xs
xsm
sm
md
lg

งามหน้า? “อิศรา” แฉยับ “อบจ.บุรีรัมย์” เบิกงบ 60 ล้าน ขนกองเชียร์ 3 ปี 98 ครั้ง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: MGR Online


สำนักข่าวอิศรา ออกมาแฉข้อมูล “อบจ.บุรีรัมย์” ใช้งบสมาคมกีฬาจังหวัด 60 ล้านบาท ขนกองเชียร์ 3 ปี รวม 98 ครั้ง ก่อนโดน สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน เรียกคืนกลับทั้งหมด

ทั้งนี้ เนื้อความจาก สำนักข่าวอิศรา www.isrnews.org ระบุว่า

จากกรณี นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ออกมาระบุว่า สตง. ได้สั่งการให้ นางกรุณา ชิดชอบ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) บุรีรัมย์ คืนเงินจำนวน 60 ล้านบาท ที่ อบจ.บุรีรัมย์ เบิกจ่ายให้สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการให้ประชาชนร่วมชมและเชียร์ฟุตบอลทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เดินทางไปแข่งขันตามจังหวัดต่าง ๆ ซึ่ง สตง. ตรวจสอบพบว่าเป็นการใช้จ่ายเงินที่ผิดหลักเกณฑ์ นั้น

ล่าสุด สำนักข่าวอิศรา www.isrnews.org ตรวจสอบข้อมูล เงินจำนวน 60 ล้านบาท ที่ สตง. ตรวจสอบพบว่า อบจ.บุรีรัมย์ เบิกจ่ายให้สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์เพื่อนำไปใช้เป็นค่าใช้จ่ายในการให้ประชาชนร่วมชมและเชียร์ฟุตบอลทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เดินทางไปแข่งขันตามจังหวัดต่าง ๆ แบ่งออกเป็น 3 ก้อนหลัก โดยมีรายละเอียดผลการตรวจสอบดังต่อไปนี้

ก้อนแรก เบิกจ่ายจำนวน 3 ครั้ง ณ วันที่ 4 ต.ค. 2553 จำนวน 5 ล้านบาท, ณ วันที่ 24 พ.ย. 2553 จำนวน 5 ล้านบาท, ณ วันที่ 24 ก.พ. 2554 จำนวน 10 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 20 ล้านบาท

โดย สตง. ตรวจสอบพบว่า การเบิกจ่ายเงินทั้ง 3 ครั้ง มาจากเงินอุดหนุนประจำปีงบประมาณ 2554 ผ่านโครงการส่งเสริมและพัฒนากีฬาสู่ความเป็นเลิศ ให้กับ สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งตามวัตถุประสงค์โครงการเพื่อให้การศึกษาแก่เด็ก เยาวชน ประชาชน และบุคคลากรกีฬา ได้เดินทางไปศึกษาดูงานเพิ่มพูน ความรู้ และประสบการณ์เกี่ยวกับการแข่งขันกีฬาฟุตบอล หรือกีฬาประเภทต่าง ๆ ภายในประเทศ หรือจังหวัดต่าง ๆ เพื่อพัฒนาเป็นนักกีฬาอาชีพในอนาคต และเพื่อส่งเสริมพัฒนามาตรฐานกีฬาฟุตบอลและกีฬาประเภทต่าง ๆ ของจังหวัดบุรีรัมย์ให้สูงขึ้น

จากการตรวจสอบพบว่า สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ นำเงินอุดหนุนที่ได้รับไปจ่ายเป็นค่าพาหนะ โดยการจ้างเหมารถยนต์ เพื่อชมและเชียร์ฟุตบอลทีมบุรีรัมย์ เอฟซี และ ทีมบุรีรัมย์ PEA ซึ่งเข้าแข่งขันรายการต่าง ๆ รวม 47 ครั้ง เป็นเงิน 19,735,500 บาท ส่วนที่เหลือจำนวน 264,500 บาท สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ส่งคืน อบจ.บุรีรัมย์ แล้ว

สตง.บุรีรัมย์ พิจารณาแล้วเห็นว่า กิจกรรมโดยการนำเด็ก เยาวชน ประชาชน และบุคลากรกีฬา ไปชมและเชียร์การแข่งขันฟุตบอลอาชีพดังกล่าว ไม่ได้เป็นการศึกษา หรือการเพิ่มพูนความรู้เพื่อเป็นการส่งเสริมและพัฒนากีฬาสู่ความเป็นเลิศแต่อย่างใด และไม่ใช่ภารกิจที่อยู่ในอำนาจหน้าที่ของ อบจ.บุรีรัมย์ ตาม พ.ร.บ. องค์การบริหารส่วนจังหวัด พ.ศ. 2540 มาตรา 45 ซึ่งไม่ได้กำหนดอำนาจหน้าที่ให้ อบจ. มีอำนาจหน้าที่ส่งเสริมการกีฬา แม้มาตรา 17 (18) แห่ง พ.ร.บ. กำหนดแผนและขั้นตอนการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. พ.ศ. 2542 จะกำหนดให้ อบจ. มีอำนาจและหน้าที่ในการจัดระบบบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่น ของตนเอง ในการส่งเสริมการกีฬาไว้ แต่การนำเด็ก เยาวชน ประชาชน และบุคลากรกีฬา ไปชมและเชียร์การแข่งขันฟุตบอล ไม่ถือว่าเป็นการดูแล และจัดทำการบริการสาธารณะเพื่อประโยชน์ของประชาชนในท้องถิ่น ตามที่กฎหมายกำหนด

