คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP
สถานการณ์ โควิด-19 หลายๆ ประเทศ เริ่มผ่อนคลายลงเยอะ โดยเฉพาะประเทศไทย ซึ่งกำลังรอคอยการปลดล็อกเฟสสุดท้าย ขณะที่กีฬาต่างๆ เตรียมกลับมาแข่งขันกันต่อ เริ่มตั้งแต่ บุนเดสลีกา เยอรมัน และอีกไม่นานเกินรอ ฟุตบอลที่ได้รับความนิยมสูงสุดทั่วโลกอย่าง พรีเมียร์ ลีก อังกฤษ กำลังจะเริ่มนับถอยหลังสู่การฉลองแชมป์ของแฟนๆ บางทีม หลังเกิดความหวั่นไหวกับคำว่า “โมฆะ” มานาน 2-3 เดือน
สัปดาห์นี้ศึกกอล์ฟ พีจีเอ ทัวร์ รายการ “ชาร์ลส ชวาบ ชาลเลนจ์” จะเริ่มประชันวงสวิงวันพรุ่งนี้ (11 มิ.ย.) ที่มลรัฐเท็กซัส พร้อมกับพิธีรำลึกถึง จอร์จ ฟลอยด์ ชายผิวสี ซึ่งเสียชีวิตจากการกระทำรุนแรงของตำรวจผิวขาว รวมถึงศึก เทนนิส แกรนด์ สแลม รายการ “ยูเอส โอเพน 2020” เตรียมแผนการอันเข้มงวดตามคอนเซปต์ “New Normal” เพื่อป้องกันการระบาดรอบ 2 ที่อาจรุนแรงกว่าระลอกแรก
สำหรับแฟนๆ บาสเกตบอล เอ็นบีเอ (NBA) คงพอจะทราบข่าวคราวแล้วว่า ฤดูกาล 2019-20 หลังวิกฤติ โควิด-19 จะย้ายมาดวลกันต่อ ที่ดิสนีย์ เวิลด์ สวนสนุกขนาดยักษ์ พื้นที่รวม 121.7 ตารางกิโลเมตร แลนด์มาร์กแห่งหนึ่งของเมืองออร์แลนโด มลรัฐฟลอริดา สาเหตุก็พอเดาได้ว่า อดัม ซิลเวอร์ ประธานลีก ต้องการจำกัดการเดินทางของแต่ละแฟรนไชส์ ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ
ดิสนีย์ เวิลด์ น่าจะเป็นสถานที่ซึ่งแฟนๆ กีฬาพอจะคุ้นหูมาบ้าง โดยเฉพาะ อเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) เนื่องจากบรรดาผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ซูเปอร์โบว์ล มักจะเดินทางมาฉลองตำแหน่งทุกๆ ปี เช่น ร่วมบวนพาเหรดกับเหล่าตัวการ์ตูนอมตะอย่าง มิคกี เมาส์ และผองเพื่อน โดยคนล่าสุดที่เพิ่งแวะมาเยี่ยมเยียน คือ แพทริค มาโฮมส์ ควอเตอร์แบ็ก แคนซัส ซิตี ชีฟส์ นี่เอง
นอกเหนือจากพื้นที่สวนสนุก ดิสนีย์ เวิลด์ ยังก่อสร้าง “อีเอสพีเอ็น ไวด์ เวิลด์ ออฟ สปอร์ตส คอมเพล็กซ์” เนื้อที่ราว 220 เอเคอร์ ประกอบด้วย แชมเปียน สเตเดียม สนามเบสบอล ความจุ 7,500 ที่นั่ง , สนามกีฬาในร่ม 3 แห่ง ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนเป็นสนาม บาสเกตบอล 20 คอร์ต , มาราธอน สปอร์ตส ฟิลด์ สนามกีฬากลางแจ้ง และแทร็ค แอนด์ ฟิลด์ คอมเพล็กซ์ สนามกรีฑาประเภทลู่และลาน ฯลฯ
