ภาวะตลาดหุ้นไทยวันนี้ ทรุดตัวลงหนักกว่า 34 จุด เช่นเดียวกับตลาดหุ้นย่านเอเชีย นักลงทุนตื่นตระหนกภาวะเศรษฐกิจสหรัฐทรุดหนัก เนื่องจากปัญหาซับไพรม์ลุกลามเข้าสู่ยุโรปและกระทบไปทั่วโลกแล้ว ขณะที่ปัจจัยในประเทศเป็นลบ เพราะภาคตลาดทุนผิดหวังรายชื่อทีมศก.รัฐบาลใหม่ ไม่เชื่อมือ "เจ๊มิ่ง-หมอเลี้ยบ" นำพาศก.ไปรอด ส่วนทิศทางช่วงบ่ายยังอยู่ในแดนลบ แนวโน้มอาจลงต่อได้อีก
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้(22 ม.ค.) ดัชนีปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 732.44 จุด ลดลง 34.09 จุด เปลี่ยนแปลง -4.45% มูลค่าการซื้อขาย 13,243 ล้านบาท โดยบรรยากาศในการซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีปรับลงรูดต่อเนื่อง มีแรงขายหนักให้นกลุ่มบลูชิพ ดัชนีแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 754.16 จุด และทรุดตัวลงหนักแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 730.69 จุด
นักวิเคราะห์เทคนิค บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีช่วงเช้าปิดที่ 732.44 จุด ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน นับจากเดือน มิ.ย.50 ที่ดัชนีปิดที่ 744 จุด
นางสิริณัฏฐา เตชะศิริวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นเช้านี้เปิดลบและปรับตัวลงต่อตามตลาดเพื่อนบ้าน แต่ยังลงน้อยกว่าเพื่อนบ้าน โดยหุ้นไทยปรับลงเฉลี่ย 4% กว่า ขณะที่เพื่อนบ้านลบ 5-6% กว่า ปัจจัยโดยรวมยังเป็นเรื่องของปัจจัยในตลาดโลกคือสหรัฐ เกี่ยวกับความกังวลที่เศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากวิกฤตซับไพรม์ ทำให้นักลงทุนต่างชาติต้องขายเงินลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อเอาเงินตรงนี้ไปชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากซับไพรม์
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ภาคตลาดทุนผิดหวังกับการเมือง โดยเฉพาะรายชื่อทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ทั้งนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ อดีตนักสร้างภาพการตลาด ที่จะเข้ามานั่งเก้าอี้รองนายกฯ ควบตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ และนายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่จะเข้ามาดูและกระทรวงการคลัง ซึ่งต่างก็เป็นคนนอกวงการ ไม่มีความเข้าใจโครงสร้างเศรษฐกิจดีเพียงพอ อาจแกล้งยอมให้ข้าราชการระดับบิ๊กชี้นำ เพราะตัวเองหวังแค่ผลประโยชน์บางอย่างในระยะสั้น ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบันมีความสลับซับซ้อน เป็นโจทย์ยากที่ต้องใช้มืออาชีพที่ต้องการทำงานทุ่มเทจริงๆ จึงจะนำพาประเทศฝ่าวิกฤติไปได้
ทิศทางช่วงบ่ายนี้คงอยู่ในแดนลบ แนวโน้มอาจจะลงได้ต่อเพราะตลาดภูมิภาควันนี้ปรับลงเยอะกว่าหุ้นไทย ดาวโจนส์เมื่อคืนนี้ (21 ม.ค.) ปิดทำการแต่ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สลบเยอะ ดังนั้น ในคืนนี้ดาวโจนส์น่าจะปรับลงต่อ
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับ ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,859.25 ล้านบาท ปิดที่ 284.00 บาท ลดลง 12.00 บาท , PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,794.46 ล้านบาท ปิดที่ 135.00 บาท ลดลง 9.00 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,116.56 ล้านบาท ปิดที่ 362.00 บาท ลดลง 24.00 บาท , PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 946.42 ล้านบาท ปิดที่ 36.50 บาท ลดลง 1.75 บาท , TOP มูลค่าการซื้อขาย 619.10 ล้านบาท ปิดที่ 68.50 บาท ลดลง 4.00 บาท
ภาวะการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย วันนี้(22 ม.ค.) ดัชนีปิดตลาดช่วงเช้าที่ระดับ 732.44 จุด ลดลง 34.09 จุด เปลี่ยนแปลง -4.45% มูลค่าการซื้อขาย 13,243 ล้านบาท โดยบรรยากาศในการซื้อขายหุ้นช่วงเช้าวันนี้ ดัชนีปรับลงรูดต่อเนื่อง มีแรงขายหนักให้นกลุ่มบลูชิพ ดัชนีแตะจุดสูงสุดของช่วงเช้าที่ 754.16 จุด และทรุดตัวลงหนักแตะจุดต่ำสุดของช่วงเช้าที่ระดับ 730.69 จุด
นักวิเคราะห์เทคนิค บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ดัชนีช่วงเช้าปิดที่ 732.44 จุด ต่ำสุดในรอบ 7 เดือน นับจากเดือน มิ.ย.50 ที่ดัชนีปิดที่ 744 จุด
นางสิริณัฏฐา เตชะศิริวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บล.ไซรัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นเช้านี้เปิดลบและปรับตัวลงต่อตามตลาดเพื่อนบ้าน แต่ยังลงน้อยกว่าเพื่อนบ้าน โดยหุ้นไทยปรับลงเฉลี่ย 4% กว่า ขณะที่เพื่อนบ้านลบ 5-6% กว่า ปัจจัยโดยรวมยังเป็นเรื่องของปัจจัยในตลาดโลกคือสหรัฐ เกี่ยวกับความกังวลที่เศรษฐกิจสหรัฐมีโอกาสที่จะเข้าสู่ภาวะถดถอยซึ่งเป็นผลต่อเนื่องมาจากวิกฤตซับไพรม์ ทำให้นักลงทุนต่างชาติต้องขายเงินลงทุนในตลาดหุ้นเพื่อเอาเงินตรงนี้ไปชดเชยความเสียหายที่เกิดขึ้นจากซับไพรม์
สำหรับปัจจัยภายในประเทศ นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ภาคตลาดทุนผิดหวังกับการเมือง โดยเฉพาะรายชื่อทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ ทั้งนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ อดีตนักสร้างภาพการตลาด ที่จะเข้ามานั่งเก้าอี้รองนายกฯ ควบตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ และนายแพทย์ สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่จะเข้ามาดูและกระทรวงการคลัง ซึ่งต่างก็เป็นคนนอกวงการ ไม่มีความเข้าใจโครงสร้างเศรษฐกิจดีเพียงพอ อาจแกล้งยอมให้ข้าราชการระดับบิ๊กชี้นำ เพราะตัวเองหวังแค่ผลประโยชน์บางอย่างในระยะสั้น ไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ขณะที่ปัญหาเศรษฐกิจในปัจจุบันมีความสลับซับซ้อน เป็นโจทย์ยากที่ต้องใช้มืออาชีพที่ต้องการทำงานทุ่มเทจริงๆ จึงจะนำพาประเทศฝ่าวิกฤติไปได้
ทิศทางช่วงบ่ายนี้คงอยู่ในแดนลบ แนวโน้มอาจจะลงได้ต่อเพราะตลาดภูมิภาควันนี้ปรับลงเยอะกว่าหุ้นไทย ดาวโจนส์เมื่อคืนนี้ (21 ม.ค.) ปิดทำการแต่ดาวโจนส์ฟิวเจอร์สลบเยอะ ดังนั้น ในคืนนี้ดาวโจนส์น่าจะปรับลงต่อ
หลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 ลำดับ ได้แก่ PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,859.25 ล้านบาท ปิดที่ 284.00 บาท ลดลง 12.00 บาท , PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,794.46 ล้านบาท ปิดที่ 135.00 บาท ลดลง 9.00 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,116.56 ล้านบาท ปิดที่ 362.00 บาท ลดลง 24.00 บาท , PTTAR มูลค่าการซื้อขาย 946.42 ล้านบาท ปิดที่ 36.50 บาท ลดลง 1.75 บาท , TOP มูลค่าการซื้อขาย 619.10 ล้านบาท ปิดที่ 68.50 บาท ลดลง 4.00 บาท