“พาณิชย์” มึนต้นเหตุราคาข้าวในตลาดโลกร่วง เพราะความต้องการยังมีเท่าเดิม การนำข้าวถุงธงฟ้าออกขายต่ำกว่าตลาดทั่วไป 15-20% ไม่ขาดทุนแน่นอน พร้อมระบุ ข้าวแค่ไม่กี่แสนตัน ไม่น่ากระทบกลไกตลาดได้ พร้อมเร่งตรวจสอบโรงสี ไม่ยอมรับซื้อข้าวจากชาวนา
วันนี้ (6 พ.ค.) นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่สำนักข่าวต่างประเทศ ออกมาระบุว่า การนำสต๊อกข้าว 2.1 ล้านตัน ออกมาดัมป์ราคาขายปลีก เพื่อแก้ปัญหาข้าวในประเทศมีราคาแพง ได้ส่งผลต่อราคาข้าวในตลาดโลกปรับลดลงนั้น ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจรืง
ตอนนี้ บอกได้อย่างเดียวว่ายังไม่มีเหตุอะไรให้ราคาข้าวตก ราคายังปกติ ความต้องการเท่าเดิม ข้าวถุง ไม่กี่แสนตันไม่กระทบอะไร การส่งออกก็ไปได้ ไม่ได้ชะงักหรือให้หยุด แต่ที่ทำให้ราคาข้าวลดลงน่าจะมาจากต้องการซื้อข้าวจากชาวนาราคาถูกมากกว่า
นายยรรยง ยืนยันว่า การนำข้าวในสต๊อกของรัฐบาลจำนวน 2.1 ล้านตัน มาจัดทำข้าวถุงธงฟ้ามหาชน จำหน่ายให้กับประชาชนในราคาต่ำกว่าท้องตลาดประมาณ 15-20% นั้น ไม่ได้ทำให้รัฐบาลขาดทุน โดยข้าวที่นำมาทำข้าวถุงธงฟ้ามหาชนล็อตแรกจำนวน 3 แสนตัน ซึ่งจะทยอยออกจำหน่ายให้กับประชาชนตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.นี้ เป็นข้าวขาว 5% ในโครงการรับจำนำปี 2549/2550 ในราคาตันละ 6,500 บาท โดยราคาปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 14,000-15,000 บาท ซึ่งถือว่ารัฐบาลมีกำไรอยู่กว่า 2 เท่าตัว ทำให้ไม่เป็นปัญหาในเรื่องของการจำหน่ายในราคาต่ำกว่าท้องตลาดของรัฐบาล
นอกจากนี้ อธิบดีกรมการค้าภายใน ยังกล่าวอีกว่า ราคาจำหน่ายข้าวถุงธงฟ้ามหาชน รวมทั้งวิธีการกระจายให้กับประชาชน และการรับซื้อข้าวจากเกษตรกรเข้ามาทดแทน จะมีแนวทางที่ชัดเจนในวันที่ 7 พ.ค.นี้ ซึ่งคณะอนุกรรมการจัดทำข้าวถุงธงฟ้ามหาชน ที่มี นายธงทอง จันทรางศุ เป็นประธาน จะประชุมเป็นนัดที่ 2
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในได้ติดตามสถานการณ์ราคาข้าวอย่างใกล้ชิด เพื่อหาเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ราคาข้าวลดลง ซึ่งขณะนี้ความต้องการยังเท่าเดิม จึงไม่น่ามีปัจจัยที่ทำให้ราคาลดลง ส่วนที่อ้างถึงโครงการข้าวถุงของรัฐและปริมาณผลผลิตข้าวนาปรังออกสู่ตลาด คงเป็นข้ออ้างให้โรงสีที่ต้องการทุบราคา ทั้งนี้ กรมจะตรวจสอบสต็อกข้าวอย่างเข้มงวด เพื่อหาทิศทางสถานการณ์ที่แท้จริง
ส่วนกรณีมีเกษตรกรจากกาฬสินธุ์ร้องเรียนกลุ่มโรงสีไม่ยอมรับซื้อข้าวเปลือก เท่าที่ตรวจสอบขณะนี้ ข้าวที่โรงสีไม่ยอมรับซื้อเป็นข้าวเปลือกเหนียว ซึ่งราคาในตลาดอยู่ที่ระดับ 6,000-6,500 บาทต่อตัน แต่กำลังตรวจสอบว่าโรงสีที่จังหวัดกาฬสินธุ์มีพฤติกรรมไม่ยอมรับซื้อข้าวจากเกษตรกรจริงหรือไม่
