xs
xsm
sm
md
lg

ใครเล่าจะเยียวยา “เคเปอร์นิก” ฮีโร่ชาวผิวสี / MVP

เผยแพร่:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



คอลัมน์ Buzzer Beat โดย MVP

แฟนๆ อเมริกันฟุตบอล เอ็นเอฟแอล (NFL) แทบจะลืมชื่อ โคลิน เคเปอร์นิก อดีตควอเตอร์แบ็ก ซาน ฟรานซิสโก โฟร์ตีไนเนอร์ส ซึ่งว่างงานมานับตั้งแต่ริเริ่มธรรมเนียมคุกเข่า ขณะพิธีเคารพเพลงชาติ เพื่อต่อต้านกรณีคนผิวสีถูกกระทำรุนแรงเกินเหตุ จนต้องกลายเป็นฟรีเอเจนต์ตกงาน ปี 2017 บัดนี้ด้วยกระแสการเสียชีวิตของ จอร์จ ฟลอยด์ พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า สิ่งที่เขาพยายามเรียกร้องถูกต้องแล้ว

วงการกีฬาอาชีพของ สหรัฐอเมริกา เริ่มเปลี่ยนสี NFL เคยตั้งกฎแบนหรือปรับเงินผู้เล่น ข้อหาไม่ยอมยืนเคารพเพลงชาติ ตามเสียงของผู้นำสติแตก ตอนนั้นอาจเรียกได้ว่า เป็นยุคที่ใครๆ กำลังเห่อของใหม่ หรือเบื่อหน่ายสุนทรพจน์สวยๆ และต้องการคนที่มีบุคลิกเฉียบขาด ทว่าวัน-เวลาผ่านไป แนวทางบริหารทำให้คนบางกลุ่มเสื่อมศรัทธา แม้กระทั่ง ลีกคนชนคน ก็ก้มหน้ารับผิดที่ทำตามข้อเสนอ และหันมาจับมือผู้เล่นที่ต่อต้านเหยียดผิว

ผู้นำที่ดูเฮี้ยบกลับแฝงด้วยความบ้าคลั่ง พาประเทศเข้าสู่วิกฤติอย่าง โควิด-19 เริ่มจากส่งเครื่องบินรับชาวอเมริกัน ที่เมืองอู่ฮั่น กลับบ้าน แบบไม่มีการตรวจคัดกรอง เพียงเพื่อหวังผลทางการเมืองระหว่างประเทศ และปล่อยให้ประชาชนตาย สังเวยตัวเลขชี้วัดด้านเศรษฐกิจ รวมถึงการลุกฮือต่อต้านเหยียดผิวทั่วประเทศ แต่ทางออกเดียวของ ชาวอเมริกัน คือ ต้องอดทนต่อไป แล้วค่อยสั่งสอนด้วยผลเลือกตั้ง ช่วงปลายปี 2020

การประท้วงของ เคเปอร์นิก ซึ่งมีทั้งคนเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย นาทีนี้ทุกคนคล้อยตามกัน หากคุณลองชมคลิปของ จนท. เดเร็ก เชาวิน ตำรวจผิวขาว กดคอ ฟลอยด์ กระทั่งขาดอากาศหายใจตาย สามัญสำนึกคุณ ย่อมบอกว่า เจ้าหน้าที่ต้องโหดเหี้ยมอำมหิตแค่ไหน ถึงทรมานคนจนเสียชีวิตคาหน้าแข้ง แม้เหยื่อจะพยายามร้องขอชีวิต เหมือนกับคุณสามารถฆ่าคนด้วยมือเปล่า หากจิตใจมีความเป็นมนุษย์อยู่ คงจะทำไม่ได้แน่ๆ

นอกเหนือจากท่าที NFL ที่เริ่มผ่อนปรนเรื่องการคุกเข่า และแสดงจุดยืนหนักแน่นต่อต้านการกดขี่คนผิวสี ล่าสุด โรเจอร์ กูเดลล์ ประธานลีก ยังประกาศสนับสนุนแต่ละแฟรนไชส์ เซ็นสัญญา เคเปอร์นิก กลับมาขว้างบอล ซึ่งนั่นคือประเด็นที่บรรดาเพื่อนร่วมอาชีพ เชื่อว่า เป็นการบ่งบอกถึงความจริงใจ หาก NFL ต้องการรณรงค์ให้ยุติปัญหาเหยียดผิว

