บิ๊กไอเอ็มเอฟ เตือนศก.โลก กำลังเผชิญสถานการณ์รุนแรง ระบุ ทุกประเทศต้องเตรียมความพร้อม เพื่อรับมือผลกระทบภาวะถดถอยของสหรัฐ ซึ่งมีแนวโน้มจะส่งผลกระทบเป็นโดมิโนต่อเศรษฐกิจทั่วโลก
วันนี้(22 ม.ค.) นายโดมินิค สเตราสส์-คานห์ กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังจากประชุมกับประธานาธิบดีนิโคลาส์ ซาร์โคซีของฝรั่งเศส โดยเตือนถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่กำลังเข้าสู่ภาวะน่าวิตก นักลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก เริ่มขาดความมั่นใจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐประมาณ 145,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐทรุดหนักกว่าที่ประเมินไว้
นายสเตราส์-คาห์น แสดงความเห็นดังกล่าว หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงอย่างรุนแรง และอุปสงค์ในสกุลเงินกับพันธบัตรที่มีความปลอดภัยสูงพุ่งขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอตัวลงอย่างรุนแรงเกินคาด
"สถานการณ์ขณะนี้อยู่ในขั้นร้ายแรง ทุกประเทศในโลกกำลังได้รับความเสียหายจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง โดยเฉพาะทุกประเทศที่พัฒนาแล้ว"
นายสเตราส์-คาห์น ชี้ชัดว่า อัตราการเติบโตของประเทศตลาดเกิดใหม่อาจได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มในสหรัฐ
"ตลาดเกิดใหม่ยังคงมีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งมากพอ และจะยังคงผลักดันเศรษฐกิจโลกให้เติบโตต่อไป อย่างไรก็ดี มีความเป็นไปได้ที่เรื่องนี้อาจส่งผลกระทบต่อประเทศตลาดเกิดใหม่ด้วยเช่นกัน และทำให้อัตราการเติบโตอยู่ในระดับอ่อนแอเกินคาด"
นายสเตราสส์-คานห์ ได้กล่าวย้ำว่า หากเกิดภาวะถดถอยในสหรัฐจริง ก็จะส่งผลกระทบเป็นโดมิโน ลุกลามไปยังเศรษฐกิจทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นของสหรัฐ ปิดทำการเมื่องวันจันทร์ที่ 21 ม.ค.เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง อย่างไรก็ดี สัญญาล่วงหน้าดัชนีหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างรุนแรง และบ่งชี้ว่านักลงทุนคาดการณ์ในทางลบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ
นักลงทุนในเอเชียและยุโรปได้รับผลกระทบจากความกังวลในสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว โดยกังวลว่าข้อเสนอของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชของสหรัฐเรื่องมาตรการทางการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.50 แสนล้านดอลลาร์อาจจะไม่เพียงพอในการป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
"ตลาดการเงินไม่พึงพอใจกับมาตรการที่ประธานาธิบดีบุชเสนอมา ซึ่งเราเห็นว่าตลาดไม่มีปฏิกิริยาในทางบวกต่อข้อเสนอนี้" นายสเตราส์-คาห์น กล่าวและเพิ่มเติมว่า
"สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า การหารือในสหรัฐมุ่งเน้นไปที่เรื่องความเสี่ยงและความจำเป็นที่จะต้องสกัดกั้นความเสี่ยงดังกล่าวโดยใช้นโยบายการเงิน แต่ไม่ใช่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว"
นายสเตราส์-คาห์น ระบุว่า เขาเห็นด้วยกับปธน.ซาร์โคซีในเรื่องสถานการณ์ทางการเงินในตลาดโลก
"ผมคิดว่านายซาร์โคซีมองเห็นปัญหาที่ยากลำบากในเศรษฐกิจโลก และเขาได้ตัดสินใจที่จะจัดการกับปัญหาเหล่านี้ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด และผมคิดว่าเขาพูดถูกเมื่อเขากล่าวว่า มีความเสี่ยงในการก้าวไปข้างหน้าและในการทำบางสิ่ง แต่มีความเสี่ยงสูงกว่าในการไม่ทำอะไรเลย" ว
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปธน.ซาร์โคซีกล่าวว่า ปี 2008 จะเป็นปีที่เศรษฐกิจโลกต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนครั้งใหญ่ และกล่าวว่ายิ่งมีปัญหาเศรษฐกิจมากเพียงใด ก็ยิ่งมีความสำคัญมากเพียงนั้นในการผลักดันการปฏิรูปเศรษฐกิจ
ขณะที่นายฌอง-คล้อด จังเกอร์ ประธานรัฐมนตรีคลังของกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรแถลงหลังการประชุมร่วมกับสมาชิก 15 ประเทศ ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงเมื่อวานนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นใจในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของผู้นำสหรัฐ อย่างไรก็ตาม นายจังเกอร์ ยืนยันว่าโครงสร้างทางเศรษฐกิจของยุโรปมีความแข็งแกร่งและเตือนผู้บริโภคชาวยุโรปไม่ให้มองการณ์ในแง่ร้ายเกินไปเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