นอกจากนี้ การให้การสนับสนุนแก่ประชาคม องค์กรประชาชน ตามประกาศคณะกรรมการการกระจายอำนาจให้แก่ อปท. เรื่องกำหนดอำนาจและหน้าที่ ในการจัดระบบบริการสาธารณะของ อบจ. ลงวันที่ 13 ส.ค. 2546 และ ลงวันที่ 23 พ.ย. 2552 ควรเป็นไปในลักษณะของการส่งเสริมความสามารถดำเนินการ โดยใช้ศักยภาพของตนเองในการบริหารจัดการในลักษณะของการร่วมคิด ร่วมทำ ร่วมรับผลประโยชน์

ดังนั้น การอุดหนุนสมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ ตามโครงการดังกล่าวจึงไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์การตั้งงบประมาณหมวดเงินอุดหนุนตามหนังสือกระทรวงมหาดไทย ด่วนมาก ที่ มท 0808.2/ว 74 ลงวันที่ 8 ม.ค. 2553

สตง. เห็นควรให้เรียกเงินที่ไม่ถูกต้องจำนวน 19,992,000 บาท ส่งคืน อบจ.บุรีรัมย์ โดยเร็ว หากไม่สามารถเรียกเงินคืนได้ให้หาผู้รับผิดชอบชดใช้ และกำชับให้เจ้าหน้าที่ ผู้รับผิดชอบระมัดระวังในการเบิกจ่ายเงินหรือก่อหนี้ผูกพันได้แต่เฉพาะที่ กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือหนังสือสั่งการที่กระทรวงมหาดไทยกำหนดโดยเคร่งครัด

เบื้องต้น สตง.บุรีรัมย์ ได้ส่งหนังสือแจ้งถึง นางกรุณา ชิดชอบ นายก อบจ.บุรีรัมย์ เป็นทางการเมื่อวันที่ 6 มี.ค. 2556

ก้อนสอง เบิกจ่ายจำนวน 2 ครั้ง ณ วันที่ 25 ต.ค. 2554 จำนวน 10 ล้านบาท , ณ วันที่ 14 พ.ค. 2555 จำนวน 10 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 20 ล้านบาท

โดย สตง. ตรวจสอบพบว่า การเบิกจ่ายเงิน 2 ครั้ง มาจากเงินอุดหนุนโครงการส่งเสริมและพัฒนากีฬาสู่ความเป็นเลิศ ปีงบประมาณ 2555 จากการตรวจสอบพบว่า สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ ได้นำเงินอุดหนุนที่ได้รับไปจ่ายเป็นค่าพาหนะ ในการจ้างเหมารถยนต์ เพื่อศึกษาดูงานเกี่ยวกับการแข่งขันกีฬาฟุตบอลตามจังหวัดต่าง ๆ รวม 35 ครั้ง เป็นเงินจำนวน 19,992,000 บาท ส่วนที่เหลืออีกจำนวน 8,000 บาท มีการส่งคืนให้ อบจ.บุรีรัมย์ แล้ว

ทั้งนี้ สตง. ได้สั่งให้มีการเรียกเงินที่เบิกจ่ายไม่ถูกต้องจำนวน 19,992,000 บาท ส่งคืน อบจ.บุรีรัมย์ โดยเร็ว หากไม่สามารถเรียกคืนได้ ให้หาตัวผู้รับผิดชอบชดใช้ และกำชับให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบระมัดระวังในการเบิกจ่ายเงินหรือ ก่อหนี้ผูกพันได้แต่เฉพาะที่กฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือหนังสือสั่งการที่กระทรวงมหาดไทยกำหนดโดยเคร่งครัด

เบื้องต้น สตง.บุรีรัมย์ ได้ส่งหนังสือแจ้งถึง ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นทางการเมื่อวันที่ 27 พ.ย. 2556

ก้อนสาม เบิกจ่ายเงินงบประมาณตามฎีกาที่ 137/2556 ลงวันที่ 2 พ.ย. 2555 จำนวน 20 ล้านบาท เพื่ออุดหนุนให้สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ ตามโครงการส่งเสริมและพัฒนากีฬาสู่ความเป็นเลิศ

โดย สตง. ตรวจสอบพบว่า สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ นำเงินอุดหนุนที่ได้รับไปใช้จ่ายเป็นค่าอาหาร ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าป้ายประชาสัมพันธ์ และค่าพาหนะในการจ้างเหมารถยนต์ เพื่อนำเด็ก เยาวชน ประชาชน และบุคลากรกีฬา เดินทางไปชมและเชียร์ฟุตบอล ทีม บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่เข้าแข่งขัน ตามจังหวัดต่าง ๆ รวม 16 ครั้ง ๆ ละประมาณ 500 - 4,950 คน เป็นเงิน 20 ล้านบาท

