วิญญาณผู้ถือหุ้นเข้าสิง “ปิยสวัสดิ์” เตือนคลังคิดค่าเช่าท่อก๊าซของ ปตท.ต้องอยู่ในกรอบคำสั่งศาลฯ ลั่นควรเก็บก้อนเดียวแทนทยอยจ่าย ขณะที่คลังถกกับผู้บริหาร ปตท.วานนี้ยังยื้อฐานรายได้ โดยเฉพาะตัวเลขที่เป็นรายได้อนาคตไม่ลงตัว รองอธิบดีกรมธนารักษ์ยอมรับยังอยู่ระหว่างคำนวณ
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า การคำนวณคิดค่าเช่าท่อก๊าซของ ปตท.คลังควรจะพิจารณาให้อยู่ในกรอบของคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ไม่ควรจะเกินกว่าหรือน้อยกว่าที่ศาลกำหนด เพราะอาจจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้ และการคำนวณรายได้ใหม่ก็ควรจะให้ตัวเลขชัดเจนว่าจะสามารถนำไปลดค่าไฟฟ้าได้อย่างไร ซึ่งเห็นว่ารายได้ควรจะคำนวณแล้วเก็บจาก ปตท.เป็นก้อนเดียวมากกว่าการจะทยอยจ่าย เพราะจะเกิดความสับสนและเกิดความยุ่งยากในการปฏิบัติ
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การหารือของคลังกับ ปตท.ล่าสุด ปตท.ได้ยืนยันที่จะให้กระทรวงการคลังดำเนินการคิดค่าเช่าท่ออย่างตรงไปตรงมา ด้วยการจัดเก็บก้อนเดียว ไม่ต้องการให้เกิดการซอยออกเป็นงวดๆ เนื่องจากจะไม่สามารถตอบคำถามกับผู้ถือหุ้นได้ ทั้งนี้ เนื่องจากตามเงื่อนไข ปตท.ที่เป็นรัฐวิสาหกิจนั้นการคำนวณเพื่อคิดค่าเช่าท่อจะต้องไม่เกิน 3% ของรายได้แต่คลังได้คิดค่าเช่าเกิน 5% ซึ่งมีโอกาสผิดกฎหมาย ดังนั้น จึงใช้วิธีทยอยจ่ายเพื่อเลี่ยงกฎหมายดังกล่าว นอกจากนี้ ตามเงื่อนไขของการเป็นบริษัทมหาชนหากมีการดำเนินการนอกเหนือจากกรอบรัฐวิสาหกิจแล้วจะต้องได้รับความเห็นจากผู้ถือหุ้นด้วย ซึ่งเกรงว่าจะไม่ผ่านการโหวต เพราะเงื่อนไขนี้คลังก็จะไม่มีสิทธิออกเสียงในฐานะเป็นภาครัฐ
“คลังพยายามจะไม่ให้เกิดปัญหาการไม่ยอมรับจากผู้ถือหุ้น จึงพยายามแบ่งเงินออกเป็นก้อนๆ ทยอยจ่าย ซึ่งทำให้เกิดความเห็นที่ไม่ตรงกันแม้ว่า ปตท.จะยอมจ่ายเท่าใดก็ตามแต่ปตท.ต้องการจ่ายก้อนเดียวไปเลยจะง่ายกว่า ดังนั้นคลังจึงปรับแผนใหม่เพื่อไม่ให้เกิดขึ้น” แหล่งข่าวกล่าว
***จับตาตั้งประธานบอร์ด ปตท.วันนี้
แหล่งข่าวจาก บมจ.ปตท.กล่าวว่า วันนี้ (18 ม.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหาร ปตท.(บอร์ด ปตท.) ที่มี นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ทำหน้าที่รักษาการแทนหลัง นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน ที่ทำหน้าที่ประธานได้ลาออกเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายกำหนดคุณสมบัติพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่ระบุว่า จะต้องไม่มีตำแหน่งที่เอื้อประโยชน์หรือให้ใบอนุญาตต่อหน่วยงานนั้นได้ โดยการประชุมจะมีวาระการพิจารณาตั้งประธานบอร์ด ปตท.ใหม่วันนี้
