นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้านระบุ คลังฯขยายมาตรการอสังหาฯครอบคลุมที่อยู่อาศัยนอกโครงการจัดสรร ดันยอดซื้อขายที่ดินเปล่าปี 51 ขยายตัวสูง ผู้บริโภคได้รับประโยชน์ทั่วถึงแจง 90% ลูกค้าซื้อที่ดินสร้างบ้านเอง ขณะตลาดรับสร้างบ้านรับผลดีด้านจิตวิทยากระตุ้นลูกค้าต้องการสร้างบ้านเพิ่มขึ้น เชื่อมาตรการอสังหาฯส่งผลตลาดรับสร้างบ้านขยายตัวในระยะยาว
นายศักดา โควิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รอแยลเฮ้าส์ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า กรณีที่กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขยายมาตรการลดภาษีเพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ให้ครอบคลุมถึงการซื้อและก่อสร้างที่อยู่อาศัยในที่ดินนอกโครงการจัดสรรที่มีขนาดพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่นั้น คาดว่าจะส่งผลดีต่อตลาดรับสร้างบ้านในเชิงจิตวิทยาจูงใจให้ลูกค้าต้องการสร้างบ้านมากขึ้น เนื่องจากลูกค้ามีความเชื่อมั่นในอนาคตและความเชื่อมั่นในตลาดส่งผลต่อการตัดสินใจสร้างบ้านที่เร็วขึ้น
“โดยส่วนตัวแล้วเห็นการลดค่าธรรมเนียนการโอน และค่าจดจำนองเหลือ 0.01% นั้นจะส่งผลให้เกิดการตัดสินใจซื้อและโอนที่ดินเปล่าในปีนี้ขยายตัวสูงกว่าในช่วงปีที่ผ่านมาค่อนข้างมาก ซึ่งจะสร้างโอกาสที่ดีต่อตลาดรับสร้างบ้านให้เกิดการขยายตัวในระยะยาว เพราะเมื่อการซื้อที่ดินเกิดขึ้น โอกาสที่จะมีการสร้างบ้านใหม่ก็จะมากขึ้นด้วย เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่ดินในโครงการจัดสรรเพื่อสร้างบ้านโดยตรงเลยนั้นมีจำนวนน้อย โดยปัจจุบันมีอยู่เพียง 10%เท่านั้น”
ทั้งนี้ ในปัจจุบันมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯของภาครัฐบาลนั้นส่งผลต่อโครงการจัดสรรเป็นหลักซึ่งกลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่ดินเปล่าในโครงการจัดสรรและสร้างบ้านเองนั้น มีสัดส่วนเพียง 10% แต่เมื่อมีการขยายมาตรการให้ครอบคลุมการสร้างบ้านบนที่ดินขนาดไม่เกิน 1 ไร่ นอกโครงการจัดสรรนั้นทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์จกมาตรการรวมถึงผู้ประกอบการรับสร้างบ้านด้วย เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทรับสร้างบ้านในปัจจุบัน 90% เป็นกลุ่มที่ซื้อที่ดินนอกโครงการจัดสรร แบ่งออกเป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่ดินและสร้างบ้านใหม่ 10% ลูกค้าที่สร้างบ้านในมีที่ดินเปล่าทีมีอยู่เดิม 60% และ กลุ่มลูกค้าที่ทุบบ้านเก่าเพื่อสร้างบ้านใหม่30% สำหรับข้อกำหนดเรื่องขนาดที่ดินว่าไม่เกิน 1 ไร่นั้น ทำให้สามารถประมานการได้ว่ากลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะก่อสร้างบ้านในระดับราคาเฉลี่ย 4.5-6 ล้านบาท โดยส่วนมากลูกค้าที่มี ที่ดิน 100 ตร.ว.จะสร้างบ้านในราคา 4.5ล้านบาท และ 200 ตร.ว.จะสร้างบ้านในราคา 6 ล้านบาท แต่สำหรับลูกค้าที่จะก่อสร้างบ้านบนเนื้องที่ 1 ไร่ส่วนใหญ่จะสร้างบ้านราคาเริ่มต้น 10 ล้านบาทขึ้นไป
“จากการสอบถามกลุ่มผู้ชมงาน NEWS Home Builder # 3 จำนวน 1,000 ราย พบว่าความต้องการปลูกสร้างบ้านในปี 51 ยังมีสัดส่วนสูงถึงเกือบ 50% ส่วนที่ต้องการปลูกสร้างบ้านภายในครึ่งปีแรกของปี 52 ก็มีสูงถึง 25% ส่วนในด้านกำลังซื้อของผู้บริโภค พบว่าเพิ่มขึ้นจากปี 50 โดยวัดจากระดับราคาบ้านที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน โดยกลุ่มบ้านระดับราคา 1-2.5 ล้านบาท มีสัดส่วนสูงที่สุด 36% ส่วนกลุ่มบ้านระดับราคา 2.5-5 ล้านบาท มีสัดส่วน 34%”