ทั้งนี้ สตง. ได้สั่งการให้มีแต่งตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง และหาผู้รับผิดชดใช้ค่าเสียหาย จำนวน 20 ล้านบาท รวมทั้งดำเนินการตามควรแก่กรณีกับผู้ที่มีส่วนร่วมทำให้เกิดความเสียหายดังกล่าว พร้อมทั้งกำชับให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบระมัดระวัง รอบคอบและถือปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ ข้อบังคับ หรือหนังสือสั่งการที่กระทรวงมหาดไทยกำหนดโดยเคร่งครัดต่อไป

เบื้องต้น สตง.บุรีรัมย์ ได้ส่งหนังสือแจ้งถึง ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นทางการเมื่อวันที่ 30 ก.ย. 2558

และมีการระบุข้อมูลว่า สตง.บุรีรัมย์ เคยทักท้วง อบจ.บุรีรัมย์ กรณีการเบิกจ่ายเงินงบประมาณปีละ 20 ล้านบาท เพื่ออุดหนุนสมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ ตามโครงการส่งเสริมและพัฒนาการกีฬา สู่ความเป็นเลิศ ตั้งแต่ปีงบประมาณ 2554 เป็นต้นมา แต่ อบจ.บุรีรัมย์ ยังคงตั้งงบประมาณ และเบิกจ่ายเงินให้สมาคมกีฬาจังหวัดบุรีรัมย์ ตามโครงการดังกล่าวเช่นเดิม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ เป็นที่น่าสังเกตว่า ก่อนหน้านี้ นายอนุสรณ์ นาคาศัย นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท อําเภอเมือง จังหวัดชัยนาท “น้องชาย” นายอนุชา นาคาศัย อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดชัยนาท พรรคไทยรักไทย และอดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ที่ถูกคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ที่ 43/2559 เรื่อง ประกาศรายชื่อเจ้าหน้าที่ของรัฐที่อยู่ระหว่างการถูกตรวจสอบเพิ่มเติม ครั้งที่ 4 ให้ระงับการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเข้าสู่กระบวนการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือสอบสวนเพื่อดําเนินการทางวินัยของหน่วยงานต้นสังกัดโดยเร็ว เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2559

ถูก สตง. ชี้มูลความผิดจากกรณีการอนุมัติและเบิกจ่ายเงินงบประมาณ หมวดเงินอุดหนุนสนับสนุนสมาคมกีฬาจังหวัดชัยนาท ที่มี นายอนุสรณ์ เป็นนายกสมาคม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพ ของสโมสรฟุตบอลจังหวัดชัยนาท ซึ่งมีนายอนุสรณ์เป็นผู้จัดการทีม และเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดกิจกรรมแข่งขันชกมวยสากลระดับโลก รวมจำนวนเงิน 44,800,000 บาท

นอกจากนี้ ยังมีการเบิกจ่ายเงินจำนวน 10,070,000 บาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายโครงการมหกรรมรวมพลังสร้างสุขภาพในวันอาสาสมัครสาธารณสุข (อสม.) แห่งประชาชาติ ประจำปี 2554 ของ อบจ.ชัยนาท ก็ไม่สามารถเบิกจ่ายได้เช่นกัน เนื่องจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นอื่นในจังหวัดสามารถดำเนินการได้เอง และหลายแห่งได้ดำเนินการอยู่ก่อนแล้ว

สตง. พิจารณาแล้วเห็นว่า การจัดแข่งขันกีฬาทั้งสองส่วนนี้ เป็นกีฬาเพื่อการอาชีพ ไม่ใช่กีฬา ที่ อบจ. ต้องส่งเสริม อบจ.ชัยนาท จึงไม่อาจเบิกจ่ายเงินงบประมาณสนับสนุนกีฬา สมาคมกีฬาจังหวัดชัยนาทได้ และการดำเนินการของนายอนุสรณ์เข้าข่ายการมีผลประโยชน์ทับซ้อนด้วย

สตง. จึงทำหนังสือถึงองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท ให้นำเงินจำนวน 54,870,000 บาท ส่งคืนคลัง อบจ.ชัยนาท ด้วย และพิจารณาดำเนินการตามกฎหมาย หรือระเบียบแบบแผนที่ทางราชการกำหนด ตนเองตามควรแก่กรณี ในฐานะผู้มีอำนาจหน้าที่ในการบริหารงบประมาณ แต่มิได้ดำเนินการบริหารงบประมาณให้ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ทางราชการกำหนด

แต่ นางกรุณา ชิดชอบ นายก อบจ.บุรีรัมย์ กลับไม่ถูกคำสั่งหัวหน้า คสช. ระงับการปฏิบัติหน้าที่ เพื่อเข้าสู่กระบวนการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงหรือสอบสวนเพื่อดําเนินการทางวินัยของหน่วยงานต้นสังกัดโดยเร็ว

http://www.isranews.org/investigative/invest-slide/item/50492-invews_50492.html
ลิงก์ข่าวจากสำนักข่าวอิศรา


กำลังโหลดความคิดเห็น