รอยเตอร์/เอเอฟพี – การเจรจาระหว่างสหรัฐฯ-จีนผ่านฉลุย ทั้งสองชาติตกลงว่าจะช่วยกันกู้เศรษฐกิจโลก พร้อมลงนามบันทึกข้อตกลงเรื่องภาวะโลกร้อนและพลังงาน แถมเห็นพ้องให้จับตาเรื่องนิวเคลียร์ในอิหร่าน ขณะที่ปัญหาค่าเงินหยวนยังไม่อาจหาข้อสรุปร่วมกันได้
การเจรจายุทธศาสตร์และเศรษฐกิจระหว่างเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหรัฐฯ และจีนที่เพิ่งสิ้นสุดลง ไปนั้น ได้ข้อสรุปว่า ทั้งสองชาติจะร่วมกันสร้างสมดุลให้แก่เศรษฐกิจโลก และจะดำเนินแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจไปจนกว่าเศรษฐกิจโลกเริ่มฟื้นตัว
นอกจากนี้ ทั้งสองชาติยังได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศ เรื่องพลังงาน และสิ่งแวดล้อม รวมทั้งตกลงกันว่าจะสนับสนุนการค้าเสรี
“การเริ่มวางพื้นฐานเช่นนี้ คงไม่อาจส่งผ่านความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมไปได้ภายในพริบตา แต่ทุกย่างก้าวที่จะสร้างความมั่นใจและความเข้าใจระหว่างกัน ถือเป็นการเริ่มต้นที่ดี” นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐฯ กล่าวในการแถลงข่าวกับสื่อมวลชน
แต่ดูเหมือนว่าข้อตกลงทางเศรษฐกิจจะประสบความสำเร็จมากกว่า เมื่อทั้งสองชาติตกลงว่าจะไปปรับเปลี่ยนนโยบายทางเศรษฐกิจของตน โดยจีนจะลดการพึ่งพิงการส่งออกและเน้นการเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยการกระตุ้นกำลังซื้อภายในประเทศ ขณะที่สหรัฐฯ จะนำนโยบายการออมและการลงทุนกลับมาใช้ใหม่ เพื่อยุติวงจรเศรษฐกิจแบบโตและแตก
“สิ่งที่เราประสบผลสำเร็จมากที่สุด คือข้อตกลงในกรอบกว้างๆ เกี่ยวกับนโยบายและการปฏิรูป เพื่อวางรากฐานที่ยั่งยืนต่อการฟื้นฟูสมดุลของเศรษฐกิจโลก” นายไกธ์เนอร์ ระบุ
นอกจากนี้ สหรัฐฯ และจีน ยังได้หยิบยกประเด็นสิทธิมนุษยชนขึ้นมาเจรจา โดยนางคลินตันกล่าวว่า ใน 2 ประเด็นนี้ ทั้งสองชาติยังคงต้องทำงานหนักเพื่อลดช่องว่างระหว่างกัน
“เรื่องสิทธิมนุษยชนถือเป็นส่วนหนึ่งในการเจรจายุทธศาสตร์และเศรษฐกิจ เราหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาหารือ รวมถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นในซินเจียง และเราก็ได้แสดงความกังวลต่อเรื่องนี้”
ขณะที่ นายหวัง กวงย่า รัฐมนตรีช่วยต่างประเทศของจีน ยังได้แสดงความขอบคุณสหรัฐฯ ที่วางตัวอย่างเหมาะสมต่อกรณีที่เกิดขึ้นในเขตปกครองตนเองอุยกูร์แห่งซินเจียง
รวมถึงประเด็นของเกาหลีเหนือและอิหร่าน ทั้งสองฝ่ายก็ได้หยิบยกมาเจรจาด้วย โดยนางคลินตัน กล่าวว่า ทั้งสองชาติเห็นพ้องกันว่าควรจับตามองความเคลื่อนไหวของอิหร่านอย่างใกล้ชิด เพราะหากชาติอาหรับมีการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ก็จะส่งผลต่อความมั่นคงในภูมิภาค
ส่วนเรื่องที่ดูเหมือนยังคงเป็นปัญหาในการเจรจาก็คือเรื่องค่าเงินหยวน โดยสหรัฐฯ มองว่าจีนควรเร่งปรับค่าเงินหยวนให้เร็วขึ้น ขณะที่ฝ่ายจีนเห็นว่าสหรัฐฯ ไม่ควรปล่อยให้ค่าเงินดอลล่าร์ตกลงมาขนาดนี้
“เรื่องค่าเงินยังคงเป็นปัญหาพื้นฐานของสองชาตินี้ ผมคิดว่าขณะนี้ ผู้บริหารของสองประเทศควรจัดกลุ่มปัญหาค่าเงิน ให้อยู่ภายใต้ประเด็นการปฏิรูปเศรษฐกิจ การปฏิรูปการเงิน หรือภายใต้ประเด็นปัญหาอื่นๆ” นายสแตนลีย์ มาร์คัส ผู้เชี่ยวชาญด้านการค้าจากสำนักงานกฎหมาย ตามที่ไบรอัน เคฟ ระบุ
ปัญหาเศรษฐกิจดูจะเป็นเรื่องหลักที่ทั้ง 2 ชาติต้องพยายามหาข้อตกลงร่วมกันมากที่สุด เพราะสหรัฐฯ ถือเป็นลูกค้าที่ดีที่สุดสำหรับธุรกิจส่งออกของจีน ขณะที่จีนก็เป็นผู้ให้เงินกู้รายใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ ด้วยเงินลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ที่มีอยู่ถึง 802,000 ล้านเหรียญ และรัฐบาลกรุงวอชิงตันก็ต้องการรักษาเงินลงทุนก้อนนี้ของจีนไว้ เพื่อไว้ใช้ในปีงบประมาณหน้าที่คาดว่าสหรัฐฯ จะตั้งงบประมาณประจำไว้ถึง 1.8 ล้านล้านเหรียญทีเดียว