นายศักดา โควิสุทธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท รอแยลเฮ้าส์ จำกัด ในฐานะนายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า กรณีที่กระทรวงการคลังเตรียมเสนอ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขยายมาตรการลดภาษีเพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ให้ครอบคลุมถึงการซื้อและก่อสร้างที่อยู่อาศัยในที่ดินนอกโครงการจัดสรรที่มีขนาดพื้นที่ไม่เกิน 1 ไร่นั้น คาดว่าจะส่งผลดีต่อตลาดรับสร้างบ้านในเชิงจิตวิทยาจูงใจให้ลูกค้าต้องการสร้างบ้านมากขึ้น เนื่องจากลูกค้ามีความเชื่อมั่นในอนาคตและความเชื่อมั่นในตลาดส่งผลต่อการตัดสินใจสร้างบ้านที่เร็วขึ้น
“โดยส่วนตัวแล้วเห็นการลดค่าธรรมเนียนการโอน และค่าจดจำนองเหลือ 0.01% นั้นจะส่งผลให้เกิดการตัดสินใจซื้อและโอนที่ดินเปล่าในปีนี้ขยายตัวสูงกว่าในช่วงปีที่ผ่านมาค่อนข้างมาก ซึ่งจะสร้างโอกาสที่ดีต่อตลาดรับสร้างบ้านให้เกิดการขยายตัวในระยะยาว เพราะเมื่อการซื้อที่ดินเกิดขึ้น โอกาสที่จะมีการสร้างบ้านใหม่ก็จะมากขึ้นด้วย เนื่องจากกลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่ดินในโครงการจัดสรรเพื่อสร้างบ้านโดยตรงเลยนั้นมีจำนวนน้อย โดยปัจจุบันมีอยู่เพียง 10%เท่านั้น”
ทั้งนี้ ในปัจจุบันมาตรการกระตุ้นตลาดอสังหาฯของภาครัฐบาลนั้นส่งผลต่อโครงการจัดสรรเป็นหลักซึ่งกลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่ดินเปล่าในโครงการจัดสรรและสร้างบ้านเองนั้น มีสัดส่วนเพียง 10% แต่เมื่อมีการขยายมาตรการให้ครอบคลุมการสร้างบ้านบนที่ดินขนาดไม่เกิน 1 ไร่ นอกโครงการจัดสรรนั้นทำให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์จกมาตรการรวมถึงผู้ประกอบการรับสร้างบ้านด้วย เนื่องจากกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทรับสร้างบ้านในปัจจุบัน 90% เป็นกลุ่มที่ซื้อที่ดินนอกโครงการจัดสรร แบ่งออกเป็นกลุ่มลูกค้าที่ซื้อที่ดินและสร้างบ้านใหม่ 10% ลูกค้าที่สร้างบ้านในมีที่ดินเปล่าทีมีอยู่เดิม 60% และ กลุ่มลูกค้าที่ทุบบ้านเก่าเพื่อสร้างบ้านใหม่30% สำหรับข้อกำหนดเรื่องขนาดที่ดินว่าไม่เกิน 1 ไร่นั้น ทำให้สามารถประมานการได้ว่ากลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่จะก่อสร้างบ้านในระดับราคาเฉลี่ย 4.5-6 ล้านบาท โดยส่วนมากลูกค้าที่มี ที่ดิน 100 ตร.ว.จะสร้างบ้านในราคา 4.5ล้านบาท และ 200 ตร.ว.จะสร้างบ้านในราคา 6 ล้านบาท แต่สำหรับลูกค้าที่จะก่อสร้างบ้านบนเนื้องที่ 1 ไร่ส่วนใหญ่จะสร้างบ้านราคาเริ่มต้น 10 ล้านบาทขึ้นไป
“จากการสอบถามกลุ่มผู้ชมงาน NEWS Home Builder # 3 จำนวน 1,000 ราย พบว่าความต้องการปลูกสร้างบ้านในปี 51 ยังมีสัดส่วนสูงถึงเกือบ 50% ส่วนที่ต้องการปลูกสร้างบ้านภายในครึ่งปีแรกของปี 52 ก็มีสูงถึง 25% ส่วนในด้านกำลังซื้อของผู้บริโภค พบว่าเพิ่มขึ้นจากปี 50 โดยวัดจากระดับราคาบ้านที่ต้องการปลูกสร้างบ้าน โดยกลุ่มบ้านระดับราคา 1-2.5 ล้านบาท มีสัดส่วนสูงที่สุด 36% ส่วนกลุ่มบ้านระดับราคา 2.5-5 ล้านบาท มีสัดส่วน 34%”