ศึก ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่มนัดที่ 5 ผ่านพ้นไปแล้วเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา เราจึงได้ทำการสรุปสถานการณ์ของทั้ง 8 กลุ่มมาฝากกัน รวมถึงเงื่อนไข เพราะหมายถึงโอกาสที่ด่านต่อไปจะพบคู่แข่งเขี้ยวลากดินแค่ไหนด้วย โดยจากนี้เหลือโปรแกรมแค่นัดเดียวก็จะได้ 16 ทีมผ่านเข้าสู่รอบน็อคเอาต์ไปดวลกันแบบเหย้า-เยือนช่วงปีหน้า
กลุ่ม เอ - ปารีส แซงต์-แชร์กแมง กับ อาร์เซนอล ตีตั๋วรอบน็อกเอาต์เรียบร้อย มี 11 แต้มเท่ากัน ทว่า เปแอสเช กุมความได้เปรียบเฮด-ทู-เฮด ดีกว่า จากอเวย์โกล์ที่บุกไปยิงได้มากกว่ายังถิ่น เอมิเรตส์ สเตเดียม คือ เสมอกัน 2-2 หมายความว่า นัดสุดท้ายถ้าเปิดบ้านชนะ ลูโดโกเรตส์ ราซกราด ก็จะได้แชมป์กลุ่มทันที ขณะที่ “ปืนโต” จะบุกไปเยือน เอฟซี บาเซิล พร้อมหวังว่าโชคจะเข้าข้างตนเองให้มีผลการแข่งขันดีกว่าคู่แข่ง ส่วนโควตา ยูโรปา ลีก ก็ยังต้องลุ้นต่อเช่นกัน เนื่องจากตอนนี้อีก 2 ทีมที่เหลือมี 2 แต้มเท่ากัน ซึ่งเป็นทีมจากบัลแกเรียที่กุมเฮด-ทู-เฮด ดีกว่า
กลุ่ม บี - นัดสุดท้ายสุดระทึก เพราะมี 3 ทีมลุ้นเข้ารอบ เบนฟิกา กับ นาโปลี ที่นำอยู่ด้วยการมี 8 แต้มเท่ากัน จะพบกันเองที่ เอสตาดิโอ ดา ลุซ กรุงลิสบอน โดยทีมจากอิตาลีต้องการผลเสมอเท่านั้น จะได้แชมป์กลุ่ม ส่วนเจ้าถิ่นต้องชนะสถานเดียว แต่ที่น่าเป็นคือเจ้าถิ่นถ้าแพ้คาบ้านมีสิทธิ์ตกรอบ เนื่องจากอีกคู่ เบซิกตัส ที่มี 7 แต้ม มีโอกาสสูงที่จะบุกชนะ ดินาโม เคียฟ ที่ฟอร์มย่ำแย่มี 2 แต้มตกรอบไปแต่หัววันแล้ว ดังนั้น สถานการณ์อาจจะพลิกผันทุกเมื่อทุกทีมมีโอกาสคว้าแชมป์กลุ่มและตกรอบพอๆ กัน
กลุ่ม ซี - กลุ่มนี้ไม่มีอะไรต้องลุ้น เพราะทันทีที่ บาร์เซโลนา บุกชนะ กลาสโกว์ เซลติก 2-0 ก็ได้แชมป์สายด้วยการมี 12 แต้ม ขณะที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี 8 แต้ม เข้ารอบในฐานะอันดับ 2 โบรุสเซีย มึนเชนกลัดบัค 5 แต้มไปลุย ยูโรปา ลีก เป็นรางวัลปลอบใจ ด้านยอดทีมจากสกอตแลนด์ของกุนซือ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส มีแค่ 2 แต้ม
