เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2563 ณ ห้องเพชรชมพู โรงแรมดิ เอมเมอรัล รัชดา "บิ๊กอ๊อด" พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ นำทัพเปิดตัวคณะทำงานสภากรรมการ และอุปนายกฯ ในการลงสมัครชิงตำแหน่งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ สมัยที่ 2 ของตัวเอง
"ผมขอแถลงหรือประกาศตัวที่จะลงสมัครเลือกตั้งนายกฯ ฟุตบอลไทย อีกครั้งหนึ่ง รวมไปถึงอุปนายกอีก 5 ท่าน และกรรมการกลาง อีก 13 ท่าน ที่จะได้ประกาศให้ท่านทั้งหมดทราบ"
"เหตุผลที่ทำให้ตัวผมเองลงเลือกตั้งอีกครั้ง สิ่งแรกเกิดจากเสียงเรียกร้องและแรงสนับสนุนจากสโมสรสมาชิกจากไทยลีก 1-4 ทุกท่านล้วนแล้วแต่มีส่วนเกี่ยวข้องกับฟุตบอลของประเทศไทย เป็นไปไม่ได้เลยที่ผมจะลงสมัครแล้วปราศจากทุกเสียงเหล่านี้ การที่ผมจะก้าวขึ้นไปนั่งตำแหน่งนายกสมาคมฯ อีกครั้ง ก็อยู่ที่ตัวท่าน ก็บอขอบคุณทุกท่านที่ยังไว้ใจแบะสนับสนุนในตัวผม"
"สิ่งที่สองคือความต่อเนื่องในการพัฒนาวงการฟุตบอบให้เป็นไปตามแผนพัฒนา 20 ปีของสมาคม ปีแรกผมเข้ามาปัดกวาดและสร้างในสิ่งที่ขาดตกบกพร่อง และครั้งนี้ผมจะสานต่องานที่ทำอยู่ ตามสโลแกน Moving Forward เราเชื่อว่าการพัฒนาอย่างยั่งยืนตามแผนที่เราเขียนไว้ มันเป็นเรื่องที่ดี ตลอด 100 ปีที่ผ่านมา สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ เพิ่งจะเคยมีการวางแผนระยะยาวแบบนี้"
"สิ่งที่สาม ส.ฟุตบอล ตั้งมา 100 ปี แต่บ้านเรายังไม่เคยมีศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ ที่ครบวงจรและสมบูรณ์แบบ ประเทศอื่นๆเขามีก่อนเรามานานแล้ว ไม่เว้นแม้แต่เพื่อนบ้านอย่าง เวียดนาม มีก่อนหน้าเราเป็น 10 ปี, กัมพูชามีแล้ว, พม่า มี 2 แห่ง, มาเลเซีย, สิงคโปร์ อีกชาติละ 1 แห่ง โดย ญี่ปุ่น มี 4 แห่ง, เกาหลีใต้ 5 แห่ง จีนอีก 10 แห่ง นี่คือความสำคัญ และความต่อเนื่องที่ผมอยากจะทำมันต่อ ซึ่งเราได้ดีลกับคิงเพาเวอร์ มูลค่า 500 ล้านบาท ในการสร้างศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งชาติ มีโมเดลจากสโมสรเลสเตอร์ ซิตี้ ตลอดระยะเวลาที่ผมยังอยู่ โครงการนี้จะเกิดขึ้นและสำเร็จอย่างแน่นอน ซึ่งใน MOU ที่เซ็นกับคิงเพาเวอร์ ระบุชัดเจนว่าโครงการนี่จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อผมดำรงตำแหน่งนายกสมาคมฯ อีก 4 ปี แต่ถ้าผมไม่ได้นั่งต่อ โครงการนี้ก็ต้องยุติลงไป"
"ศูนย์ฝึกฟุตบอลแห่งนี้ จะให้ความสะดวกแก่ฟุตบอลทีมชาติไทย รวมไปถึงคนภายนอกก็สามารถจับจองไปใช้ได้ รวมไปถึงสโมสรต่างๆที่อยากต้องการอุ่นเครื่องด้วนสนามที่ครบครันกับทีมต่างประเทศ ก็สามารถมาลงชื่อกับสมาคมฯ และใช้งานได้"
"เรื่องที่สี่ สมาคมฯ มีคดีความ มีคดีฟ้องร้องกับบุคคล หรือนิติบุคคลในหลายๆคดี เพราะฉะนั้นถ้ามีการเปลี่ยนแปลงตัวนายกสมาคมฯ อาจทำให้คดีนั้นๆเปลี่ยนได้ ซึ่งจะส่งผบกระทบต่อตัวสมาคมฯ เอง รวมถึงสโมสรสมาชิกอื่นๆด้วย ซึ่งข้อนี้ถือว่ามีความสำคัญมากๆ ถ้าเกิดมีการเปลี่ยนแปลง อาจส่งผลเสียหายหลายอย่าง ก็อยากจะให้นำไปคิดไตร่ตรองกันว่าเป็นอย่างไร"
"ผมและคณะการทำงานทุกคนมีวิสัยทัศน์ไปในทิศทางเดียวกัน เป้าหมายในการทำงานของเรานั้นลงชัดเจน แน่นอนว่าคือการพัฒนางงการฟุตบอลไทยให้เติบโตขั้นไปอีก ผมต้องการทำให้ทีมชาติไทยทำฟีฟ่าแรงกิ้งไปอยู่เลข 2 ตัวให้ได้ นี่คือหนึ่งในความมุ่งมั่นของเรา"
