คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
เฝ้ามอง บุนเดสลีกา เยอรมัน กำลังจะปิดซีซัน , พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ , กัลโช เซเรีย อา และ ลา ลีกา สเปน กลับมาฟาดแข้งกันดุเดือด รวมถึง ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก กำลังจะเปิดฉากรอบน็อกเอาท์ เดือนสิงหาคมนี้ หลังหยุดพักตามกระแส โควิด-19 คุกคามทวีปยุโรป แตกต่างจาก บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) เห็นมีแต่ข่าวคราวจะคืนสนาม แต่สุดท้ายก็ยังไม่มีการยืนยันจะเริ่มแข่งต่อซีซัน 2019-20 เมื่อไร
อดัม ซิลเวอร์ ประธาน NBA อาจกุมขมับ หรือไมเกรนขึ้นอยู่ก็เป็นได้ ตามที่ทราบมา มลรัฐฟลอริดา สถานที่ตั้งของ ดิสนีย์ เวิลด์ ที่ถูกกำหนดเป็นสังเวียนแข่งขัน เพื่อหลีกเลี่ยงข้อจำกัดด้านการเดินทาง พบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ทะลุหลัก 100,000 คน เรียบร้อยแล้ว และมีรายงานว่า ผลตรวจของ นิโกลา โยคิช เซ็นเตอร์แม่ทัพ เดนเวอร์ นักเก็ตส์ เป็นบวก เพราะเข้าร่วมอีเวนท์เทนนิสของ โนวัค ยอโควิช ที่ประเทศเซอร์เบีย ซึ่งจัดขึ้นแบบการ์ดตก ตามอย่างท่านโฆษกกล่าวไว้
ระยะเวลาที่ลีกยังเปิดไม่ได้ แฟนๆ ยัดห่วงยุค 90 น่าจะเสพติดความเกรียงไกรของ ชิคาโก บูลล์ส ภายใต้การนำของ ไมเคิล จอร์แดน , สกอตตี พิพเพน และ เดนนิส ร็อดแมน ผ่านแอพพลิเคชัน “เน็ตฟลิกซ์” ขณะทุกคนต้อง “Work From Home” เพื่อป้องกันการติดเชื้อ ดังที่เราทราบกันว่า คู่ปรับของ “เอ็มเจ” ณ เวลานั้น ก็คือ ไอเซียห์ โธมัส กับเหล่าผองเพื่อน “แบดบอย” แห่ง ดีทรอยต์ พิสตันส์
ยุคของ จอร์แดน อาจประลองฝีมือกับตำนานแห่ง NBA มากมาย อาทิ แมจิก จอห์นสัน , ชาร์ลส บาร์กลีย์ , ไคลด์ เดร็กซ์เลอร์ , แพทริค อีวิง , แกรี เพย์ตัน , คาร์ล มาโลน และ จอห์น สต็อคตัน น่าเสียดายที่มีคนๆ หนึ่ง ที่ฝีไม้ลายมือใกล้เคียงกัน และคู่แข่งที่ถูกมองว่าเปรียบเสมือน คริสเตียโน โรนัลโด กับ ลิโอเนล เมสซี บนสังเวียนยัดห่วง แต่กลับด่วนจากไปเสียก่อน คือ เลน ไบแอส
ดูจากนามสกุล คนที่ติดตามบาสเกตบอลบ้านเรา อาจนึกถึง ทิฟฟานี ไบแอส การ์ดจ่ายลูกครึ่ง ไทย-อเมริกัน และขุนพล ฟีนิกซ์ เมอร์คิวรี ชุดแชมป์ ดับเบิลยูเอ็นบีเอ (WNBA) ฤดูกาล 2014 ซึ่งเคยสวมยูนิฟอร์มติดธงไตรรงค์ คล้องเหรียญเงินซีเกมส์ 2019 ที่ประเทศฟิลิปปินส์ เท่าที่ลองตรวจสอบประวัติ ดูเหมือนทั้งคู่จะไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ดังเช่น ฝรั่งนามสกุล จอห์นสัน มีอยู่หลายทวีป หรือ ร็อบบี คีน กับ รอย คีน ก็ไม่ใช่เครือญาติ ทั้งๆ เป็นชาวไอร์แลนด์เหมือนกัน หากผิดต้องขออภัยไว้ล่วงหน้า
เลน เกิดที่แลนโดเวอร์ มลรัฐแมรีแลนด์ โด่งดังเป็นพลุแตก สมัยเล่นให้ มหาวิทยาลัยแมรีแลนด์ ตำแหน่ง สมอลล์ ฟอร์เวิร์ด (SF) ช่วงพีกสุดของเขา คือ ฤดูกาล 1985-86 ค่าเฉลี่ย 23.2 แต้ม 7.0 รีบาวน์ด ก่อนถูก บอสตัน เซลติกส์ คัดเลือกอันดับ 2 และใครๆ ต่างคาดหวังว่า นี่คือผู้เล่นที่น่าจะเก่งกว่า จอร์แดน เจ้าของรางวัล รุกกี ออฟ เดอะ เยียร์ ปี 1985 แห่ง ชิคาโก บูลล์ส
หลังกลับจากงานดราฟต์ ที่มหานคร นิว ยอร์ก (17 มิ.ย.) เพียง 2 วัน เลน กลับบ้านเกิด ที่รัฐแมรีแลนด์ พบเพื่อนๆ ที่มหาวิทยาลัย เสพโคเคนในหอพัก และเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายเฉียบพลัน ช่วงเช้าวันที่ 19 มิถุนายน ขณะอายุเพียง 22 ปี เหตุการณ์เศร้าสลดครั้งนี้ ทำให้ โรนัลด์ เรแกน ประธานาธิบดี ลงชื่อกฎหมายต่อต้านยาเสพติด กำหนดโทษจำคุกตลอดชีวิตสำหรับผู้ค้า ขนานนามว่า “The Len Bias Law” เดือนตุลาคม 1986 ต่อมาสารคดี “Without Bias” ซึ่งกำกับโดย เคิร์ก เฟรเซอร์ ถูกนำมาโปรโมต ที่งาน ซันเดนซ์ ฟิล์ม เฟสติวัล 2008 และออกฉายปี 2009
ตามความเห็นของกูรู มองว่า เลน ไบแอส ส่วนสูง 6 ฟุต 8 นิ้ว (203 เซนติเมตร) ดุดันเหมือน ชอว์น เคมพ์ ซูเปอร์สตาร์ ซีแอตเทิล ซูเปอร์โซนิคส์, ทักษะคล้าย ไมเคิล จอร์แดน หรือบ้างก็มองว่าเหมือน โดมินิค วิลกินส์ แชมป์ สแลม ดังค์ 2 สมัย เวอร์ชันมีลูก “จัมพ์ ชู้ต” เป็นอาวุธ หากวันนั้น ไบแอส ยังมีชีวิตอยู่ ลองจินตนาการดูว่า มีรุ่นพี่ระดับอัจฉริยะอย่าง ลาร์รี เบิร์ด กับ เควิน แม็คเฮล คอยขัดเกลา และลงเล่นร่วมกับ โรเบิร์ต แพริช , แดนนี เอนจ์ และ เดนนิส จอห์นสัน ก็อาจเป็นไปได้ว่า จอร์แดน คงไม่ได้สัมผัสแชมป์ถึง 6 สมัย
