คอลัมน์ “Golf Healing” โดย “พลโทนายแพทย์ สมศักดิ์ เถกิงเกียรติ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกประจำโรงพยาบาลพระมงกุฎ และ โรงพยาบาลรามคำแหง มีประสบการณ์ในการดูแลผู้ป่วยมากกว่า 30 ปี somsak_doctor@hotmail.com”
"พี่หมอครับรองเท้านวดเลิกบุหรี่ที่ให้มาไม่ค่อยเหมาะกับเก่งเลยครับ"
"ไม่เหมาะยังไง" พี่หมอสงสัย
"ผมตีนใหญ่รองเท้าเลยบีบและผมอยู่แต่ในบ้านเลยไม่ค่อยได้ใส่แล้วก็...."
"พอๆ" พี่หมอตัดบท "เอางี้เปลี่ยนมากินยา"
"ยาก็กินแล้วมันก็ยังเสี้ยน"
"แต่เดี๋ยวนี้มียาใหม่เป็นสมุนไพรเมล็ดจามจุรีสีทองคุณภาพสูงปลอดภัยราคาถูกด้วย"
"พี่หมอได้ค่ารีวิวไหมเนี่ย" เจ้าเก่งแซวพร้อมกลบเกลื่อน "พี่หมอเลี้ยงส้มตำหน่อยรู้เปล่าวันที่ 2 มิถุนายนเป็นวันส้มตำโลกนะพี่"
ไทยเจ๋งผลิตยาเลิกบุหรี่สำเร็จครั้งแรกของประเทศจ่อขึ้นทะเบียนไซทิเซนช่วยนักสูบเนื่องในวันงดสูบบุหรี่โลก 31 พฤษภาคาของทุกปี โดยปีนี้องค์การอนามัยโลกกำหนดคำขวัญว่า "Commit to Quit" สำหรับประเทศไทย สธ.ได้กำหนดคำขวัญว่า "เลิกสูบ ลดเสี่ยง คุณทำได้" โดยมีเป้าหมายให้ประเทศไทยลดอัตราการสูบบุหรี่ให้เหลือร้อยละ 15 หรือมีจำนวนผู้สูบบุหรี่ไม่เกิน 9 ล้านคนภายในปี 2568
ขณะนี้ทั่วโลกรวมถึงประเทศไทยได้รับผลกระทบจากโรคติดเชื้อโควิด-19 ซึ่งเชื้อจะทำลายปอด ดังนั้นการสูบบุหรี่จะทำให้ปอดติดเชื้อรุนแรง บุหรี่เป็นสาเหตุหลักที่ทำลายปอดและเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการติดเชื้อและแพร่เชื้อผ่านละอองควันบุหรี่ชนิดต่างๆ หากคนสูบบุหรี่ติดโควิด-19 จะส่งผลให้อาการทรุดหนักได้
ด้าน รศ.นพ.สุทัศน์ รุ่งเรืองหิรัญญา อายุรแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคระบบทางเดินหายใจมหาวิทยาลัยศรีนครินทร์วิโรฒ (มศว.) กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีความร่วมมือดำเนินการวิจัยเพื่อพัฒนายาเลิกบุหรี่ชนิดใหม่ที่มีชื่อว่า "ไซทิเซน" (Cytisine) ซึ่งเป็นสารสกัดธรรมชาติจากเมล็ดจามจุรีสีทอง มีสรรพคุณช่วยบรรเทาอาการถอนนิโคติน ทำให้ผ่อนคลายไม่หงุดหงิดในขณะที่เข้าสู่กระบวนการเลิกบุหรี่ ยาชนิดนี้ใช้มานานกว่า 60 ปีในยุโรปตะวันออก ถือเป็นยาเลิกบุหรี่ที่มีประสิทธิภาพดีและปลอดภัยมาก จึงเป็นยาที่องค์การอนามัยโลก ให้การรับรองและสนับสนุน เพราะมีราคาถูก ขณะนี้งานวิจัยของไทยอยู่ในขั้นตอนการวิเคราะห์ข้อมูลของกลุ่มตัวอย่างที่เข้ารับการบริการเลิกบุหรี่ด้วยยาชนิดนี้ 500 คนเทียบกับอีกกลุ่มที่ใช้ยาชนิดอื่นอีก 500 คน โดยจะวิเคราะห์ข้อมูลแล้วเสร็จภายในเดือนมิถุนายนี้แล้วองค์การเภสัช จะทำการขึ้นทะเบียนยากับ อย.จากนั้นก็จะผลักดันยาเข้าสู่บัญชียาหลักแห่งชาติต่อไป โดยมั่นใจว่าจะสามารถขายให้มีราคาถูกเพื่อให้คนไทยเข้าถึงสามารถเลิกบุหรี่ได้อย่างทั่วถึง จึงมีความจำเป็นที่ภาครัฐต้องรีบดำเนินการผลักดันยานี้เข้าสู่ระบบบัญชียาโดยเร็วเพื่อให้ยาเป็นสมบัติของคนไทยทุกคนต่อไป
รศ.นพ.สุทัศน์ ทิ้งท้ายว่าจากสถิติใน 1 ปี มีผู้เข้ารับการบริการใช้ยาชนิดนี้สามารถเลิกบุหรี่ได้สำเร็จร้อยละ 30-40 ในขณะที่รายที่ไม่ใช้ยาสามารถเลิกได้สำเร็จเพียงร้อยละ 10 และในกลุ่มที่เลิกด้วยตนเองจะมีโอกาสเลิกสำเร็จเพียงร้อยละ 5 เท่านั้น