วันนี้(22 ม.ค.) นายโดมินิค สเตราสส์-คานห์ กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ กล่าวกับผู้สื่อข่าวหลังจากประชุมกับประธานาธิบดีนิโคลาส์ ซาร์โคซีของฝรั่งเศส โดยเตือนถึงสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่กำลังเข้าสู่ภาวะน่าวิตก นักลงทุนในตลาดหุ้นทั่วโลก เริ่มขาดความมั่นใจมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐประมาณ 145,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ ซึ่งจะทำให้เศรษฐกิจของสหรัฐทรุดหนักกว่าที่ประเมินไว้
นายสเตราส์-คาห์น แสดงความเห็นดังกล่าว หลังจากตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงอย่างรุนแรง และอุปสงค์ในสกุลเงินกับพันธบัตรที่มีความปลอดภัยสูงพุ่งขึ้น โดยได้รับแรงหนุนจากความกังวลที่ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจชะลอตัวลงอย่างรุนแรงเกินคาด
"สถานการณ์ขณะนี้อยู่ในขั้นร้ายแรง ทุกประเทศในโลกกำลังได้รับความเสียหายจากการที่เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวลง โดยเฉพาะทุกประเทศที่พัฒนาแล้ว"
นายสเตราส์-คาห์น ชี้ชัดว่า อัตราการเติบโตของประเทศตลาดเกิดใหม่อาจได้รับแรงกดดันจากแนวโน้มในสหรัฐ
"ตลาดเกิดใหม่ยังคงมีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งมากพอ และจะยังคงผลักดันเศรษฐกิจโลกให้เติบโตต่อไป อย่างไรก็ดี มีความเป็นไปได้ที่เรื่องนี้อาจส่งผลกระทบต่อประเทศตลาดเกิดใหม่ด้วยเช่นกัน และทำให้อัตราการเติบโตอยู่ในระดับอ่อนแอเกินคาด"
นายสเตราสส์-คานห์ ได้กล่าวย้ำว่า หากเกิดภาวะถดถอยในสหรัฐจริง ก็จะส่งผลกระทบเป็นโดมิโน ลุกลามไปยังเศรษฐกิจทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งเป็นสิ่งที่ยากจะหลีกเลี่ยงได้
ทั้งนี้ ตลาดหุ้นของสหรัฐ ปิดทำการเมื่องวันจันทร์ที่ 21 ม.ค.เนื่องในวันมาร์ติน ลูเธอร์ คิง อย่างไรก็ดี สัญญาล่วงหน้าดัชนีหุ้นสหรัฐดิ่งลงอย่างรุนแรง และบ่งชี้ว่านักลงทุนคาดการณ์ในทางลบต่อแนวโน้มหุ้นสหรัฐ
นักลงทุนในเอเชียและยุโรปได้รับผลกระทบจากความกังวลในสหรัฐในสัปดาห์ที่แล้ว โดยกังวลว่าข้อเสนอของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุชของสหรัฐเรื่องมาตรการทางการคลังในการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.50 แสนล้านดอลลาร์อาจจะไม่เพียงพอในการป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
"ตลาดการเงินไม่พึงพอใจกับมาตรการที่ประธานาธิบดีบุชเสนอมา ซึ่งเราเห็นว่าตลาดไม่มีปฏิกิริยาในทางบวกต่อข้อเสนอนี้" นายสเตราส์-คาห์น กล่าวและเพิ่มเติมว่า
"สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่า การหารือในสหรัฐมุ่งเน้นไปที่เรื่องความเสี่ยงและความจำเป็นที่จะต้องสกัดกั้นความเสี่ยงดังกล่าวโดยใช้นโยบายการเงิน แต่ไม่ใช่เรื่องนี้เพียงเรื่องเดียว"
นายสเตราส์-คาห์น ระบุว่า เขาเห็นด้วยกับปธน.ซาร์โคซีในเรื่องสถานการณ์ทางการเงินในตลาดโลก
"ผมคิดว่านายซาร์โคซีมองเห็นปัญหาที่ยากลำบากในเศรษฐกิจโลก และเขาได้ตัดสินใจที่จะจัดการกับปัญหาเหล่านี้ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใด และผมคิดว่าเขาพูดถูกเมื่อเขากล่าวว่า มีความเสี่ยงในการก้าวไปข้างหน้าและในการทำบางสิ่ง แต่มีความเสี่ยงสูงกว่าในการไม่ทำอะไรเลย" ว
โดยเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ปธน.ซาร์โคซีกล่าวว่า ปี 2008 จะเป็นปีที่เศรษฐกิจโลกต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนครั้งใหญ่ และกล่าวว่ายิ่งมีปัญหาเศรษฐกิจมากเพียงใด ก็ยิ่งมีความสำคัญมากเพียงนั้นในการผลักดันการปฏิรูปเศรษฐกิจ
ขณะที่นายฌอง-คล้อด จังเกอร์ ประธานรัฐมนตรีคลังของกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโรแถลงหลังการประชุมร่วมกับสมาชิก 15 ประเทศ ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดภาวะถดถอยทางเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลงเมื่อวานนี้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่มั่นใจในแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของผู้นำสหรัฐ อย่างไรก็ตาม นายจังเกอร์ ยืนยันว่าโครงสร้างทางเศรษฐกิจของยุโรปมีความแข็งแกร่งและเตือนผู้บริโภคชาวยุโรปไม่ให้มองการณ์ในแง่ร้ายเกินไปเกี่ยวกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้น