กลุ่ม ดี - แทบไม่เหลือลุ้นแล้ว แอตเลติโก มาดริด ฟอร์มไฉไลชนะ 5 นัดรวด มี 15 แต้มเต็ม ได้แชมป์กลุ่ม ส่วน บาเยิร์น มิวนิก ที่เข้ารอบตัดเชือก 3 ปีหลังสุดพลิกล็อกบุกแพ้ รอสตอฟ 2-3 จึงมี 9 แต้ม คว้าอันดับ 2 อย่างไรก็ตาม ยังมีลุ้นคือการชิงที่ 3 ไป ยูโรปา ลีก โดยจะต้องมาเจอกันเองด้วย พีเอสวี ไอนด์โฮเฟน 1 แต้ม จะเปิดบ้านรับทีมจากรัสเซียที่มี 4 แต้ม เจ้าถิ่นจำต้องชนะสถานการณ์เดียวแล้วคว้าตั๋วเพราะเฮด-ทู-เฮดที่ดีกว่า
กลุ่ม อี - ปิดฉากแล้วเมื่อ โมนาโก ได้แชมป์กลุ่มด้วยการมี 11 แต้ม ขณะที่ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซน เข้ารอบในฐานะอันดับ 2 ด้วยการมี 7 แต้ม ด้าน ท็อตแนม ฮอตสเปอร์ ถือว่าน่าเสียดาย เพราะสถานการณ์ตอนนี้ คือ เฮด-ทู-เฮด สู้ “ห้างขายยา” ไม่ได้ โดย “ไก่เดือยทอง” มีอยู่ 4 แต้มนัดสุดท้ายจะเดิมพันตั๋ว ยูโรปา ลีก ด้วยการเปิดรัง ไวท์ ฮาร์ท เลน รับมือ ซีเอสเคเอ มอสโก ที่มี 3 แต้ม
กลุ่ม เอฟ - โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ นำอยู่ด้วยการมี 13 แต้ม แต่นัดสุดท้ายจะเดิมพันแชมป์กลุ่มด้วยการไปเยือน รีล มาดริด ที่มี 11 แต้ม โดยทั้ง 2 ทีมนั้นเข้ารอบน็อกเอาต์ไปแล้ว ส่วนนัดแรกที่เจอกัน ณ ซิกแนล อีดูนา ปาร์ก ประเทศเยอรมนี เสมอกัน 2-2 ส่วนตั๋ว ยูโรปา ลีก สปอร์ติง ลิสบอน ที่มี 3 แต้ม จะไปเยือน ลีเกีย วอร์ซอว์ ที่มี 1 แต้ม ถ้าไม่แพ้ก็ได้รางวัลปลอบใจไป
กลุ่ม จี - เลสเตอร์ ซิตี แชมป์ พรีเมียร์ ลีก สุดเซอร์ไพรส์จากอังกฤษฟอร์มเยี่ยมไม่แพ้ใคร 5 นัด มี 13 แต้มได้แชมป์กลุ่ม แต่ว่านัดสุดท้ายนั้นจะผ่อนไม่ได้ เพราะมีผลกับคู่อื่น โดยจะไปเยือน เอฟซี ปอร์โต ที่มี 8 แต้ม ซึ่งเจ้าถิ่นต้องการชนะสถานเดียวเพื่อคว้าอันดับ 2 เพราะเฮด-ทู-เฮดเป็นรอง เอฟซี โคเปนเฮเกน ที่มี 6 แต้ม ซึ่งจะต้องไปเยือน คลับ บรูจ ที่แพ้รวด
กลุ่ม เอช - ยูเวนตุส ที่ตอนนี้นำอยู่ด้วยการมี 11 แต้ม จะเข้ารอบในฐานะแชมป์กลุ่มหากนัดสุดท้ายเปิดบ้านชนะ ดินาโม ซาเกร็บ ที่แพ้รวดยิงใครไม่ได้เลยเสีย 13 ประตู ซึ่งดูฟอร์มแล้วมีความเป็นไปได้สูงมาก ส่วน เซบีญา ที่มี 10 แต้ม ก็น่าจะทำใจอยู่แล้ว โดยนัดสุดท้ายขอผลเสมอในการไปเยือน โอลิมปิก ลียง ที่มี 7 แต้ม อย่างไรก็ตาม ยอดทีมของสเปนมีโอกาสได้แชมป์กลุ่มถ้าชนะแล้ว “ม้าลาย” พลิกล็อกวืดคว้าชัย ส่วนทีมดังของฝรั่งเศสต้องชนะด้วยผล 2 ประตู เพื่อเข้ารอบ เพราะเฮด-ทู-เฮด นัดแรกบุกพ่าย 0-1
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *