“ทูน อาร์มี่” ฝันสลาย “เจ้าชายซาอุ” ถอนทัพเทกโอเวอร์ “สาลิกา”

ความฝันที่แฟนบอล นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด จะมีเจ้าของคนใหม่เป็นมหาเศรษฐีผู้มั่งคั่งจากซาอุดีอาระเบีย ถึงคราวพังทลาย หลังมีรายงานว่า กลุ่มทุนที่มีเจ้าชาย โมฮาเหม็ด บิน ซัลมาน ให้การสนับสนุน ขอถอนตัวจากดีลการเทกโอเวอร์ทีมไปแล้ว

นิวคาสเซิล มีข่าวพัวพันกับกลุ่มทุนใหญ่ของซาอุดีอาระเบีย (PIF) รวมถึง อาร์บี สปอร์ตส แอนด์ มีเดีย มายาวนาน หลังพวกเขายินดีเข้าครอบครองถิ่น เซนต์ เจมส์ พาร์ค ด้วยข้อเสนอ 300 ล้านปอนด์ (ประมาณ 12,270 ล้านบาท) ทว่า ปัจจุบันพวกเขาล้มเลิกความตั้งใจไปเรียบร้อย

มีการเปิดเผยว่า พรีเมียร์ ลีก ได้รับเอกสารที่ทางมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย และผู้สนับสนุน แสดงความประสงค์เป็นเจ้าของ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ไปแล้ว ทว่าระยะเวลา 16 สัปดาห์แห่งการพิจารณา พวกเขาไม่ได้รับการตอบกลับมาจากฝั่ง พรีเมียร์ ลีก

การรอคอยที่ยาวนานทำให้ PIF หมดความอดทน และออกแถลงการณ์ว่าพวกเขาขอถอนตัวจากการเจรจา โดยเนื้อหาระบุว่า “ด้วยความซาบซึ้งต่อชาวนิวคาสเซิล และความสำคัญของทางสโมสร เราตัดสินใจแล้วที่จะถอนตัวจากการเข้าครอบครองกิจการ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด”

“สิ่งที่เกิดขึ้นถือเป็นความเสียใจ เพราะเราตื่นเต้นและมีความมุ่งมั่นที่จะเข้ามาลงทุนยังเมืองใหญ่อย่าง นิวคาสเซิล ด้วยความเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถพาสโมสรแห่งนี้กลับสู่ความยิ่งใหญ่ของประวัติศาสตร์ พร้อมกับความรักของแฟนๆ แต่ด้วยกระบวนการที่ยืดเยื้อเกินไป ข้อตกลงระหว่างกลุ่มทุนและเจ้าของสโมสรได้ถึงเวลาสิ้นสุด เมื่อเล็งเห็นว่ามีความไม่ชัดเจนเกิดขึ้นสำหรับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยขณะที่ฤดูกาลใหม่กำลังจะมาถึงในไม่ช้า”

ทั้งนี้ มีการคาดเดาว่าเหตุที่ พรีเมียร์ ลีก ไม่ปล่อยให้กลุ่มทุนจากซาอุดีอาระเบีย เข้ามายึดครอง นิวคาสเซิล เป็นเพราะกระแสข่าวแง่ลบมากมายของว่าที่เจ้าของใหม่ โดยเฉพาะเหตุฆาตกรรม จามาล คาช็อกกี นักข่าวชื่อดังอันฉาวโฉ่เมื่อปี 2018 ซึ่งเชื่อกันว่า เจ้าชายโมฮาเหม็ด บิล ซัลมาน อยู่เบื้องหลังการสังหาร รวมถึงการลักลอบนำสัญญาณการถ่ายทอดสดฟุตบอล พรีเมียร์ ลีก ไปเผยแพร่ที่ประเทศตนเองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของลิขสิทธิ์