ผู้บริหารทรูวิชั่นส์ แจง "ส.บอล" ไม่เรียกไปหารือ กรณีไทยลีกเลื่อนเตะเดือนกันยายน ชี้ส่งผลกระทบหนัก อาจถ่ายไม่จบฤดูกาล เนื่องจากสัญญาสิ้นสุดแค่ปีนี้ เป็นไปได้โยกตารางใหม่ฟาดแข้งให้จบในปี 2020 เผย ฤดูกาลหน้า "ทรูวิชั่นส์" พร้อมให้เจ้าของลิขสิทธิ์ใหม่เช่าช่องยิ่งสดได้หากต้องการ
เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2563 นายองอาจ ประภากมล หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านมีเดีย บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนกรณีที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ มีการโยกตารางการแข่งขันศึกฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก ออกไปเป็นเดือนกันยายนนี้ และจะไปสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคม 2564 ซึ่งส่งผลกระทบต่อสัญญาการถ่ายทอดสดที่จะสิ้นสุดลงแค่เดือนพฤศจิกายน 2563 เท่านั้น
โดยก่อนหน้านี้จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ลีกฟุตบอลของไทยต้องเลื่อนการแข่งขันออกไปในทุกระดับ ทำให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ภายใต้การบริหารงานของ "บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ มีการประกาศอย่างเป็นทางการว่าต้องการเปลี่ยนโครงสร้างการแข่งขันฟุตบอลลีกภายในประเทศ และมีการโยกตารางไปเริ่มเดือนกันยายนปีนี้ และจะสิ้นสุดในเดือนพฤษภาคมปีหน้า
อย่างไรก็ตามทางทรูวิชั่นส์ เผยว่า สัญญาการถ่ายทอดสดที่ทำเอาไว้กับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ในการถ่ายทอดฟุตบอลลีกของไทยตั้งแต่ปี 2017 จะสิ้นสุดลงในเดือนพฤศจิกายน ปี 2020 เท่านั้น ซึ่งจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ทางทรูวิชั่นส์ เข้าใจถึงความจำเป็นที่จะต้องเลื่อนโปรแกรมการแข่งขันออกไปในเดือนมีนาคม ซึ่งแข่งขันไปได้แค่ 4 นัดเท่านั้น แต่การที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ประกาศเลื่อนถึงเดือนกันยายน ไม่ได้มีการเข้ามาพูดคุยกับเจ้าของสัญญาถ่ายทอดสดแต่อย่างใด มีแต่เพียงส่งจดหมายมาแจ้งเท่านั้น
"คือเราได้เห็นจากการที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ประกาศเมื่อปลายเดือนเมษายนว่าจะเลื่อนไทยลีกไปเตะเดือนกันยายน และเราได้รับหนังสือจากส.บอล ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม เป็นหนังสือมาถึงทรูฯ อย่างเป็นทางการ ว่าฟุตบอลไทยลีกจะเปลี่ยนเป็นแข่งขันเดือนกันยายน และไปสิ้นสุดฤดูกาล พ.ค.ปีหน้า" นายองอาจ เริ่มกล่าว
