ตลาดหุ้นไทยวันนี้ สะบักสะบอมจากแรงขายต่างชาติ 4.9 พันล. ดัชนีรูดลงหนักเช่นเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลก Fund flow ยังคงไหลออก คาดต่างชาติ panic sell กดดันดัชนีปรับลงต่อ และจับตาดาวโจนส์คืนนี้ หากร่วงมากกว่า 500 จุด ถือเป็นสัญญาณอันตราย เพราะช่วงบ่ายฝั่งยุโรปเปิดก็ปรับตัวลงอีก 2-3% ชี้ชัด สถานการณ์ดัชนีที่ปรับลงด้วยวอลุ่มที่พองโตถือเป็นสัญญาณไม่ดี ส่วนปัจจัยในประเทศ นักลงทุนผิดหวัง "เจ๊มิ่ง-หมอเลี๊ยบ" คุมศก.ไทย บรรลัยแน่
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้(22 ม.ค.) ดัชนีปิดตลาดช่วงที่ระดับ 741.54 จุด ลดลง 24.99 จุด เปลี่ยนแปลง -3.26% มูลค่าการซื้อขาย 24,249 ล้านบาท ด้านบรรยากาศในการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยทรุดหนักในช่วงเช้า และกระเตื้องขึ้นเล็กน้อยในช่วงบ่าย ดัชนีขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 754.16 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดอยู่ที่ 730.69 จุด
นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามตลาดต่างประเทศและ Fund flow ยังคงไหลออกอีก นักลงทุนต่างประเทศเกิด panic sell ออกนอกประเทศไป วันนี้คาดว่าจะเห็นยอดขายสุทธิประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท คงกดดันให้ดัชนีตลาดปรับตัวลงต่อเนื่องจะต้องระมัดระวังตลาดหุ้นสหรัฐในค่ำวันนี้(22 ม.ค.) เพราะในช่วงบ่ายตลาดหุ้นในฝั่งยุโรปเปิดก็ยังปรับตัวลงต่อ 2-3%
หากดัชนีดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐ คืนนี้ ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 11,500 จุด ก็อาจจะเซถลาลงลึกไปกว่านี้ ซึ่งถ้าปรับตัวลงมากกว่า 500 จุด ก็จะทำให้ตลาดหุ้นบ้านเราในวันพรุ่งนี้ (23 ม.ค.) พร้อมที่จะปรับตัวลงต่อเนื่อง แต่ปัจจัยหลักก็คือเงินไหลออก
อย่างไรก็ตาม การซื้อขายภาคบ่ายที่มีรีบาวน์จากช่วงเช้าเนื่องจากมีกองทุนหรือใครเข้ามาพยุงหุ้นกลุ่ม ปตท. (PTT) แต่มองว่าไม่มีนัยเพราะการรับซื้อหุ้น PTT ก็จะทำให้หุ้น PTT มีอาการ sideway down จะซึมลงอย่างช้าๆ ก็แค่ประคับประคองดัชนีได้ระดับหนึ่งแต่ก็ไม่สามารถทำให้ดัชนีรีบาวน์กลับขึ้นไปได้
ทิศทางพรุ่งนี้ขึ้นอยู่กับดาวน์โจนส์และแนวโน้มของการไหลออกของ Fund flow แนวรับพรุ่งนี้ 732 จุด ถ้าหลุดลงไปจะเห็นดัชนีถลาลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 720 จุด
"ทั้งนี้ ปริมาณวอลุ่ม 20,000 กว่าล้านบาท ถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนักในกรณีที่ตลาดปรับตัวลดลง เพราะดัชนีตกด้วยวอลุ่มโต ถ้าเห็นวอลุ่มปิดที่ 25,000 ล้านบาท จะเห็นสัญญาณที่ไม่ดีแล้ว"
ด้านปัจจัยภายในประเทศ นักวิเคราะห์ประเมินว่า ยังไม่มีอะไรเป็นบวก นักลงทุนส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นชนชั้นกลาง มีการศึกษาสูง และอยู่ในกรุงเทพฯ ต่างผิดหวังกับรายชื่อทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ทั้งนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ อดีตนักสร้างภาพการตลาด ที่จะเข้ามานั่งเก้าอี้รองนายกฯ ควบตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ และนายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่จะเข้ามาดูและกระทรวงการคลัง
โดยทั้ง 2 คน ถือว่าเป็นคนนอกวงการ ไม่มีความเข้าใจโครงสร้างเศรษฐกิจ ตลางเงิน-ตลาดทุนดีเพียงพอ เขาอาจแกล้งยอมให้ข้าราชการระดับบิ๊กๆ ชี้นำ เพราะตัวเองหวังแค่ผลประโยชน์บางอย่างในระยะสั้น ไม่ได้มีเป้าหมายตั้งใจจริง เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาที่กำลังเข้าสู่จุดวิกฤติ ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน ถือว่ามีความสลับซับซ้อน และเป็นโจทย์สุดหิน จำเป็นจะต้องใช้มืออาชีพ และต้องทุ่มเทการทำงานแบบสุดตัวจริงๆ จึงจะนำพาประเทศฝ่าวิกฤติไปได้
สำหรับหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 35 หลักทรัพย์ ลดลง 381 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 46 หลักทรัพย์ ด้านสัดส่วนการลงทุนวันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,861.68 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 77.68 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 4,939.36 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับ ได้แก่ PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,091.18 ล้านบาท ปิดที่ 136.00 บาท ลดลง 8.00 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,003.21 ล้านบาท ปิดที่ 292.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,222.21 ล้านบาท ปิดที่ 366.00 บาท ลดลง 20.00 บาท , PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 1,572.04 ล้านบาท ปิดที่ 37.00 บาท ลดลง 1.25 บาท , SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,447.85 ล้านบาท ปิดที่ 76.00 บาท ลดลง 3.50 บาท