ดิสนีย์ เวิลด์ ยังประกอบกิจการโรงแรม 18 แห่ง หลากหลายระดับ ซึ่งเหล่านักกีฬา , ทีมโค้ช และสตาฟฟ์คนอื่นๆ สามารถปักหลักแข่งขันกระทั่งรอบชิงชนะเลิศ แถมก่อนหน้า ยังเคยถูกใช้เป็นสถานที่จัดทัวร์นาเมนต์ “จูเนียร์ เอ็นบีเอ โกลบอล แชมเปียนชิป” 2 ครั้ง ก่อนปิดทำการตั้งแต่วันที่ 15 มีนาคม เนื่องจากพิษ “โควิด-19” ทำให้พนักงานชาวรัฐฟลอริดา มากกว่า 43,000 คน ว่างงาน
ด้าน บ็อบ ชาเป็ก ประธานบริหาร ให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพท์ ยืนยันว่า ดิสนีย์ เวิลด์ มีศักยภาพเพียงพอจัดการแข่งขันระดับ NBA และสังเวียน อีเอสพีเอ็น คอมเพล็กซ์ มีระบบการถ่ายทอดสดเพียบพร้อม เพื่อแพร่ภาพให้แฟนๆ รับชมจนจบฤดูกาล ด้วยระบบ อุลตราไฮ-สปีด ไฟเบอร์-อ็อปติก หรือสายส่งสัญญาณความเร็วสูง เชื่อมต่อกับสำนักงานใหญ่ “อีเอสพีเอ็น” สำนักข่าวของ สหรัฐอเมริกา ที่รัฐคอนเนคติคัต
สำหรับตารางเวลาคร่าวๆ ของโปรเจคต์ “รีสตาร์ท” ฝั่ง NBA กำหนดว่า วันที่ 21 มิ.ย. นี้ ผู้เล่นทั้งในและนอกประเทศ จะกลับมารวมตัวกัน เพื่อรับการตรวจคัดกรอง วันที่ 22 มิ.ย. แล้วเริ่มเทรนนิง แคมป์ วันที่ 30 มิ.ย. ก่อนออกเดินทางสู่เมืองออร์แลนโด วันที่ 7 ก.ค. และเริ่มแข่งขันต่อ วันที่ 31 ก.ค. โดยอาศัยเสียงเชียร์ของแฟนๆ จาก NBA2K สร้างบรรยากาศ
นับเป็นสัญญาณที่ดีของแฟนๆ และวงการกีฬาอาชีพ ที่น่าจะกลับมาแข่งขันกันต่อ หลังวิกฤติโรคระบาดเริ่มเบาบาง ถึงตอนนี้กีฬาทุกชนิด จะยังไม่เปิดให้แฟนๆ เข้าชมตามปกติ บ้างก็ว่าต้องรอการทดสอบวัคซีน ซึ่งกินเวลาราว 1-2 ปี หากมองแง่บวก เรายังมีมาตรการ Social Distancing ซี่งจะเป็นกุญแจสำคัญสู่การนำผู้ชมกลับสู่สนามเช่นกัน
ลองจินตนาการภาพ อัฒจันทร์สนามกีฬาต่างๆ ยุคปัจจุบัน มักติดตั้งเก้าอี้เสียส่วนใหญ่ ซึ่งเจ้าของสนาม สามารถจัดสรรให้แฟนๆ นั่งแบบรักษาระยะห่าง 1 ตัว เว้น 2-3 ตัว หรือแถวเว้นแถว ไม่ใช่การชมคอนเสิร์ตที่มิตรรักแฟนเพลง จะต้องเบียดเสียดกัน เพื่อเข้าใกล้เวทีให้มากสุด เพียงแต่ว่า จะต้องระมัดระวังด้านการเข้าประชิดนักกีฬาเท่านั้นเอง เร็วสุดอาจเป็นช่วงเปิดซีซันใหม่ เราอาจเห็นภาพแฟนๆ ตีตั๋วเข้าสนามอีกครั้ง เพียงแต่กีฬาประเภทไหนจะกล้าเริ่มก่อน เหมือนอย่าง บุนเดสลีกา เท่านั้นเอง