xs
xsm
sm
md
lg

PTTEP จ่ายปันผลเพิ่มอีก 1.67 บ/หุ้น แม้ผลงานงวดสิ้นปี 50 กำไรขยับนิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ปตท.สผ. จ่ายปันผลเพิ่มอีก 1.67 บาทต่อหุ้น หลังปันผลระหว่างกาลแล้ว 1.61 บาท แม้ผลการดำเนินปี 50 กำไรขยับเพิ่มเล็กน้อยเพียง 1.45% ตามยอดขายที่เพิ่มไม่มาก เพราะราคาน้ำมันพุ่ง กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลด จากการแข็งค่าของเงินบาท และค่าใช้จ่ายเพิ่ม รวมทั้งไตรมาส 4 ปี50 ต้องรับรู้ผลขาดทุนจากการทำอนุพันธ์ทางการเงินเพื่อประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันล่วงหน้า

นายมารุต มฤคทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) (PTTEP) หรือ ปตท.สผ. แจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 1/2551/273 เมื่อวันที่ 30 มกราคม 2551 ว่าบอร์ดอนุมัติให้จ่ายเงินปันผลประจำปี 50 ให้ผู้ถือหุ้นในอัตรา 3.28 บาทต่อหุ้น ซึ่งบริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลสำหรับงวด 6 เดือนแรกไปแล้ว ในอัตราหุ้นละ 1.61 บาท จึงยังต้องจ่ายอีกในอัตราหุ้นละ 1.67 บาท กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมสามัญประจำปี 51 และรับเงินปันผล วันที่ 7 มีนาคม 2551 และจ่ายเงินในวันที่ 11 เมษายน 2551

พร้อมกับแจ้งผลการดำเนินงานงวดสิ้นปี 50 ว่า บริษัทมีกำไรสุทธิ 28,455 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 408 ล้านบาท หรือ 1.45% เมื่อเทียบกับปี 49 ที่มีกำไรสุทธิ 28,047 ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิต่อหุ้นเพิ่มขึ้นเป็น 8.65 บาท จากเดิม 8.55 บาท โดยมีรายได้รวม 96,773 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5,050 ล้านบาท หรือ 6% ซึ่งเป็นผลจากรายได้การขายที่เพิ่มขึ้น 4,425 ล้านบาท เนื่องจากราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยของปีนี้เพิ่มขึ้นตามราคาน้ำมันโลก รวมทั้งปริมาณขายที่เพิ่มขึ้นจากการขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของโครงการโอมาน 44 และสินภูฮ่อมรวมทั้งการขายน้ำมันดิบจากโครงการเอส 1 และการขายก๊าซธรรมชาติจากโครงการไพลิน ยาดานา ซึ่งทำให้บริษัทมีรายได้จากการบริการขนส่งท่อก๊าซเพิ่มขึ้น

ทั้งนี้ ผลจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น แต่ระหว่างปีบริษัทได้ชำระคืนหุ้นกู้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศ และทำสัญญาแลกเปลี่ยนเงินต้นและดอกเบี้ยจากสกุลเงินต่างประเทศกลับมาเป็นเงินบาท ส่งผลให้บริษัทมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนลดลง รวมทั้งมีดอกเบี้ยรับลดลงตามอัตราผลตอบแทนการลงทุนในเงินฝากประจำและตราสารทางการเงินระยะสั้นลดลง

ส่วนค่าใช้จ่ายรวมเพิ่มขึ้น 3,552 ล้านบาท จากค่าเสื่อมราคา เช่นเดียวกับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น และในไตรมาส 4 บริษัทรับรู้ผลขาดทุนจากการทำอนุพันธ์ทางการเงินเพื่อประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันล่วงหน้า (Oil price hedging) สำหรับผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมของกลุ่มบริษัทโดยใช้ราคาน้ำมันดิบดูไบเป็นราคาอ้างอิง (ณ วันที่ 31 ธันวาคม 50 บริษัทยังคงมีสัญญาประกันความเสี่ยงราคาน้ำมันล่วงหน้าสำหรับช่วงเวลาเดือนมกราคม - ธันวาคม 2551 จำนวน 2.33 ล้านบาร์เรล ที่ระดับราคาระหว่าง 78 - 84 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล)

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในปี 50 บริษัทได้ขยายการลงทุนในธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียมอย่างต่อเนื่องทั้งในและต่างประเทศ และเพื่อเป็นการขยายการลงทุนในโครงการที่มีอยู่เดิม บริษัทได้เพิ่มสัดส่วนการร่วมทุนในโครงการจี 4/43 โดยเพิ่มสัดส่วนการลงทุนจาก 15% เป็น 21.375% ในโครงการกัมพูชา บี โดยได้ซื้อสัดส่วนการร่วมทุนจากบริษัท CE Cambodia B Ltd. (CEL) ทำให้สัดส่วนการร่วมทุนของปตท.สผ. เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ถือ 30% เป็น 33.33% และโครงการอินโดนีเซีย เมรางิน-1 จากเดิม 39% เป็น 40%
กำลังโหลดความคิดเห็น