xs
xsm
sm
md
lg

คลังแถลงมาตรการกระตุ้นศก.รากหญ้า อัดเงิน 1.5 หมื่นล. พร้อมให้พักหนี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


โฆษกคลังเผย รบ.ไม่เพิ่มงบกลางปี 51 โดยจะโยกงบฯ ตัวอื่นมาใช้แทน ส่วนมาตรการกระตุ้นศก.ระดับรากหญ้า จะปัดฝุ่นมาตรการพักหนี้เกษตรกร และอัดฉีดเม็ดเงิน 1.5 หมื่นล้าน ให้กองทุนหมู่บ้าน

วันนี้(14 มี.ค.) นายสมชัย สัจจพงษ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และโฆษกกระทรวงการคลัง แถลงผลการประชุมวอร์รูมเศรษฐกิจ 4 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงการคลัง , ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) , สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) และสำนักงบประมาณ ซึ่งมีนายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเป็นประธาน โดยที่ประชุมสรุปว่า ในปีงบประมาณ 2551ไม่มีความจำเป็นที่รัฐบาลจะตั้งงบประมาณกลางปี แต่จะใช้ปรับโยกงบประมาณเดิมมาใช้ในส่วนที่มีประสิทธฺภาพมากกว่า โดยคาดว่า วงเงินที่จะปรับโยกงบประมาณในเบื้องต้น น่าจะมีมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท

นายสมชัย ยังให้เหตุผลเสริมว่า การตั้งงบฯ ตามลักษณะปรกติ อาจจะไม่สามารถใช้ได้ทันในปีงบประมาณดังกล่าว ดังนั้น รัฐบาลจึงต้องใช้วิธีการโยกงบประมาณจากส่วนอื่น เพื่อนำมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจแทน โดยมอบหมายให้สำนักงบประมาณไปดำเนินการเกลี่ยงบประมาณ เพื่อเสนอต่อคณะรัฐมนตรีในวันอังคารที่ 18 มี.ค.นี้

“สำหรับวงเงินที่จะมีโยกงบประมาณนั้น จะมีมากกว่า 1 หมื่นล้าน โดยที่ประชุมได้ยกตัวอย่าง งบประมาณจากโครงการอยู่ดีมีสุขจำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งสามารถโยกมาเป็นงบประมาณในโครงการเอสเอ็มแอล ซึ่งงบประมาณส่วนนี้จะสามารถอัดฉีดเข้าระบบเศรษฐกิจได้ทันที”

สำหรับการจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 2552 นั้น ที่ประชุมสรุปว่า ยังเป็นงบประมาณขาดดุลต่อเนื่อง โดยระดับการขาดดุลจะไม่เกิน 2.5%ต่อจีดีพี ทั้งนี้ สมมติฐานทางเศรษฐกิจ ซึ่งได้แก่ อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจไทยจะไม่ต่ำกว่า 5.5% อัตราเงินเฟ้อ 3.5% ส่วนดุลบัญชีเดินสะพัดจะเกินดุลลดลง แต่ได้มอบหมายให้แบงก์ชาติไปประเมินว่า ระดับของการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดจะอยู่ที่เท่าไร ซึ่งผู้ว่าแบงก์ชาติก็บอกว่า ระดับของการเกินดุลนั้น จะเกินดุลเล็กน้อย ซึ่งก็ทำให้เรายังมีความกังวล เนื่องจาก ไม่ต้องการเห็นการขาดดุลการคลังและการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดไปพร้อมกัน เพราะเป็นห่วงเรื่องเสถียรภาพเศรษฐกิจ

“การจัดทำงบประมาณปี 2552 มีข้อจำกัดทางกฎหมาย คือ เราต้องตั้งเงินเพื่อชดเชยเงินคงคลังด้วย ซึ่งก็มีวงเงินที่ต้องชดเชยสูงถึง 3 หมื่นล้านบาท หรือคิดเป็น 0.5% ของจีดีพี ฉะนั้น การขาดดุลงบประมาณก็เป็นสิ่งจำเป็น ซึ่งระดับการขาดดุลก็น่าจะมากกว่าปีงบประมาณ 2551”เขากล่าวและว่า ในแง่รายได้ในปี 2552 นั้น เมื่อเศรษฐกิจดี รายได้ก็น่าจะโต แต่การออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในปีนี้ ก็จะส่งผลกระทบต่อรายได้ในปี 2552 ซึ่งก็ถือเป็นข้อจำกัดในการจัดทำงบประมาณเช่นกัน

ดร.สมชัย กล่าวว่า นพ.สุรพงษ์ ยังได้มอบหมายให้ที่ประชุมไปพิจารณาถึงการจัดสรรงบประมาณในส่วนโครงการเร่งด่วนต่างๆ ว่า เกิดประโยชน์กับระบบเศรษฐกิจหรือไม่ เพราะบางโครงการมีวงเงินงบประมาณสูงมาก ก็ต้องไปดูว่า จะตัดงบประมาณส่วนนี้ได้เท่าไร ทั้งนี้ โครงการเร่งด่วน ประกอบด้วย โครงการหลักประกันสุขภาพ 30 บาทรักษาทุกโรค โครงการพักหนี้เกษตรกร กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ผู้ว่าซีอีโอ และงบภาคใต้

ทั้งนี้ ในส่วนของงบประมาณผู้ว่าซีอีโอ ซึ่งมีวงเงินงบประมาณจำนวน 3-4 หมื่นล้านในแต่ละปีนี้นั้น ทางปลัดกระทรวงการคลังเสนอว่า ให้มีการเปลี่ยนวิธีการใช้จ่าย โดยให้อบต.และอบจ.สมทบเงินเข้ามาใช้ในโครงการต่างๆด้วย แทนที่จังหวัดจะใส่งบไปทั้งหมด

สำหรับโครงการพักชำระหนี้แก่เกษตรกร เขากล่าวว่า ที่ประชุมโดยรมต.คลังได้ย้ำว่า โครงการพักชำระหนี้แก่เกษตรกรนั้น ทางรัฐบาลจะไม่พักชำระหนี้ให้แก่เกษตรกรทุกราย แต่จะพักหนี้ให้แก่เกษตรกรที่มีแผนในการดำเนินการหรือแผนการปรับโครงสร้างหนี้ ขณะเดียวกัน ก็จะมีการกำหนดช่วงเวลาของกลุ่มคนที่ได้รับสิทธิประโยชน์ด้วย ดังนั้น กรณีที่มีเกษตรกรที่หยุดพักชำระหนี้ เพื่อรอเข้าโครงการนี้ ก็จะไม่ได้รับสิทธิ์นี้

นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่าการประชุมเตรียมสรุปมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ โดยจะเน้นในการดูแลเศรษฐกิจระดับฐานราก ซึ่งจะมีในส่วนของอัดเงินลงในโครงการ SML กองทุนหมู่บ้าน และการจัดทำงบประมาณกลางปี ซึ่งงบประมาณในการอุดหนุนดังกล่าวจะมีมากกว่า 15,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานทิ้งท้ายว่า รัฐบาลได้เปิดแถลงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระดับรากหญ้า รอบใหม่ เมื่อเวลา 17.00 น. ช่วงเย็นของวันนี้ โดยกระทรวงการคลัง ได้งัดนโยบายพักหนี้เกษตรกร พร้อมโยกงบ 1.5 หมื่นล้านให้กองทุนหมู่บ้าน
กำลังโหลดความคิดเห็น