จริงๆ แล้ว เคเปอร์นิก ไม่ใช่ควอเตอร์แบ็กฝีมือกากๆ ช่วงพีกของเขาเคยพา โฟร์ตีไนเนอร์ส เข้ารอบชิงชนะเลิศ สาย เอ็นเอฟซี (NFC) 2 ปีติด และ ซูเปอร์โบว์ล 47 มาแล้ว ทว่าพอเริ่มเปลือยความคิดทางสังคม ทำให้เหล่าเจ้าของทีมมองข้าม ช่วงเปิดตลาดฟรีเอเจนต์ ปี 2017 เพราะกลัวตกเป็นประเด็นดราม่า เพราะช่วงนั้นผู้คนยังมองว่า การคุกเข่า คือ การเหยียดธงชาติ และหากดึงตัวร่วมทีม อาจแฝงความนัยว่า เจ้าของมีจุดยืนแบบเดียวกัน นำไปสู่ประเด็นดราม่าต่างๆ นานา มากกว่าถูกจับตาเรื่องผลงานบนสนาม

ตามบทวิเคราะห์ของสื่อ ทีมที่มีโอกาสเซ็นสัญญา เคเปอร์นิก แบบเด่นๆ คือ แอลเอ ชาร์เจอร์ส ซึ่งเหลือเพียง ไทร็อด เทย์เลอร์ สแตนด์บายตัวจริงแทน ฟิลิป ริเวอร์ส จอมเก๋าที่ย้ายไป อินเดียนาโปลิส โคลท์ส ส่วน จัสติน เฮอร์เบิร์ต รุกกีดราฟต์รอบแรก อาจต้องนั่งสำรอง เพื่อเรียนรู้สังเวียนระดับอาชีพ หากเสริมด้วย ผลผลิตจากมหาวิทยาลัยเนวาดา อีกสักคน หากเทียบชิ่อชั้นก็อาจมีลุ้นติด 11 คนแรกเลยทีเดียว

ขณะที่ เดนเวอร์ บรองโกส์ ก็เป็นตัวเลือกหนึ่งที่น่าจะเคลื่อนไหวบ้าง เนื่องจากยังไม่มีจอมทัพที่แฟนๆ สามารถฝากความหวังได้ นับตั้งแต่ เพย์ตัน แมนนิง รีไทร์ ทั้ง ดรูว์ ล็อค , เจฟฟ์ ดริสเกล หรือ เบร็ตต์ ไรเปียน ส่วนอ็อปชันอื่นๆ อย่าง มินเนโซตา ไวกิงส์ , ฟิลาเดลเฟีย อีเกิลส์ , แคนซัส ซิตี ชีฟส์ หรือ บัลติมอร์ เรฟเวนส์ ต่างลงตัวกับควอเตอร์แบ็คคนปัจจุบันอยู่แล้ว จะเหลือตำแหน่งว่างแก่ เคเปอร์นิก เพียงแค่สำรอง

การเห็น เคเปอร์นิก กลับสู่ NFL นั่นคือบรรทัดฐานที่ใครๆ เชื่อว่า กูเดลล์ มีนโยบายต่อต้านการเหยียดผิวอย่างแท้จริง เพราะหากคุณทอดทิ้งคนจุดประกายการต่อสู้ด้านสิทธิมนุษยชนตกงานอยู่ ย่อมเกิดข้อสงสัยว่า NFL ยังต้อนรับเขาอยู่หรือไม่ แต่ทางกลับกัน แฟนๆ ก็ต้องเผื่อใจไว้ว่า กูเดลล์ จะปรบมือข้างเดียวไม่ได้ ต้องมีสตาฟฟ์โค้ช , ผู้จัดการทั่วไป และเจ้าของทีม ร่วมมือด้วย


กำลังโหลดความคิดเห็น