือ 33.5% ซึ่งส่งผลให้ดุลเงินงบประมาณในเดือนเม.ย.ขาดดุล 2.75 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ หากนำมารวมกับดุลเงินนอกงบประมาณที่เกินดุล 5.0 พันล้านบาท ทำให้ดุลเงินสดในเดือน เม.ย. ขาดดุลลดเหลือ 2.25 หมื่นล้านบาทและรัฐบาลได้ชดเชยการขาดดุลดังกล่าวด้วยการกู้เงินโดยการออกพันธบัตร 3.59 หมื่นล้านบาท