"การพัฒนาระดับเยาวชน หรือยูธลีก ต้องเกิดขึ้นจริง และเป็นระบบแบบแผน ต้องไม่มีการทับซ้อนระหว่างหน่วยงาน ไม่ว่าจะเป็นการกีฬาฯ หรือกรมพลศึกษา, โค้ก คัพ, คิง เพาเวอร์ คัพ ฯลฯ ทุกสิ่งนี้สมาคมฯ จะสังคายนาเสียใหม่ ก่อนหน้านี้เมื่อมีรายการทับซ้อม ย่อมส่งผลต่อทีมชาติระดับเยาวชน ผมก็ได้วิฃวอนให้คุณอรรณพ สิงห์โตทอง ที่เชี่ยวชาญในเรื่องนี้ให้เข้ามาดูแลอย่างเต็มตัว เพื่อทำให้ยูธลีกนั้นมีความสมดุลมากที่สุด นอกจากนี่เราจะค่อยๆปรับโครงสร้างฟุตบอลลีกบ้านเราในทุกๆระดับ ให้มีโปรแกรมที่ชัดเจน และตอบสนองแฟนฟุตบอลมากกว่าเดิม"
"สำหรับเรื่องเงินรางวัล ตอนนี้เรามีการเปลี่ยนแปลงผู้ดูแลสิทธิประโยชน์เรื่องถ่ายทอดสด ซึ่งอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย เรากำลังพยายามต่อรองให้เหมาะสมที่สุด อย่างที่เคยบอกไปว่าตอนนี้กำลังตัดสินใจอยู่ 2 บริษัท ตอนนี้เรากำลังพยายามต่อรองเรื่องเม็ดเงินที่เขาจะเข้ามาลงทุน เพื่อให้ได้ไปเพิ่มในส่วนของเงินรางวัล และเป็นเงินที่จะมอบให้แก่สโมสรสมาชิกในทุกๆลีก"
"เท่าที่ทราบมาตอนนี้มีสโมสรสมาชิกกว่า 50 สโมสร ที่ให้การสนับสนุนผมในครั้งนี้ ผมต้องขอขอบคุณสโมสรเหล่านี้มากๆ บางท่านเดินทางมาในวันนี้ด้วย และบางท่านติดภารกิจไม่ได้มา นอกจากนี้ยังมีบางสโมสรที่ยังอยู่ในความลังเล แต่ผมก็พร้อมที่จะเปิดรับสโมสรอื่นๆ ที่ยังไม่ตัดสินใจ ผมไม่ถือว่าคนอื่นๆเป็นคู่แข่ง แต่ทุกๆคนทุกๆสโมสร คือเจ้าของสมาคมฯ อย่างแท้จริง พวกเราแค่เข้ามาช่วยขับเคลื่อนให้ทุกๆอย่างเดินหน้าไปด้วยดี" พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กล่าว
ทั้งนี้ สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ เปิดรับสมัครผู้ที่จะลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งนายกสมาคมฯ ระหว่างวันที่ 7-10 มกราคมนี้ ที่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ก่อนจะมีการเลือกตั้งอย่างเป็นทางการในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2563
การเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ จะมีสโมสรสมาชิกที่สามารถลงคะแนนได้ทั้งหมด 69 เสียง ประกอบด้วย สโมสรไทยลีก 1 จำนวน 16 ทีม, สโมสรไทยลีก 2 จำนวน 18 ทีม, อันดับ 1-7 จากไทยลีก3 โซนเหนือและโซนใต้ รวม 14 ทีม, อันดับ 1-3 จากการแข่งขันไทยลีก4 ทั้ง 6 โซน รวมเป็น 18 ทีม, แชมป์อเมเจอร์ลีก (ไทยลีก5) 1 ทีม, แชมป์กับรองแชมป์ฟุตบอลลีกหญิง 2 ทีม
รายชื่ออุปนายกฯ และสภากรรมการ ทั้งหมด ประกอบไปด้วย
1.พล.ต.อ.ดร.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฯ
2.นายอรรณพ สิงห์โตทอง อุปนายก
3.นายศุภสิน ลีลาฤทธิ์ อุปนายก
4.นางลัขณานันท์ ลักษมีธนานันต์ อุปนายก
5.นางสาวศิริมา พานิชชีวะ อุปนายก
6.นายอดิศักดิ์ เบญจศิริวรรณ อุปนายก
7.นายยุทธนา หยิมการุณ กรรมการกลาง
8.พลเรือตรี นิกูล อินทรสุวรรณ กรรมการกลาง
9.นายธวัช อุยสุย กรรมการกลาง
10.นายมิตติ ติยะไพรัช กรรมการกลาง
11.นายทรงเกียรติ ลิ้มอรุณรักษ์ กรรมการกลาง
12.นายสมเกียรติ กิตติธรกุล กรรมการกลาง
13.รศ.ดร.วิชิต คนึงสุขเกษม กรรมการกลาง
14.นายธนวัชร์ นิติกาญจนา กรรมการกลาง
15.นางสาวนันทนี วงศ์อำนิษฐกุล กรรมการกลาง
16.นายอนุสรณ์ วงศ์วรรณ กรรมการกลาง
17.นายณัฐ ชยุติมันต์ กรรมการกลาง
18.นายพาณุวัฒณ์ สะสมทรัพย์ กรรมการกลาง
19.นายบริพัฒน์ สมมี กรรมการกลาง