"ในมุมของทรูวิชั่น ในฐานะที่เป็นคู่สัญญาจนถึงปี 2020 เดิมทีตั้งแต่ที่เราสนับสนุนสมาคมกีฬาฟุตบอลในการถ่ายทอดสดไทยลีกตั้งแต่ปี 2017 ซึ่งปีนี้เป็นปีสุดท้ายของสัญญา 4 ปี เราก็แจ้งกับสมาชิกในตอนนั้นไปว่าถ่ายทอดสดทั้งฤดูกาลตั้งแต่เดือนก.พ. ถึง พ.ย.2563 แต่สุดท้ายเดือนมีนาคมมีการเลื่อนการแข่งขันออกไปจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทางเราก็เข้าใจได้ดี แต่การที่เลื่อนยาวไปจนถึงเดือนกันยายนเราคิดว่าอาจจะไม่เหมาะสมเมื่อพิจารณาจากสัญญาการถ่ายทอดสดของเรา"
"คือประเทศไทยเราสามารถบริหารจัดการป้องกันโควิด-19 ได้เป็นอันดับ 2 ของโลก ผมยกตัวอย่าง บุนเดสลีกา เยอรมัน หรือลีกอื่นๆทั่วยุโรป ก็เริ่มแข่งขันกันไปแล้ว ทั้งๆที่ประเทศเขามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 มากกว่าไทยด้วยซ้ำ คือ ส.บอล ของแต่ละลีกทั่วโลกมีความพยายามที่จะกลับมาให้เร็วที่สุดจากการเรียกร้องของแฟนบอล"
"อย่างไรก็ตาม ส.กีฬาฟุตบอลฯ ไม่ได้เรียกเราเข้าไปปรึกษาหารือเลยด้วยซ้ำ ถึงแม้เขาจะส่งหนังสือมาแจ้งเราก็ตาม แต่เขาไม่ได้เข้ามาคุยกับเราในเรื่องของการถ่ายทอดสดนี้เลย ทั้งๆที่เขาควรจะพูดคุยกับเราด้วย เพราะเราคือเจ้าของลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสด แน่นอนหลายฝ่ายได้รับผลกระทบ รวมไปถึงตัวลูกค้าของเราเองด้วย ถ้าถามในแง่ของทรูวิชั่นส์ เราอยากจะให้ส.บอล ได้มีการพูดคุยกับเราว่าจริงๆแล้วอะไรที่เป็นระยะเวลาการถ่ายทอดสดที่เหลือของฤดูกาลที่ดีที่สุดสำหรับทั้งตัวสมาคมฯ และคนถ่ายทอดอย่างทรูวิชั่นส์ อะไรคือสิ่งที่วินวิน สำหรับส.บอล, แฟนบอล และทรูวิชั่นส์"
"การย้ายลีกไปเตะเดือนกันยายน และไปจบเดือนพ.ค.ปีหน้า ต้องบอกตรงๆว่า ทรูวิชั่นส์ ก็มีแพลนอื่นๆที่จะถ่ายทอดสดกีฬาต่างๆอีกมากมาย เป็นการวางแผนถ่ายทอดสดของทรูวิชั่นส์เอง แน่นอนว่ามันกระทบต่อกลยุทธ์การวาางแผนตารางถ่ายทอดสดของเราด้วย เรื่องนี้เรามีการวางแผนกันล่วงหน้าเป็นปีๆ ไม่ได้วางแผนล่วงหน้ากันแค่ไม่กี่เดือน เพราะฉะนั้นมันกระทบต่อปฏิทินการถ่ายทอดสดของเราแน่ๆ"
"ตอนนี้ในส่วนของฟุตบอลไทยลีก เราเพิ่งจะถ่ายทอดไปแค่ 10 เปอร์เซนต์ จาก 4 นัดที่แข่งขันไปแล้ว แน่นอนว่าถ้าเป็นแบบนี้เราก็อาจจะถ่ายไม่ครบ ถ้าในกรณีที่จะนับแค่สิ้นสุดสัญญาภายในปีนี้ อย่างที่ได้เรียนไปคือตอนนี้เราอยาจะเจรจากับสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ว่าถ้าเป็นไปได้ก็อยากให้กลับมาแข่งขันเร็วกว่าเดือนกันยายน เพราะดูจากสถานการณ์ที่รัฐบาลประกาศว่าประเทศเราเริ่มคลี่คลายในเรื่องของไวรัสโควิด-19 ก็อยากจะให้การแข่งขันสิ้นสุดภายในปีนี้ จะได้ไม่มีผลกระทบต่อตัวสัญญามากนัก"