“นายจักรมณฑ์ รักษาการไปก่อนที่ผ่านมา แต่ได้มีการตกลงกันไว้แล้วว่าเป็นโควตาของกระทรวงพลังงาน แม้ว่า นายจักรมณฑ์ จะมีความเป็นอาวุโสกว่า ดังนั้น คาดว่า กระทรวงพลังงาน จะส่ง นายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานบอร์ดแทน” แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับกรรมการที่จะมาแทน นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ที่ลาออกพร้อมนายพรชัยตามเงื่อนไขเดียวกันนั้น คาดว่า พลังงานจะส่ง นายพานิช พงศ์พิโรดม อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ขณะที่ นายเมตตา จะสลับไปนั่งเป็นกรรมการในบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.แทน
***คลัง-ปตท.ถกค่าเช่าท่อยังยื้อ
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยอมรับว่า ขณะนี้ความคิดของ 2 ฝ่าย ยังมีความแตกต่างกันอยู่ ในส่วนของการค่าเช่าท่อก๊าซ โดยเฉพาะในส่วนของฐานรายได้ ซึ่งทุกอย่างมันนำไปสู่การกำหนดอัตราค่าเช่าด้วย เพราะมันต้องเกี่ยวกันกับการคำนวณรายได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ทาง ปตท.จะมีส่วนในการกำหนดแต่เพียงผู้เดียว เพราะต้องขึ้นกับความคิดเห็นของหลายฝ่ายด้วย ซึ่งเข้าใจว่าทุกฝ่ายก็คงจะดำเนินการให้ดีที่สุด เพื่อให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ก็ต้องยอมรับว่า ในธุรกิจท่อก๊าซนั้นผลตอบแทนมันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก การใช้ฐานรายได้จากในอดีตมาคำนวณอาจจะไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ในธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงจาก 18% ในอดีต มาเป็น 12.5% แล้ว
นายอำนวย ปรีมนวงศ์ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาอัตราค่าเช่าท่อก๊าช บมจ.ปตท.กล่าวว่า สาเหตุที่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวคิดในการคำนวณอัตราค่าเช่าท่อก๊าซ เพราะยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่ ในด้านของสูตรคำนวณและการประมาณการรายได้ในอนาคต ซึ่งมันจะกระทบกับตัวเลขค่าเช่าตลอดอายุสัญญา 30 ปี
“ปตท.และคลัง เห็นตรงกันเรื่องรายได้ 5,700 ล้านบาท ในส่วน 5 ปีที่ผ่านมา แต่สำหรับรายได้ในอนาคตทาง ปตท.บอกว่า อัตราผลตอบแทนมันจะลดลงจาก 18% เป็น 12.5% ก็เท่ากับรายได้จะหายไป 5.5% โดยทาง ปตท.บอกว่าที่ลดลง เพราะต้องมีการปรับลดในส่วนที่ต้องลงทุนเพิ่ม ซึ่งมันก็จะทำให้รายได้ในส่วนของคลังลดลงไปด้วย แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าเท่าไหร่กำลังคำนวณกันอยู่” นายอำนวย กล่าว
แหล่งข่าวจากระทรวงการคลัง กล่าวว่า หากคำนวณตามกำลังการผลิตมันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว โดยจะอยู่ที่ 5,700 ล้านบาทไปตลอดอายุสัญญา ถ้าคิดรายได้ในอัตราขั้นต่ำ 5% ค่าเช่าก็จะอยูที่ 285 ล้านบาท แต่ถ้าทาง ปตท.เอาตัวเลขการลงทุนเพิ่มมาหัก และทำให้อัตราผลตอบแทนลดลงไป 5.5% ก็จะส่งผลให้ฐานรายได้ก็จะหายไป 1,700 กว่าล้านบาท ซึ่งหากนำมาหักจากฐานเดิมที่ 5,700 ล้านบาท ก็จะเหลือรายได้เพียง 39,585 ล้านบาท ที่จะใช้มาเป็นฐานในการคำนวณค่าเช่า หากคิดค่าเช่าอัตรา 5% ก็จะคงเหลือค่าเช่าเพียง 198 ล้านบาทต่อปี ลดลงไป 87 ล้านบาทต่อปี เมื่อคำนวณตามอายุสัญญาที่เหลืออีก 25 ปี ก็จะเท่ากับรัฐสูญเสียรายได้ไป 2,175 ล้านบาท
