“เจ๊มิ่ง” ฟาดปาก “เอกชน” มันหยด! ลั่นกว้านซื้อข้าวชาวนาส่งออกเอง

รมว.พาณิชย์ ขู่โรงสี-ผู้ส่งออก ประกาศท้าแข่งทำธุรกิจข้าว พร้อมทุ่มเงินกว้านซื้อข้าวเปลือกจากชาวนา 1.2-1.4 หมื่นบาท/ตัน พร้อมทำตลาดส่งออกเอง พร้อมยืนยันข้าวถุงธงฟ้าไม่มีผลต่อระดับราคาในตลาด

นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงความคืบหน้าในการเข้าแทรกแซงตลาดข้าวรอบใหม่ โดยระบุว่าขณะนี้รัฐยังไม่ต้องการลงไปแทรกแซงตลาดข้าวบ่อยมากนัก แต่พ่อค้าคนกลางดันกดราคาซื้อข้าวเปลือกชาวนารุนแรง และมีการนำข้าวเหนียวมาปลอมปนข้าวหอมมะลิ ดังนั้น รัฐบาลอาจจะต้องลงไปแทรกแซงกลไกตลาดด้วยการกวาดซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรทั้งหมดในราคาตันละ 1.2-1.4 หมื่นบาท นำมาทำตลาดส่งออกเอง เนื่องจากขณะนี้มีความต้องการข้าวจากหลายประเทศจำนวนมาก

“ถ้าพวกพ่อค้าข้าวกดราคามากๆ หรือไม่ยอมซื้อก็ไม่เป็นไร ผมจะไปซื้อเอง ขายเองก็ได้ มีคำสั่งซื้ออยู่แล้ว หรือถ้าโรงสีในพื้นที่ไม่ยอมซื้อก็จะให้โรงสีจากที่อื่นเข้าไปซื้อ ถ้าให้ถึงขั้นนี้ก็ไม่ต้องทำธุรกิจกัน”

นายมิ่งขวัญ เชื่อว่าตลาดโลกยังต้องการซื้อข้าวจากไทย เนื่องจากเป็นประเทศเดียวที่มีข้าวพอส่งออก ดังนั้น แนวโน้มราคาจะยังสูงต่อเนื่อง เพราะข้าวไม่พอกินทั่วโลก ซึ่งเลขาธิการสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประกาศให้วิกฤตอาหารโลกเป็นวาระแห่งชาติที่ทั่วโลกต้องช่วยกันดูแล โดยเฉพาะปัญหาขาดแคลนข้าว รวมทั้งขณะนี้เกิดปรากฏการณ์ใหม่หลายประเทศในโลก ที่เคยกินขนมปังที่ทำมาจากข้าวสาลีปรับเปลี่ยนพฤติกรรมมากินข้าวแทน เนื่องจากข้าวสาลีมีราคาแพงขึ้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่ข้าวจะราคาตกลง

อย่างไรก็ตาม นายมิ่งขวัญยืนยันว่าขณะนี้มีคำสั่งซื้อข้าวจากต่างประเทศเข้ามาไทยอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีการติดต่อขอซื้อข้าวจากไทยเข้ามาเป็นปริมาณสูงถึง 6.7 ล้านตัน เช่น มาเลเซีย ขอซื้อ 5 แสนตัน ฮ่องกง 3 แสนตัน ยังไม่รวมติมอร์ 4.5 หมื่นตัน ศรีลังกา 5 หมื่นตัน ไนจีเรีย 5 แสนตัน ไลบีเรียและเบนินที่สนใจซื้อเพิ่มขึ้นจากปีก่อนๆ

“ผลจากคำสั่งซื้อตรงนี้จะทำให้ราคาข้าวของไทยมีราคาดี ไม่มีทางที่ข้าวจะราคาตกตามที่พ่อค้า คนกลางบางราย หรือโรงสีบางราย ปล่อยข่าวเพื่อต้องการกดราคาเกษตรกร”

สำหรับข้าวที่จะขายให้กับต่างประเทศจะให้เอกชนเป็นผู้ขาย เพราะรัฐบาลไม่มีนโยบายขายข้าวรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เพราะต้องการเก็บข้าวในสต๊อก 2.1 ล้านตันไว้

นายมิ่งขวัญ กล่าวเพิ่มเติมว่า ข้าวถุงธงฟ้าไม่มีผลกระทบต่อราคาตลาด และพ่อค้าคนกลางจะอ้าง กดราคาไม่ได้ เพราะรัฐจะใช้วิธีทยอยซื้อและทยอยขาย โดยนำออกไปทำข้าวถุงธงฟ้าเท่าไหร่ ก็จะซื้อกลับมาเท่านั้น ซึ่งจะทำให้ทฤษฎี 2 ตลาด คือราคาส่งออกกับราคาข้าวในประเทศไม่เท่ากัน

“ราคาส่งออกข้าวจะต้องเป็นไปตามกลไกตลาด ส่วนราคาข้าวในประเทศ ก็จะเป็นอีกอย่างจากเดิมที่ปล่อยให้ราคาในประเทศเป็นไปตามกลไกตลาด แต่ตอนนี้ตนทนดูข้าวถุงขึ้นราคาและขาดแคลนในตลาดไม่ได้ จึงต้องทำข้าวถุงธงฟ้าออกมา”

นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวภายหลังเดินทางไปตรวจสอบการรับซื้อข้าวเปลือกในเขต จ.นครปฐม ที่โรงสีกิจประเสริฐ และบริษัทแคปปิตัล ซีเรียลส์ จำกัด จ.พระนครศรีอยุธยา โดยบอกว่าโรงสียังเปิดรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรในราคาปกติ ขณะที่เกษตรกรภายในจังหวัดนครปฐมและจังหวัดใกล้เคียงได้ขนข้าวเปลือกมาเข้าคิวรอขายจำนวนมาก แต่หากมีความชื้นเพิ่มมากขึ้นราคาอาจลดลง ถ้าค่าความชื้นเพิ่มขึ้น 1% ข้าวจะถูกตัดน้ำหนักลงประมาณ 15 กิโลกรัม

สำหรับราคาข้าวเปลือกขณะนี้ ข้าวเปลือกหอมมะลิราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 1.9-2 หมื่นบาท ข้าวขาว ความชื้น 14-15% ราคา 1.43-1.46 หมื่นบาท ข้าวเปลือกเหนียว ราคา 6,500-7,000 บาท ซึ่งจริงๆ ราคาน่าจะอยู่ที่ 8,000 บาท โดยกระทรวงพาณิชย์กำลังพิจารณาดูว่าจะมีมาตรการอะไรออกมาให้ความช่วยเหลือข้าวเหนียว