พาณิชย์ ประกาศลุยตรวจสต๊อกข้าวพื้นที่สีแดงทุกวัน "มิ่งขวัญ" ผวาหน้าแตก หากเกิดภาวะขาดแคลน สั่งการ จนท.เช็คละเอียดยิบ ขณะที่ผู้ส่งออก เลิกทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแล้ว ชี้ราคาตลาดโลกผันผวนสูง เกรงไม่มีสินค้าส่งมอบ
วันนี้(9 เม.ย.) นายยรรยง พวงราช อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ สั่งการให้กรมการค้าภายในตรวจสต๊อกข้าวของรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แน่ใจว่าข้าวทั้งในสต๊อกของรัฐบาลและเอกชนจะมีเพียงพอต่อการบริโภคในประเทศและการส่งออก
นายยรรยง กล่าวว่า รมว.พาณิชย์ กำชับให้ติดตามเป็นพิเศษในพื้นที่สีแดง คือ ภาคเหนือตอนล่าง และภาคกลางตอนบน ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีการปลูกข้าวมาก มีสต๊อกจำนวนมาก และผู้ประกอบการโรงสีเป็นเครือข่ายเดียวกัน เช่น นครสวรรค์ , พิจิตร , กำแพงเพชร , ชัยนาท , สุพรรณบุรี และอยุธยา โดยพื้นที่เหล่านี้จะออกตรวจสอบทุกวัน ขณะที่พื้นที่อื่น เช่น ภาคอีสาน หรือภาคใต้ จะตรวจสอบประจำทุกสัปดาห์
"สต๊อกรัฐบาลจำนวน 2.14 ล้านตัน เราจะต้องตรวจสอบเป็นประจำ โดยพื้นที่สีแดงจะต้องตรวจสอบทุกวัน วันหยุดสงกรานต์คงต้องทำงาน จะไม่มีการหยุด เพราะถ้าข้าวจะหายก็หายในช่วงวันหยุด ตอนนี้กำลังคิดว่าจะจ้างบริษัทรักษาความปลอดภัย หรือขอความร่วมมือจากทหารให้ช่วยมาเฝ้าโกดัง" นายยรรยง กล่าว
ส่วนสต๊อกข้าวของเอกชนได้รับรายงานว่ามีทั้งสิ้น 2.16 ล้านตัน แบ่งเป็นของผู้ส่งออก 835,000 ตัน โรงสี 1.63 ล้านตัน และท่าข้าว/ขายส่ง อีก 72,000 ตัน ซึ่งกรมการค้าภายในจะออกตรวจสอบด้วยเช่นกัน จากเดิมที่กำหนดให้ผู้ส่งออกและโรงสี ต้องรายงานปริมาณข้าวที่มีไว้ในครอบครองให้ทราบทุกเดือน
พร้อมกันนี้ ผู้ส่งออกมีหน้าที่เพิ่มเติมคือจะต้องดำรงสต๊อกไม่ต่ำกว่า 500 ตัน ในช่วงเวลาส่งออก หากผู้ใดฝ่าฝืนไม่แจ้งสต๊อกต่อกรมการค้าภายในจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5,000 บาท
ด้านนายพงษ์ชัย เศรษฐีวรรณ กรรมการบริหาร บริษัท ไทยฟ้า(2511) จำกัด กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ส่งออกไทยไม่กล้ารับคำสั่งซื้อจากต่างประเทศในจำนวนมากหรือขายข้าวล่วงหน้านานหลายเดือน เพราะราคาข้าวผันผวนมาก หากทำสัญญาขายล่วงหน้านานจะยิ่งขาดทุน ซึ่งหากราคาข้าวยังปรับตัวสูงขึ้นอีก ผู้ซื้อต่างประเทศก็จะชะลอการสั่งซื้อจากไทย