นายปิยสวัสดิ์ อัมระนันทน์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า การคำนวณคิดค่าเช่าท่อก๊าซของ ปตท.คลังควรจะพิจารณาให้อยู่ในกรอบของคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ไม่ควรจะเกินกว่าหรือน้อยกว่าที่ศาลกำหนด เพราะอาจจะกลายเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องได้ และการคำนวณรายได้ใหม่ก็ควรจะให้ตัวเลขชัดเจนว่าจะสามารถนำไปลดค่าไฟฟ้าได้อย่างไร ซึ่งเห็นว่ารายได้ควรจะคำนวณแล้วเก็บจาก ปตท.เป็นก้อนเดียวมากกว่าการจะทยอยจ่าย เพราะจะเกิดความสับสนและเกิดความยุ่งยากในการปฏิบัติ
แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า การหารือของคลังกับ ปตท.ล่าสุด ปตท.ได้ยืนยันที่จะให้กระทรวงการคลังดำเนินการคิดค่าเช่าท่ออย่างตรงไปตรงมา ด้วยการจัดเก็บก้อนเดียว ไม่ต้องการให้เกิดการซอยออกเป็นงวดๆ เนื่องจากจะไม่สามารถตอบคำถามกับผู้ถือหุ้นได้ ทั้งนี้ เนื่องจากตามเงื่อนไข ปตท.ที่เป็นรัฐวิสาหกิจนั้นการคำนวณเพื่อคิดค่าเช่าท่อจะต้องไม่เกิน 3% ของรายได้แต่คลังได้คิดค่าเช่าเกิน 5% ซึ่งมีโอกาสผิดกฎหมาย ดังนั้น จึงใช้วิธีทยอยจ่ายเพื่อเลี่ยงกฎหมายดังกล่าว นอกจากนี้ ตามเงื่อนไขของการเป็นบริษัทมหาชนหากมีการดำเนินการนอกเหนือจากกรอบรัฐวิสาหกิจแล้วจะต้องได้รับความเห็นจากผู้ถือหุ้นด้วย ซึ่งเกรงว่าจะไม่ผ่านการโหวต เพราะเงื่อนไขนี้คลังก็จะไม่มีสิทธิออกเสียงในฐานะเป็นภาครัฐ
“คลังพยายามจะไม่ให้เกิดปัญหาการไม่ยอมรับจากผู้ถือหุ้น จึงพยายามแบ่งเงินออกเป็นก้อนๆ ทยอยจ่าย ซึ่งทำให้เกิดความเห็นที่ไม่ตรงกันแม้ว่า ปตท.จะยอมจ่ายเท่าใดก็ตามแต่ปตท.ต้องการจ่ายก้อนเดียวไปเลยจะง่ายกว่า ดังนั้นคลังจึงปรับแผนใหม่เพื่อไม่ให้เกิดขึ้น” แหล่งข่าวกล่าว
***จับตาตั้งประธานบอร์ด ปตท.วันนี้
แหล่งข่าวจาก บมจ.ปตท.กล่าวว่า วันนี้ (18 ม.ค.) จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหาร ปตท.(บอร์ด ปตท.) ที่มี นายจักรมณฑ์ ผาสุกวนิช ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม ทำหน้าที่รักษาการแทนหลัง นายพรชัย รุจิประภา ปลัดกระทรวงพลังงาน ที่ทำหน้าที่ประธานได้ลาออกเพื่อให้สอดคล้องกับกฎหมายกำหนดคุณสมบัติพนักงานรัฐวิสาหกิจ ที่ระบุว่า จะต้องไม่มีตำแหน่งที่เอื้อประโยชน์หรือให้ใบอนุญาตต่อหน่วยงานนั้นได้ โดยการประชุมจะมีวาระการพิจารณาตั้งประธานบอร์ด ปตท.ใหม่วันนี้
“นายจักรมณฑ์ รักษาการไปก่อนที่ผ่านมา แต่ได้มีการตกลงกันไว้แล้วว่าเป็นโควตาของกระทรวงพลังงาน แม้ว่า นายจักรมณฑ์ จะมีความเป็นอาวุโสกว่า ดังนั้น คาดว่า กระทรวงพลังงาน จะส่ง นายณอคุณ สิทธิพงศ์ รองปลัดกระทรวงพลังงานเป็นประธานบอร์ดแทน” แหล่งข่าวกล่าว
สำหรับกรรมการที่จะมาแทน นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) ที่ลาออกพร้อมนายพรชัยตามเงื่อนไขเดียวกันนั้น คาดว่า พลังงานจะส่ง นายพานิช พงศ์พิโรดม อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) ขณะที่ นายเมตตา จะสลับไปนั่งเป็นกรรมการในบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ.แทน
***คลัง-ปตท.ถกค่าเช่าท่อยังยื้อ
นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ยอมรับว่า ขณะนี้ความคิดของ 2 ฝ่าย ยังมีความแตกต่างกันอยู่ ในส่วนของการค่าเช่าท่อก๊าซ โดยเฉพาะในส่วนของฐานรายได้ ซึ่งทุกอย่างมันนำไปสู่การกำหนดอัตราค่าเช่าด้วย เพราะมันต้องเกี่ยวกันกับการคำนวณรายได้ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ทาง ปตท.จะมีส่วนในการกำหนดแต่เพียงผู้เดียว เพราะต้องขึ้นกับความคิดเห็นของหลายฝ่ายด้วย ซึ่งเข้าใจว่าทุกฝ่ายก็คงจะดำเนินการให้ดีที่สุด เพื่อให้เป็นธรรมกับทุกฝ่าย แต่ก็ต้องยอมรับว่า ในธุรกิจท่อก๊าซนั้นผลตอบแทนมันมีการเปลี่ยนแปลงไปมาก การใช้ฐานรายได้จากในอดีตมาคำนวณอาจจะไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะอัตราผลตอบแทนต่อสินทรัพย์ในธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงจาก 18% ในอดีต มาเป็น 12.5% แล้ว
นายอำนวย ปรีมนวงศ์ รองอธิบดีกรมธนารักษ์ ในฐานะประธานคณะทำงานพิจารณาอัตราค่าเช่าท่อก๊าช บมจ.ปตท.กล่าวว่า สาเหตุที่ยังไม่ได้ข้อสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับแนวคิดในการคำนวณอัตราค่าเช่าท่อก๊าซ เพราะยังมีความคิดเห็นที่แตกต่างกันอยู่ ในด้านของสูตรคำนวณและการประมาณการรายได้ในอนาคต ซึ่งมันจะกระทบกับตัวเลขค่าเช่าตลอดอายุสัญญา 30 ปี
“ปตท.และคลัง เห็นตรงกันเรื่องรายได้ 5,700 ล้านบาท ในส่วน 5 ปีที่ผ่านมา แต่สำหรับรายได้ในอนาคตทาง ปตท.บอกว่า อัตราผลตอบแทนมันจะลดลงจาก 18% เป็น 12.5% ก็เท่ากับรายได้จะหายไป 5.5% โดยทาง ปตท.บอกว่าที่ลดลง เพราะต้องมีการปรับลดในส่วนที่ต้องลงทุนเพิ่ม ซึ่งมันก็จะทำให้รายได้ในส่วนของคลังลดลงไปด้วย แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าเท่าไหร่กำลังคำนวณกันอยู่” นายอำนวย กล่าว
แหล่งข่าวจากระทรวงการคลัง กล่าวว่า หากคำนวณตามกำลังการผลิตมันจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว โดยจะอยู่ที่ 5,700 ล้านบาทไปตลอดอายุสัญญา ถ้าคิดรายได้ในอัตราขั้นต่ำ 5% ค่าเช่าก็จะอยูที่ 285 ล้านบาท แต่ถ้าทาง ปตท.เอาตัวเลขการลงทุนเพิ่มมาหัก และทำให้อัตราผลตอบแทนลดลงไป 5.5% ก็จะส่งผลให้ฐานรายได้ก็จะหายไป 1,700 กว่าล้านบาท ซึ่งหากนำมาหักจากฐานเดิมที่ 5,700 ล้านบาท ก็จะเหลือรายได้เพียง 39,585 ล้านบาท ที่จะใช้มาเป็นฐานในการคำนวณค่าเช่า หากคิดค่าเช่าอัตรา 5% ก็จะคงเหลือค่าเช่าเพียง 198 ล้านบาทต่อปี ลดลงไป 87 ล้านบาทต่อปี เมื่อคำนวณตามอายุสัญญาที่เหลืออีก 25 ปี ก็จะเท่ากับรัฐสูญเสียรายได้ไป 2,175 ล้านบาท