xs
xsm
sm
md
lg

คลายล็อคสนามกอล์ฟ หากพร้อมเปิดได้ 3 พ.ค.

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



ศบค.เผย 6 กลุ่มกิจการ/กิจกรรม ผ่อนปรนให้เปิดได้ ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. คือ ตลาด ร้านขายอาหาร (นอกห้าง) กิจการค้าปลีกส่ง กีฬา/สันทนาการ ร้านตัดผมเสริมสวย และอื่นๆ ซึ่งรวมถึงสนามกอล์ฟ ย้ำจะออกคู่มือมาตรฐานกลางให้ดำเนินการเหมือนกัน และมาตรการเสริมสำหรับแต่ละกิจการ เตรียมประเมิน 14 วัน หากทำได้ดี จ่อขยายเพิ่ม หากตัวเลขป่วยเพิ่มขึ้นจะกลับมาตึงเหมือนเดิม

วันนี้ (30 เม.ย.) นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวว่า วันที่ 30 เม.ย.เป็นวันสิ้นสุดของประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในช่วงแรก และมีการประกาศต่อออกไปถึงวันที่ 31 พ.ค. 2563 ซึ่งตอนแรกเราตรึงและตึงไว้ก่อน ถึงความเข้มมาตรการต่างๆ ซึ่งยาวมาแล้ว 1 เดือน แต่การตรึง พ.ร.ก.ฉุกเฉินต้องยาวถึงวันที่ 31 พ.ค.แน่นอน แต่ความตึงอันเดิมที่มีมาตรการกิจการทั้งหลายต้องหย่อนลงมาบ้าง ให้สอดคล้องสถานการณ์ติดเชื้อ หากผ่อนมากเกินไป การติดเชื้อจะกลับมาเหมือนเดิม เหมือนประเทศอื่นที่ต้องกลับมาตึงเหมือนเดิม

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า มาตรการผ่อนปรน ศบค.จะกำหนดให้มีมาตรฐานกลางของแต่ละกิจการ/กิจกรรม โดยกิจการคือเป็นเรื่องของผู้ประกอบการ ส่วนกิจกรรมเป็นเรื่องของรายบุคคล เช่น จะไปออกกำลังที่สวนสาธารณะ เป็นต้น ให้ทุกพื้นที่ให้ยึดปฏิบัติ และให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครและผู้ว่าราชการจังหวัดกำหนดรายละเอียดต่อไป ทั้งนี้การกำหนดมาตรฐานนั้น คำนึงถึงปัจจัยด้านสาธารณสุขเป็นหลัก นำปัจจัยด้านสังคมและเศรษฐกิจมาประกอบการพิจารณา โดยยึดถือแนวทางปฏิบัติด้านสาธารณสุขเพื่อการจัดการภาวะระบาดของโรคโควิด-19 ในข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 1) ข้อ 11 เช่น ทำความสะอาดพื้นผิวสถานที่เกี่ยวข้องก่อนและหลังทำกิจกรรม การกำจัดมูลฝอย ใส่หน้ากากผ้าอยู่เสมอ ผู้ใช้ผู้ให้บริการ การล้างมือ ระยะนั่งหรือยืน 1 เมตร ก็ต้องปรับใช้หากเปิดกิจการ

สำหรับกลุ่มกิจการ/กิจกรรมที่จะผ่อนปรนให้ดำเนินการได้ มี 6 กลุ่มกิจกรรมกิจการ ได้แก่ 1. ตลาด คือ ตลาดสด ตลาดนัด ตลาดน้ำ ตลาดชุมชน ถนนคนเดิน แผงลอย 2. ร้านจำหน่ายอาหาร คือ ร้านอาหารทั่วไปๆ ไม่เกิน 2 คูหา ร้านเครื่องดื่ม ขนมหวาน ไอศกรีม (นอกห้าง) ร้านอาหารริมทาง รถเข็น หาบเร่ 3. กิจการค้าปลีกส่ง คือ ซูเปอร์มาร์เกต ร้านสะดวกซื้อ บริเวณพื้นที่นั่งยืน รับประทาน รถเร่ หรือรถวิ่งขายสินค้าอุปโภคบริโภค ร้านค้าปลีกขนาดย่อม ร้านค้าปลีกชุมชน ร้านค้าปลีกธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคม 4. กีฬาและสันทนาการ คือ กิจกรรมในสวนสาธารณะ ได้แก่ เดิน รำไทเท๊ก เป็นต้น สนามกีฬากลางแจ้ง ที่เป็นการออกกำลังกายโดยไม่ได้เล่นเป็นทีมและมีการแข่งขัน ได้แก่ เทนนิส ยิงปืน ยิงธนู จักรยาน กอล์ฟและสนามซ้อม 5. กลุ่มร้านตัดผมเสริมสวย คือ เฉพาะตัด สระ ไดร์ผม 6. อื่นๆ เช่น ร้านตัดขนสัตว์ ร้านรับฝากเลี้ยงสัตว์

“รายละเอียดปลีกย่อยจะมีประเด็นต่างๆ จะมีการนำเสนอต่อประชาชนว่าแต่ละเรื่องแต่ละกลุ่มกิจการ จะมีมาตรการควบคุมหลัก คือ ถอดมาจากข้อ 11 ของฉบับที่ 1 ที่ออกมา ส่วนมาตรการเสริมจะเชื่อมโยง ปรับไปตามสถานการณ์แต่ละที่ คงต้องใช้เวลาพอสมควรในการลงรายละเอียด ซึ่งจะมีชุดข้อมูลส่งไปถึงทุกจังหวัดว่าแต่ละหน่วยกิจการกิจกรรมต้องทำอย่างไร การที่ต้องมีมาตรฐานเพื่อปกป้องคุ้มครองทั้งสองฝ่าย คือ ผู้ให้บริการ ผู้รับบริการ ไม่ให้มีการติดเชื้อ หากเห็นด้วยเรื่องเหล่านี้ในการผ่อนคลาย ก็ขอให้ความร่วมมือ เอามาศึกษาละปรับปฏิบัติกันไป” นพ.ทวีศิลป์ กล่าว

นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่า การเริ่มดำเนินการนั้น หากมีความพร้อมก็อาจเริ่มวันที่ 3 พ.ค.นี้ได้ หากปรับตัวได้เร็ว และใช้ช่วงเวลา 14 วันจากนี้ไป ติดตามประเมินผลตลอดเวลา ถ้ามีตัวเลขการคงที่ติดเชื้อไปเรื่อยๆ แสดงว่า ให้ความร่วมมืออย่างดี รู้วิธีจัดการตัวเอง ก็จะเลื่อนลำดับกิจการกิจกรรมที่ผ่อนคลายมากขึ้นได้มากกว่านี้ ถ้า 14 วันตัวเลขสถานการณ์มันเพิ่มขึ้น 2 หลัก 3 หลักต้องยอมรับว่าต้องถอยหลังกลับมาในการตรึงและตึงของชุดกิจการ/กิจกรรมต้องถูกทบทวนใหม่ทั้งหมด เราพยายามเดินไปด้วยกัน ตามที่นายกฯ แจ้งเอาไว้ สิ่งที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ภาครัฐ เอกชน แต่ทุกคนมีส่วนร่วมกันทั้งหมด ตามหลักการต้องร่วมมือให้มากกว่า 90% ถึงคุมโรคได้ขนาดนี้


กำลังโหลดความคิดเห็น