"ก่อนหน้านี้ ส.บอล ไม่ได้มีการสอบถามมาทางทรูวิชั่นส์เลยในเรื่องของการถ่ายทอดสด ไม่ได้รับการทาบทาม หรือถาม หรือมีส่วนร่วมในการที่จะหารือว่าควรจะกลับมาเตะช่วงไหนดี เราเห็นข่าวจากสื่อวันที่ 21 เม.ย. ส.บอล มีหนังสือถึงเราวันที่ 7 พ.ค. แต่ไม่ได้มีการหารือกันก่อนหน้านี้ คือถ้าบอกตรงๆ ทางออกที่ลงตัวที่สุดสำหรับทรูวิชั่นส์ คือควรจะให้ไทยลีกสิ้นสุดภายในปีนี้ ถึงจะมีการถ่ายทอดสดที่ถูกต้องจากเรานี่คือสิ่งที่่เราคาดหวังจากส.บอล"
"แต่ถ้า ส.บอล ยืนยันจะต้องเริ่ม ก.ย. และจบ พ.ค. ปีหน้า อันนี้เราคงต้องมาพูดคุยกันระหว่างส.บอล กับทางเรา เพื่อหาทางออกที่ดีที่สุด ซึ่งก็ได้มีการนัดหมายที่จะเข้าไปพูดคุยกับทางส.บอลถึงเรื่องถ่ายทอดสดแล้วในเร็วๆนี้ หลังจากนี้คงมาว่ากันอีกทีว่าจะเอาอย่างไร คือถ้าเขายืนกรานว่าจะเตะเดือนกันยายน เราอยากจะเห็นถึงความพยายามที่จะรับผิดชอบของ ส.บอล เมื่อการแข่งขันและการถ่ายทอดสดไม่เป็นไปตามสัญญาเดิม"
"สำหรับลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดในฤดูกาลหน้า ส.บอล ก็ได้ให้เกียรติให้ทรูฯ ได้เข้าไปบิดสัญญาใหม่ด้วยตั้งแต่ปีที่แล้ว ผลออกมาก็คือเจ้าอื่นเขาได้ไป ทางเราก็ไม่เป็นไร ก็คงจะเป็นเจ้าอื่นที่จะมาถ่ายทอดส มาทำธุรกรรมสนับสนุนตัวสมาคมตรงนี้ต่อไป แต่ถ้าหากผู้ที่บิดไปได้และหาช่องถ่ายทอดสดไม่ได้ ทางเราก็ยินดีที่จะให้เขาเข้ามาเช่าช่องทรูวิชั่นส์เพื่อจะถ่ายทอดสดต่อไปได้ คล้ายๆกรณีของ BeIN สปอร์ต ที่เคยบิดได้พรีเมียร์ลีกในอดีต และก็มาเช่าช่องสัญญาถ่ายทอดสดกับเรา คือเราเปิดโอกาสให้มีการพูดคุยตรงนี้ได้อยู่แล้ว แต่ก็ต้องอยู่กับเงื่อนไขการเจรจา และมูลค่าต่างๆ แต่ยืนยันว่าแพลตฟอร์มเราพร้อมที่จะรับมาถ่ายทอดสดแน่นอน"
"ถ้าสรุปสุดท้ายทรูวิชั่นส์ไม่สามารถที่จะให้คำตอบที่เป็นที่ยอมรับจากสมาชิกได้ในเรื่องของการถ่ายทอดสดไทยลีกฤดูกาลนี้ เราก็อาจต้องใช้มาตรการเยียวยา และทดแทนให้กับสมาชิกถ้าหากการถ่ายทอดสดไม่สามารถทำได้จนจบฤดูกาลจริงๆ ก็อยู่ที่การเข้าไปคุยระหว่างเรากับส.บอลที่จะมีขึ้นเร็วๆนี้" หัวหน้าคณะผู้บริหาร ด้านมีเดีย บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น กล่าวทิ้่งท้าย