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้(22 ม.ค.) ดัชนีปิดตลาดช่วงที่ระดับ 741.54 จุด ลดลง 24.99 จุด เปลี่ยนแปลง -3.26% มูลค่าการซื้อขาย 24,249 ล้านบาท ด้านบรรยากาศในการซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดทั้งวัน โดยทรุดหนักในช่วงเช้า และกระเตื้องขึ้นเล็กน้อยในช่วงบ่าย ดัชนีขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 754.16 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดอยู่ที่ 730.69 จุด
นายแสงธรรม จรณชัยกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.ธนชาต กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตามตลาดต่างประเทศและ Fund flow ยังคงไหลออกอีก นักลงทุนต่างประเทศเกิด panic sell ออกนอกประเทศไป วันนี้คาดว่าจะเห็นยอดขายสุทธิประมาณ 4,000-5,000 ล้านบาท คงกดดันให้ดัชนีตลาดปรับตัวลงต่อเนื่องจะต้องระมัดระวังตลาดหุ้นสหรัฐในค่ำวันนี้(22 ม.ค.) เพราะในช่วงบ่ายตลาดหุ้นในฝั่งยุโรปเปิดก็ยังปรับตัวลงต่อ 2-3%
หากดัชนีดาวโจนส์ของตลาดหุ้นสหรัฐ คืนนี้ ร่วงลงต่ำกว่าระดับ 11,500 จุด ก็อาจจะเซถลาลงลึกไปกว่านี้ ซึ่งถ้าปรับตัวลงมากกว่า 500 จุด ก็จะทำให้ตลาดหุ้นบ้านเราในวันพรุ่งนี้ (23 ม.ค.) พร้อมที่จะปรับตัวลงต่อเนื่อง แต่ปัจจัยหลักก็คือเงินไหลออก
อย่างไรก็ตาม การซื้อขายภาคบ่ายที่มีรีบาวน์จากช่วงเช้าเนื่องจากมีกองทุนหรือใครเข้ามาพยุงหุ้นกลุ่ม ปตท. (PTT) แต่มองว่าไม่มีนัยเพราะการรับซื้อหุ้น PTT ก็จะทำให้หุ้น PTT มีอาการ sideway down จะซึมลงอย่างช้าๆ ก็แค่ประคับประคองดัชนีได้ระดับหนึ่งแต่ก็ไม่สามารถทำให้ดัชนีรีบาวน์กลับขึ้นไปได้
ทิศทางพรุ่งนี้ขึ้นอยู่กับดาวน์โจนส์และแนวโน้มของการไหลออกของ Fund flow แนวรับพรุ่งนี้ 732 จุด ถ้าหลุดลงไปจะเห็นดัชนีถลาลงไปทดสอบแนวรับถัดไปที่ 720 จุด
"ทั้งนี้ ปริมาณวอลุ่ม 20,000 กว่าล้านบาท ถือว่าเป็นสัญญาณที่ไม่ดีนักในกรณีที่ตลาดปรับตัวลดลง เพราะดัชนีตกด้วยวอลุ่มโต ถ้าเห็นวอลุ่มปิดที่ 25,000 ล้านบาท จะเห็นสัญญาณที่ไม่ดีแล้ว"
ด้านปัจจัยภายในประเทศ นักวิเคราะห์ประเมินว่า ยังไม่มีอะไรเป็นบวก นักลงทุนส่วนใหญ่ ซึ่งเป็นชนชั้นกลาง มีการศึกษาสูง และอยู่ในกรุงเทพฯ ต่างผิดหวังกับรายชื่อทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ทั้งนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ อดีตนักสร้างภาพการตลาด ที่จะเข้ามานั่งเก้าอี้รองนายกฯ ควบตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ และนายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่จะเข้ามาดูและกระทรวงการคลัง
โดยทั้ง 2 คน ถือว่าเป็นคนนอกวงการ ไม่มีความเข้าใจโครงสร้างเศรษฐกิจ ตลางเงิน-ตลาดทุนดีเพียงพอ เขาอาจแกล้งยอมให้ข้าราชการระดับบิ๊กๆ ชี้นำ เพราะตัวเองหวังแค่ผลประโยชน์บางอย่างในระยะสั้น ไม่ได้มีเป้าหมายตั้งใจจริง เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาที่กำลังเข้าสู่จุดวิกฤติ ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบัน ถือว่ามีความสลับซับซ้อน และเป็นโจทย์สุดหิน จำเป็นจะต้องใช้มืออาชีพ และต้องทุ่มเทการทำงานแบบสุดตัวจริงๆ จึงจะนำพาประเทศฝ่าวิกฤติไปได้
สำหรับหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 35 หลักทรัพย์ ลดลง 381 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 46 หลักทรัพย์ ด้านสัดส่วนการลงทุนวันนี้ นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 4,861.68 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 77.68 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 4,939.36 ล้านบาท
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับ ได้แก่ PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 3,091.18 ล้านบาท ปิดที่ 136.00 บาท ลดลง 8.00 บาท PTT มูลค่าการซื้อขาย 3,003.21 ล้านบาท ปิดที่ 292.00 บาท ลดลง 4.00 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 2,222.21 ล้านบาท ปิดที่ 366.00 บาท ลดลง 20.00 บาท , PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 1,572.04 ล้านบาท ปิดที่ 37.00 บาท ลดลง 1.25 บาท , SCB มูลค่าการซื้อขาย 1,447.85 ล้านบาท ปิดที่ 76.00 บาท ลดลง 3.50 บาท
