บล.ฟิลลิป ลั่นแผนปีนี้เน้นให้ลูกค้าเทรดหุ้นต่างประเทศเป็นโบรกรายแรก รอ ก.ล.ต.ไฟนอลเกณฑ์ หวังเป็นผู้ให้บริการที่ครบวงจร หนุนลูกค้าเปิดบัญชีเพิ่มเป็น 3 หมื่นบัญชี –มาร์เกตแชร์โตเป็น 3% "สุชาย" แจง ตลาดปล่อยมาร์จิ้นโลนชะลอตัวหลังปัญหาอเมริกา ขณะที่ตั้งเป้าปีนี้ปล่อย 1 พันล้านบาท
นายสุชาย สุทัศน์ธรรมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญในเรื่องการเปิดให้นักลงทุนไทยไปลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยไปลงทุนต่างประเทศได้จากที่ผ่านมาไม่สามารถไปลงทุนได้ ทำให้เสียโอกาสที่จะไปลงทุนเพราะ ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นในต่างประเทศมีการเติบโต ทำให้ขาดโอกาสในการสร้างกำไรแต่ในช่วงนี้การที่มีปัญหาในเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจ ปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพต่ำ ซึ่งส่งผลกับตลาดหุ้นต่างๆ ปรับตัวลดลงทำให้การความน่าสนใจที่จะไปลงทุนต่างประเทศลดลง
ทั้งนี้ ในช่วงแรกนั้นบริษัทไม่ได้หวังมูลค่าหรือธุรกรรมในการให้นักลงทุนไทยลงทุนในต่างประเทศมีจำนวนมาก แต่ต้องการที่ให้นักลงทุนไทยมีช่องทางในการไปลงทุนต่างประเทศได้ทันทีเมื่อตลาดหุ้นต่างประเทศมีการเติบโตที่ดี ซึ่งลูกค้าที่บริษัทจะให้บริการในการลงทุนต่างประเทศนั้น ไม่ได้จำกัดจำนวนเงิน เพราะ เปิดให้นักลงทุนมีการลงทุนในต่างประเทศโดยระบบอินเตอร์เน็ต โดยบล.ฟิลลิป มั่นใจว่าบริษัทจะเป็นบริษัทแรกในการให้นักลงทุนไทยเทรดหุ้นต่างประเทศ
สำหรับขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมและรอให้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)มีการออกระเบียบรายละเอียดในการลงทุนที่มีผลบังคับใช้ เรื่องการนำเงินเข้าออก รายงานการลงทุน ฯลฯจากปัจจุบันที่มีการออกหลักเกณฑ์ออกมาแบบกว้างๆ ซึ่งหากหลักเกณฑ์ต่างๆชัดเจนแล้วบริษัทคาดว่าจะไปลงทุนได้ 1-2 เดือนหลังจากนั้น และบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะคัดเลือกประเทศที่จะให้นักลงทุนไปเข้าไปลงทุน โดยเบื้องต้นจะเข้าไปลงทุนในแถบเอเชียก่อน
นายสุชาย กล่าวว่า การปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้นโลน) ตลาดเริ่มชะลอตัวจากปัจจัยภายนอก คือจากปัญหาของสหรัฐฯอเมริกาจากเดิมที่ประเมินว่าจะปัญหาจะคลี่คลาย แต่ก็ยังคงส่งผลกระทบมากขึ้น โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะมีจำนวน 900-1,000 ล้านบาท จากวงเงินที่มีจำนวน 2,000 ล้านบาท ซึ่งในปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีลูกค้าเข้ามาขอมาร์จิ้นโลน มูลค่า 600-700 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์)ปีนี้ 3% ซึ่งในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ มาร์เกตแชร์ของบริษัทได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3% จากการที่บริษัทสินค้าให้บริการที่ครบวงจร เช่น หุ้น อนุพันธ์ หน่วยลงทุน ฯลฯ และสามารถส่งคำสั่งซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตได้ จึงทำให้นักลงทุนมีความสะดวกในการเข้ามาซื้อขาย และมีลูกค้าที่เข้ามาซื้อขายอนุพันธ์กับบริษัท แต่ไม่ได้มีการเทรดหุ้นกับบริษัทนั้น หันมาเปิดบัญชีเทรดหุ้นกับบริษัทมากขึ้น โดยในแต่ละเดือนนั้นบริษัทมีลูกค้าเปิดบัญชีใหม่จำนวน 100-150 บัญชี โดยคาดสิ้นปีนี้จะมีบัญชีลูกค้าเพิ่มเป็น 3 หมื่นบัญชี ขณะนี้ที่ปัจจุบันมี 2.7 หมื่นบัญชี
