กระทรวงการคลังสนองนโยบายรัฐ จัดที่ราชพัสดุ 1 ล้านไร่จัดสรรให้เกษตรกรเช่าเพื่อเพาะปลูกพืชไร่และพืชทดแทนพลังงาน โดยให้กรมธนารักษ์เป็นผู้ดำเนินการ คิดค่าเช่าราคาถูกไร่ละ 20 บาทต่อปี
ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้ให้กรมธนารักษ์ทำการสำรวจที่ราชพัสดุทั่วประเทศ 12.5 ล้านไร่ พบว่ามีที่ดินที่อยู่ในการครอบครองของส่วนราชการและหน่วยงานเป็นที่ดินว่างทั้งแปลง ที่ดินที่ใช้ประโยชน์ไม่เหมาะสม ที่ดินที่ใช้ประโยชน์ไม่เต็มพื้นที่ จำนวน 3,199 แปลง เนื้อที่รวม 295,258 ไร่ เป็นที่ดินแปลงใหญ่ที่ใช้เพื่อการเกษตรกรรมที่ราษฎรถือครองอยู่เนื้อที่ประมาณ 584,062 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งสิ้น 879,302 ไร่ ซึ่งจะต้องเจรจาขอคืนจากหน่วยราชการ
โดยการเจรจาขอคืนที่ดินจากหน่วยราชการและหน่วยงานในปี 2550 และ 2551 กรมธนารักษ์ได้รับที่ดินราชพัสดุคืนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงกลาโหม และส่วนราชการ และหน่วยงานอื่น 266,539 ไร่ เป็นที่ว่างเปล่า 73,015 ไร่ ได้จัดให้ราษฎรเช่าพื้นที่เพื่อทำเกษตรกรรมประมาณ 45,497 ไร่ ส่วนที่เหลือได้นำกลับไปให้ส่วนราชการใช้ประโยชน์ 27,520 ไร่
สำหรับที่ดินที่เจรจาขอคืนที่คงเหลืออีก 612,691 ไร่เศษ ได้ให้กรมธนารักษ์เร่งรัดเจรจาส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ให้ส่งคืนที่ดินต่อไป โดยกำหนดเป้าหมายให้ส่งคืนให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด
ส่วนการจัดหาพื้นที่รองรับโครงการจัดทำแปลงเกษตรให้ราษฎรเช่าเพื่อทำการเกษตรพืชไร่ และพลังงานทดแทนตามนโยบาย 1 ล้านไร่นั้น มีที่ดินในการครอบครองของหน่วยราชการ เนื้อที่ประมาณ 9.448 ล้านไร่ เป็นที่ดินแปลงใหญ่ที่เหมาะสมใช้เป็นเนื้อที่เกษตรกรรมเป็นจำนวนมาก ที่สามารถสำรวจเพื่อนำมาใช้ประโยชน์อื่นๆ ตามนโยบายของรัฐบาลได้อีก
“เรื่องขอคืนที่ราชพัสดุจากหน่วยงานราชการ และหน่วยงานอื่นๆ นั้นคงจะต้องขอให้ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ที่มีที่ราชพัสดุในความครอบครองช่วยผลักดันให้ส่วนราชการเร่งส่งคืนที่ดิน และเมื่อได้รับคืนแล้ว กระทรวงการคลังจะร่วมบูรณาการกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพลังงานในการกำหนดนโยบายและเงื่อนไขในการทำเกษตร ปลูกพืชไร่ และพืชพลังงานทดแทน โดยกระทรวงการคลังจะให้ราษฎรเช่าไร่ละ 20 บาทต่อปี” รมช.คลังกล่าว
ร้อยตรีหญิงระนองรักษ์ สุวรรณฉวี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ได้ให้กรมธนารักษ์ทำการสำรวจที่ราชพัสดุทั่วประเทศ 12.5 ล้านไร่ พบว่ามีที่ดินที่อยู่ในการครอบครองของส่วนราชการและหน่วยงานเป็นที่ดินว่างทั้งแปลง ที่ดินที่ใช้ประโยชน์ไม่เหมาะสม ที่ดินที่ใช้ประโยชน์ไม่เต็มพื้นที่ จำนวน 3,199 แปลง เนื้อที่รวม 295,258 ไร่ เป็นที่ดินแปลงใหญ่ที่ใช้เพื่อการเกษตรกรรมที่ราษฎรถือครองอยู่เนื้อที่ประมาณ 584,062 ไร่ รวมเนื้อที่ทั้งสิ้น 879,302 ไร่ ซึ่งจะต้องเจรจาขอคืนจากหน่วยราชการ
โดยการเจรจาขอคืนที่ดินจากหน่วยราชการและหน่วยงานในปี 2550 และ 2551 กรมธนารักษ์ได้รับที่ดินราชพัสดุคืนจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงกลาโหม และส่วนราชการ และหน่วยงานอื่น 266,539 ไร่ เป็นที่ว่างเปล่า 73,015 ไร่ ได้จัดให้ราษฎรเช่าพื้นที่เพื่อทำเกษตรกรรมประมาณ 45,497 ไร่ ส่วนที่เหลือได้นำกลับไปให้ส่วนราชการใช้ประโยชน์ 27,520 ไร่
สำหรับที่ดินที่เจรจาขอคืนที่คงเหลืออีก 612,691 ไร่เศษ ได้ให้กรมธนารักษ์เร่งรัดเจรจาส่วนราชการและหน่วยงานต่าง ๆ ให้ส่งคืนที่ดินต่อไป โดยกำหนดเป้าหมายให้ส่งคืนให้เสร็จสิ้นโดยเร็วที่สุด
ส่วนการจัดหาพื้นที่รองรับโครงการจัดทำแปลงเกษตรให้ราษฎรเช่าเพื่อทำการเกษตรพืชไร่ และพลังงานทดแทนตามนโยบาย 1 ล้านไร่นั้น มีที่ดินในการครอบครองของหน่วยราชการ เนื้อที่ประมาณ 9.448 ล้านไร่ เป็นที่ดินแปลงใหญ่ที่เหมาะสมใช้เป็นเนื้อที่เกษตรกรรมเป็นจำนวนมาก ที่สามารถสำรวจเพื่อนำมาใช้ประโยชน์อื่นๆ ตามนโยบายของรัฐบาลได้อีก
“เรื่องขอคืนที่ราชพัสดุจากหน่วยงานราชการ และหน่วยงานอื่นๆ นั้นคงจะต้องขอให้ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีกระทรวงต่างๆ ที่มีที่ราชพัสดุในความครอบครองช่วยผลักดันให้ส่วนราชการเร่งส่งคืนที่ดิน และเมื่อได้รับคืนแล้ว กระทรวงการคลังจะร่วมบูรณาการกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพลังงานในการกำหนดนโยบายและเงื่อนไขในการทำเกษตร ปลูกพืชไร่ และพืชพลังงานทดแทน โดยกระทรวงการคลังจะให้ราษฎรเช่าไร่ละ 20 บาทต่อปี” รมช.คลังกล่าว