ขณะเดียวกัน กรมการค้าภายในได้ส่งทีมออกตรวจสอบทั้งจังหวัดกาฬสินธุ์ พระนครศรีอยุธยา และอีกหลายจังหวัด เพื่อดูว่าโรงสีในจังหวัดต่างๆ มีพฤติกรรมไม่ยอมรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรหรือไม่ หากโรงสีใดมีพฤติกรรมดังกล่าวตาม พ.ร.บ.ค้าข้าว พ.ศ.2548 ระบุไว้ชัดเจนว่า ผู้ที่ทำธุรกิจโรงสีข้าวจะต้องซื้อและให้ราคาข้าวแก่ผู้ขายตามราคาตลาด หากโรงสีใดมีพฤติกรรมไม่ยอมรับซื้อข้าว เข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.บ.ค้าข้าว มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีโอกาสถูกถอนใบอนุญาตได้ อีกทั้งยังถือว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ที่กดราคารับซื้อสินค้า มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในจะขอความร่วมมือตลาดกลางทั่วประเทศให้เข้าไปรับซื้อข้าวจากเกษตรกรโดยตรง โดยไม่ผ่านโรงสี และขอยืนยันว่า แม้ราคาข้าวในปัจจุบันอาจจะปรับลดลงบ้าง แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดทำข้าวถุงธงฟ้ามหาชนของกระทรวงพาณิชย์ที่จะออกสู่ตลาดกลางเดือนพฤษภาคมนี้ สำหรับราคาข้าวในปัจจุบันอยู่ในระดับ 12,000-13,000 บาทต่อตัน แม้จะมีฝนตกชุก ทำให้ข้าวมีความชื้น แต่ไม่ได้เป็นเหตุผลที่โรงสีข้าวจะอ้างกดราคารับซื้อต่ำกว่าราคาตลาด จึงสั่งการพาณิชย์จังหวัดเข้าไปดูแลเรื่องนี้แล้ว
วันนี้ (6 พ.ค.) นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่สำนักข่าวต่างประเทศ ออกมาระบุว่า การนำสต๊อกข้าว 2.1 ล้านตัน ออกมาดัมป์ราคาขายปลีก เพื่อแก้ปัญหาข้าวในประเทศมีราคาแพง ได้ส่งผลต่อราคาข้าวในตลาดโลกปรับลดลงนั้น ตนขอยืนยันว่า ไม่เป็นความจรืง
ตอนนี้ บอกได้อย่างเดียวว่ายังไม่มีเหตุอะไรให้ราคาข้าวตก ราคายังปกติ ความต้องการเท่าเดิม ข้าวถุง ไม่กี่แสนตันไม่กระทบอะไร การส่งออกก็ไปได้ ไม่ได้ชะงักหรือให้หยุด แต่ที่ทำให้ราคาข้าวลดลงน่าจะมาจากต้องการซื้อข้าวจากชาวนาราคาถูกมากกว่า
นายยรรยง ยืนยันว่า การนำข้าวในสต๊อกของรัฐบาลจำนวน 2.1 ล้านตัน มาจัดทำข้าวถุงธงฟ้ามหาชน จำหน่ายให้กับประชาชนในราคาต่ำกว่าท้องตลาดประมาณ 15-20% นั้น ไม่ได้ทำให้รัฐบาลขาดทุน โดยข้าวที่นำมาทำข้าวถุงธงฟ้ามหาชนล็อตแรกจำนวน 3 แสนตัน ซึ่งจะทยอยออกจำหน่ายให้กับประชาชนตั้งแต่วันที่ 2 พ.ค.นี้ เป็นข้าวขาว 5% ในโครงการรับจำนำปี 2549/2550 ในราคาตันละ 6,500 บาท โดยราคาปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ตันละ 14,000-15,000 บาท ซึ่งถือว่ารัฐบาลมีกำไรอยู่กว่า 2 เท่าตัว ทำให้ไม่เป็นปัญหาในเรื่องของการจำหน่ายในราคาต่ำกว่าท้องตลาดของรัฐบาล
นอกจากนี้ อธิบดีกรมการค้าภายใน ยังกล่าวอีกว่า ราคาจำหน่ายข้าวถุงธงฟ้ามหาชน รวมทั้งวิธีการกระจายให้กับประชาชน และการรับซื้อข้าวจากเกษตรกรเข้ามาทดแทน จะมีแนวทางที่ชัดเจนในวันที่ 7 พ.ค.นี้ ซึ่งคณะอนุกรรมการจัดทำข้าวถุงธงฟ้ามหาชน ที่มี นายธงทอง จันทรางศุ เป็นประธาน จะประชุมเป็นนัดที่ 2
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในได้ติดตามสถานการณ์ราคาข้าวอย่างใกล้ชิด เพื่อหาเหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้ราคาข้าวลดลง ซึ่งขณะนี้ความต้องการยังเท่าเดิม จึงไม่น่ามีปัจจัยที่ทำให้ราคาลดลง ส่วนที่อ้างถึงโครงการข้าวถุงของรัฐและปริมาณผลผลิตข้าวนาปรังออกสู่ตลาด คงเป็นข้ออ้างให้โรงสีที่ต้องการทุบราคา ทั้งนี้ กรมจะตรวจสอบสต็อกข้าวอย่างเข้มงวด เพื่อหาทิศทางสถานการณ์ที่แท้จริง
ส่วนกรณีมีเกษตรกรจากกาฬสินธุ์ร้องเรียนกลุ่มโรงสีไม่ยอมรับซื้อข้าวเปลือก เท่าที่ตรวจสอบขณะนี้ ข้าวที่โรงสีไม่ยอมรับซื้อเป็นข้าวเปลือกเหนียว ซึ่งราคาในตลาดอยู่ที่ระดับ 6,000-6,500 บาทต่อตัน แต่กำลังตรวจสอบว่าโรงสีที่จังหวัดกาฬสินธุ์มีพฤติกรรมไม่ยอมรับซื้อข้าวจากเกษตรกรจริงหรือไม่
ขณะเดียวกัน กรมการค้าภายในได้ส่งทีมออกตรวจสอบทั้งจังหวัดกาฬสินธุ์ พระนครศรีอยุธยา และอีกหลายจังหวัด เพื่อดูว่าโรงสีในจังหวัดต่างๆ มีพฤติกรรมไม่ยอมรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรหรือไม่ หากโรงสีใดมีพฤติกรรมดังกล่าวตาม พ.ร.บ.ค้าข้าว พ.ศ.2548 ระบุไว้ชัดเจนว่า ผู้ที่ทำธุรกิจโรงสีข้าวจะต้องซื้อและให้ราคาข้าวแก่ผู้ขายตามราคาตลาด หากโรงสีใดมีพฤติกรรมไม่ยอมรับซื้อข้าว เข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.บ.ค้าข้าว มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และมีโอกาสถูกถอนใบอนุญาตได้ อีกทั้งยังถือว่ากระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ ที่กดราคารับซื้อสินค้า มีโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
ทั้งนี้ กรมการค้าภายในจะขอความร่วมมือตลาดกลางทั่วประเทศให้เข้าไปรับซื้อข้าวจากเกษตรกรโดยตรง โดยไม่ผ่านโรงสี และขอยืนยันว่า แม้ราคาข้าวในปัจจุบันอาจจะปรับลดลงบ้าง แต่ไม่เกี่ยวข้องกับการจัดทำข้าวถุงธงฟ้ามหาชนของกระทรวงพาณิชย์ที่จะออกสู่ตลาดกลางเดือนพฤษภาคมนี้ สำหรับราคาข้าวในปัจจุบันอยู่ในระดับ 12,000-13,000 บาทต่อตัน แม้จะมีฝนตกชุก ทำให้ข้าวมีความชื้น แต่ไม่ได้เป็นเหตุผลที่โรงสีข้าวจะอ้างกดราคารับซื้อต่ำกว่าราคาตลาด จึงสั่งการพาณิชย์จังหวัดเข้าไปดูแลเรื่องนี้แล้ว