นายสุชาย สุทัศน์ธรรมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.)ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า แผนการดำเนินงานในปีนี้บริษัทจะให้ความสำคัญในเรื่องการเปิดให้นักลงทุนไทยไปลงทุนต่างประเทศ เนื่องจากเป็นการเปิดโอกาสให้นักลงทุนไทยไปลงทุนต่างประเทศได้จากที่ผ่านมาไม่สามารถไปลงทุนได้ ทำให้เสียโอกาสที่จะไปลงทุนเพราะ ก่อนหน้านี้ตลาดหุ้นในต่างประเทศมีการเติบโต ทำให้ขาดโอกาสในการสร้างกำไรแต่ในช่วงนี้การที่มีปัญหาในเรื่องการเติบโตของเศรษฐกิจ ปัญหาสินเชื่ออสังหาริมทรัพย์คุณภาพต่ำ ซึ่งส่งผลกับตลาดหุ้นต่างๆ ปรับตัวลดลงทำให้การความน่าสนใจที่จะไปลงทุนต่างประเทศลดลง
ทั้งนี้ ในช่วงแรกนั้นบริษัทไม่ได้หวังมูลค่าหรือธุรกรรมในการให้นักลงทุนไทยลงทุนในต่างประเทศมีจำนวนมาก แต่ต้องการที่ให้นักลงทุนไทยมีช่องทางในการไปลงทุนต่างประเทศได้ทันทีเมื่อตลาดหุ้นต่างประเทศมีการเติบโตที่ดี ซึ่งลูกค้าที่บริษัทจะให้บริการในการลงทุนต่างประเทศนั้น ไม่ได้จำกัดจำนวนเงิน เพราะ เปิดให้นักลงทุนมีการลงทุนในต่างประเทศโดยระบบอินเตอร์เน็ต โดยบล.ฟิลลิป มั่นใจว่าบริษัทจะเป็นบริษัทแรกในการให้นักลงทุนไทยเทรดหุ้นต่างประเทศ
สำหรับขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการเตรียมพร้อมและรอให้ทางสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)มีการออกระเบียบรายละเอียดในการลงทุนที่มีผลบังคับใช้ เรื่องการนำเงินเข้าออก รายงานการลงทุน ฯลฯจากปัจจุบันที่มีการออกหลักเกณฑ์ออกมาแบบกว้างๆ ซึ่งหากหลักเกณฑ์ต่างๆชัดเจนแล้วบริษัทคาดว่าจะไปลงทุนได้ 1-2 เดือนหลังจากนั้น และบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาที่จะคัดเลือกประเทศที่จะให้นักลงทุนไปเข้าไปลงทุน โดยเบื้องต้นจะเข้าไปลงทุนในแถบเอเชียก่อน
นายสุชาย กล่าวว่า การปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ (มาร์จิ้นโลน) ตลาดเริ่มชะลอตัวจากปัจจัยภายนอก คือจากปัญหาของสหรัฐฯอเมริกาจากเดิมที่ประเมินว่าจะปัญหาจะคลี่คลาย แต่ก็ยังคงส่งผลกระทบมากขึ้น โดยในปีนี้บริษัทตั้งเป้าจะมีจำนวน 900-1,000 ล้านบาท จากวงเงินที่มีจำนวน 2,000 ล้านบาท ซึ่งในปีที่ผ่านมาบริษัทได้มีลูกค้าเข้ามาขอมาร์จิ้นโลน มูลค่า 600-700 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เกตแชร์)ปีนี้ 3% ซึ่งในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ มาร์เกตแชร์ของบริษัทได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 3% จากการที่บริษัทสินค้าให้บริการที่ครบวงจร เช่น หุ้น อนุพันธ์ หน่วยลงทุน ฯลฯ และสามารถส่งคำสั่งซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตได้ จึงทำให้นักลงทุนมีความสะดวกในการเข้ามาซื้อขาย และมีลูกค้าที่เข้ามาซื้อขายอนุพันธ์กับบริษัท แต่ไม่ได้มีการเทรดหุ้นกับบริษัทนั้น หันมาเปิดบัญชีเทรดหุ้นกับบริษัทมากขึ้น โดยในแต่ละเดือนนั้นบริษัทมีลูกค้าเปิดบัญชีใหม่จำนวน 100-150 บัญชี โดยคาดสิ้นปีนี้จะมีบัญชีลูกค้าเพิ่มเป็น 3 หมื่นบัญชี ขณะนี้ที่ปัจจุบันมี 2.7 หมื่นบัญชี
