BANPU จ่ายปันผลเพิ่มหุ้นละ 4.75 บาท หลังจากจ่ายระหว่างกาลไปแล้ว 3.75 บาทต่อหุ้น ตามผลการดำเนินงานงวดปี 50 ที่พุ่งขึ้น 84.32% จากราคาขายถ่านหินที่พุ่งขึ้น สวนทางปริมาณขายถ่านหินที่ลดลงจากปีก่อน รวมทั้งได้รับผลดีจากการรับรู้ผลกำไรจากบริษัทร่วมและย่อยทั้งในและต่างประเทศ
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU) แจ้งมติคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2008 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 51 ว่าบอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลอีกอัตราหุ้นละ 4.75 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นในวันที่ 17 มี.ค.51 กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 เม.ย. 51 ทั้งนี้ บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 3.75 บาท เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 50 คิดเป็นการจ่ายปันผลปี 50 ทั้งสิ้นอัตราหุ้นละ 8.50 บาท
พร้อมกันนี้ บริษัทแจ้งผลการดำเนินงานปี 50 ว่ามีกำไรสุทธิ 6,654.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,044.24 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,610.18 ล้านบาท หรือกำไรเพิ่มขึ้น 84.32% เนื่องจากความต้องการใช้ถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางการผลิตที่ค่อนข้างจำกัด โดยการส่งออกจากผู้ผลิตหลัก 2 ราย คือ ออสเตรเลียและอินโดนีเซียเป็นไปอย่างจำกัด ทำให้ราคาถ่านหินในตลาด spot ปรับตัวสูงขึ้นถึง 75% ซึ่งสูงกว่าปี 49
ขณะที่ธุรกิจถ่านหินของบริษัทได้บันทึกปริมาณขายถ่านหินทั้งสิ้น 19.286 ล้านตัน ปรับลดลง 11% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลกระทบจากการผลิตของเหมือง ทรูบาอินโด เนื่องจากปัญหาความพร้อมของผู้รับเหมาผนวกกับช่วงฤดูฝนที่ตกหนักอย่างผิดปกติ แต่ปริมาณขายที่ลดลงได้ถูกชดเชยจากราคาขายเฉลี่ยที่ปรับสูงขึ้นเป็น 41.06 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน หรือสูงขึ้นจากปีก่อน 17% ส่วนเหมืองถ่านหินในจีน 2 แห่งที่บริษัทร่วมลงทุนนั้นกลับมีส่วนแบ่งกำไรถึง 428 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจไฟฟ้ามีผลประกอบการที่ค่อนข้างดีและช่วยเสริมให้กระแสเงินสดของบริษัทมีการกระจายตัวที่ดีขึ้น โรงไฟฟ้า BLCP ที่บริษัทร่วมทุนในสัดส่วน 50% ได้เริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนก.พ.และได้รับส่วนแบ่งกำไร 4,076 ล้านบาท และรับเงินปันผลจากธุรกิจไฟฟ้าในประเทศและโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในจีน ส่งกำไรเข้ามากว่า 1 พันล้านบาท
โดยในปี 50 บริษัทมี EBITDA 12,916 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 36% และปลายปี50 บริษัทได้เสนอขาย IPO ของ PT Indo Tambangraya Megah Tbk. (ITM) ในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย และได้แบ่งขายหุ้นบางส่วนให้ผู้ร่วมทุน ทำให้บริษัทมีกำไรจากการขายหุ้นดังกล่าว 1,146 ล้านบาท รวมทั้งทยอยขายเงินลงทุน 10% ในบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่ง ทำให้รับรู้กำไรหลังภาษี 316 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีรายได้ทั้งสิ้น 32,442 ล้านบาท ลดลง 936 ล้านบาทหรือ 3% จากปีก่อน จากปริมาณขายถ่านหินและบาทแข็งค่า
กำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 51 ในวันที่ 4 เม.ย. 51 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการรับเงินปันผลในงวดนี้และการเข้าประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 51 ในวันที่ 17 มี.ค. 51 เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าการประชุมจะแล้วเสร็จ
นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) (BANPU) แจ้งมติคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 2/2008 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 27 ก.พ. 51 ว่าบอร์ดอนุมัติจ่ายเงินปันผลอีกอัตราหุ้นละ 4.75 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นในวันที่ 17 มี.ค.51 กำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 24 เม.ย. 51 ทั้งนี้ บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลไปแล้วหุ้นละ 3.75 บาท เมื่อวันที่ 28 ก.ย. 50 คิดเป็นการจ่ายปันผลปี 50 ทั้งสิ้นอัตราหุ้นละ 8.50 บาท
พร้อมกันนี้ บริษัทแจ้งผลการดำเนินงานปี 50 ว่ามีกำไรสุทธิ 6,654.42 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3,044.24 ล้านบาท จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3,610.18 ล้านบาท หรือกำไรเพิ่มขึ้น 84.32% เนื่องจากความต้องการใช้ถ่านหินที่ปรับตัวสูงขึ้นท่ามกลางการผลิตที่ค่อนข้างจำกัด โดยการส่งออกจากผู้ผลิตหลัก 2 ราย คือ ออสเตรเลียและอินโดนีเซียเป็นไปอย่างจำกัด ทำให้ราคาถ่านหินในตลาด spot ปรับตัวสูงขึ้นถึง 75% ซึ่งสูงกว่าปี 49
ขณะที่ธุรกิจถ่านหินของบริษัทได้บันทึกปริมาณขายถ่านหินทั้งสิ้น 19.286 ล้านตัน ปรับลดลง 11% จากปีก่อนหน้า ซึ่งเป็นผลกระทบจากการผลิตของเหมือง ทรูบาอินโด เนื่องจากปัญหาความพร้อมของผู้รับเหมาผนวกกับช่วงฤดูฝนที่ตกหนักอย่างผิดปกติ แต่ปริมาณขายที่ลดลงได้ถูกชดเชยจากราคาขายเฉลี่ยที่ปรับสูงขึ้นเป็น 41.06 เหรียญสหรัฐฯต่อตัน หรือสูงขึ้นจากปีก่อน 17% ส่วนเหมืองถ่านหินในจีน 2 แห่งที่บริษัทร่วมลงทุนนั้นกลับมีส่วนแบ่งกำไรถึง 428 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจไฟฟ้ามีผลประกอบการที่ค่อนข้างดีและช่วยเสริมให้กระแสเงินสดของบริษัทมีการกระจายตัวที่ดีขึ้น โรงไฟฟ้า BLCP ที่บริษัทร่วมทุนในสัดส่วน 50% ได้เริ่มดำเนินการผลิตเชิงพาณิชย์ตั้งแต่เดือนก.พ.และได้รับส่วนแบ่งกำไร 4,076 ล้านบาท และรับเงินปันผลจากธุรกิจไฟฟ้าในประเทศและโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วม 3 แห่งในจีน ส่งกำไรเข้ามากว่า 1 พันล้านบาท
โดยในปี 50 บริษัทมี EBITDA 12,916 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้น 36% และปลายปี50 บริษัทได้เสนอขาย IPO ของ PT Indo Tambangraya Megah Tbk. (ITM) ในตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซีย และได้แบ่งขายหุ้นบางส่วนให้ผู้ร่วมทุน ทำให้บริษัทมีกำไรจากการขายหุ้นดังกล่าว 1,146 ล้านบาท รวมทั้งทยอยขายเงินลงทุน 10% ในบริษัทจดทะเบียนแห่งหนึ่ง ทำให้รับรู้กำไรหลังภาษี 316 ล้านบาท ทำให้บริษัทมีรายได้ทั้งสิ้น 32,442 ล้านบาท ลดลง 936 ล้านบาทหรือ 3% จากปีก่อน จากปริมาณขายถ่านหินและบาทแข็งค่า
กำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 51 ในวันที่ 4 เม.ย. 51 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการรับเงินปันผลในงวดนี้และการเข้าประชุมสามัญผู้ถือหุ้นปี 51 ในวันที่ 17 มี.ค. 51 เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าการประชุมจะแล้วเสร็จ
