คอลัมน์ “สกอร์บอร์ด” โดย “แมวดำ”
ระหว่างที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ไม่มีภารกิจอะไรกับมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ ก็เลยหอบหิ้วเอาโค้ชทีมชาติไทยทุกชุด (ยกเว้น เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง โค้ชชุดใหญ่ที่ติดภารกิจ) เดินทางไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมี “เฮงซัง” วิทยา เลาหกุล ผู้เชี่ยวชาญลูกหนังซามูไร เป็นไกด์จำเป็น
เห็นว่าไปดูหลายหลาก โดยเฉพาะเรื่องการวางระบบลูกหนังสไตล์ญี่ปุ่น เริ่มตั้งแต่วางรากฐานนักฟุตบอลตั้งแต่เด็ก ว่า เด็กคนไหน รูปร่าง หน่วยก้าน วิธีการเล่นที่ต้องปรับให้เข้ากับทีม จากนั้นค่อยมาเริ่มเน้นคัดสู่ทีมชาติกันเมื่อตอน 15 ปี โดยมีแผนระยะยาวของทีมชาติทุกชุดเพื่อปั้นผู้เล่นไปสู่การแข่งขันระดับโอลิมปิก และฟุตบอลโลก ซึ่งแผนของเขาจะวางไว้อย่างสมมติอีก 8 ปี มีฟุตบอลโลก ก็จะนับถอยหลังไป 8 ปี จากนี้คือไปเน้นกับนักเตะอายุ 15 - 18 ปี ดังนั้น พอถึงฟุตบอลโลก นักฟุตบอลเหล่านี้ก็จะใช้ได้เลยไม่ต้องมาทนรอง้อนักเตะแก่แดดแก่ประสบการณ์ เพราะเตรียมความพร้อมนักฟุตบอลเด็กมาเพื่อการนี้อยู่แล้ว
ที่เน้น ๆ อีกเรื่องเป็นของผู้ฝึกสอน ทางญี่ปุ่นเขาเน้นมากว่าไม่ควรมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยเกินไป มันเป็นเรื่องของความต่อเนื่อง โดยโค้ชทุกชุดก็จะได้รับมอบหมายงาน และเป้าหมายในการพัฒนาฝีเท้าผู้เล่น จากนั้นจะลงอุ่นเครื่องกับทีมที่มีชื่อชั้นและฝีเท้าที่ดี ซึ่งจะไม่มานั่งเน้นผลงานในการแข่งขัน แต่จะดูรูปแบบการเล่นรวมถึงพัฒนาการของทีม นักเตะแต่ละคน เพื่อนำไปแก้ไขปรับปรุง
อีกเรื่องที่ผมเพิ่งรู้ คือ ญี่ปุ่น ไม่นิยมเน้นเล่นรับแล้วโต้กลับ อย่างสโมสร คาวาซากิ ฟรอนทาเล ยอดทีมแห่งศึก เจลีก มี ยาฮิโร คาซามา เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน บอกเลยว่าเล่นแบบนี้มันทำลายฟุตบอล ไม่สวยงาม และไม่เป็นที่นิยม เขาจึงไม่มีการซ้อมรับแล้วโต้เลย
กำลังเคลิ้ม ๆ กับความรู้และการดูงานของผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทยในญี่ปุ่น ก็ดันเหลือบตาไปเห็นหนังสือจากคณะพิจารณาวินัยมารยาท สมาคมฟุตบอลฯ ว่าด้วยกรณีที่ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต กองหน้าบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปเล่นนอกเกมใส่ ทริสตอง สมชาย โด แบ็กขวาหน้าหล่อของ เอสซีจี เมืองทองฯ ในเกมไทยลีก เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการบอกว่า นายโด เนี่ย แกไปเริ่มก่อน แต่พอไปดูในคลิปมันก็แค่เสียบสกัดบอลกันธรรมดา ทว่า นายดิโอโก แกดันไปใช้มือซัดคู่แข่งอยู่นอกสนามตอนแย่งบอลจะเอาไปทุ่ม แถมเหตุการณ์นี้ยังไม่มีในรายงานของผู้ควบคุมการแข่งขันวันนั้นด้วย
หลังจากนั้น นายดิโอโก คนเดิมตอนเดินออกจากสนามเพื่อเข้าห้องพัก นักกีฬาทีมเยือนยังมีการชูนิ้วแจกกล้วยให้แฟนบอล เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งหนังสือชี้แจงการพิจารณาของคณะกรรมการวินัยมารยาทตามที่ผมอ่านนั้น ไม่มีการระบุบทลงโทษใดต่อกองหน้า บุรีรัมย์ เลย ผมเลยงง ๆ ว่าแล้วทำไมตอน ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายของ เมืองทองฯ เขาโดนลงโทษด้วยข้อหาหล่นถ้อยคำแจกกล้วยแฟนบอลทีมเก่าของตัวเองในนัดเดียวกันโดนลงโทษแบน 1 นัด พร้อมปรับ 2 หมื่นบาท
บอกตามตรง แบบนี้ผมว่ามันไม่ FAIR เลย เมื่อก่อนเคยหาเสียงด่าใครไว้อย่างไรตอนนี้เข้าตัวหมด ไปดูงานที่ญี่ปุ่นเที่ยวนี้ ถ้าไม่อยากงานเข้าถี่ ๆ ก็ช่วยดูเรื่องคณะกรรมการพิจารณาโทษในลีกบ้านเขาด้วยว่าทำอย่างไรมันถึงจะ FAIR กลับมาด้วย...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
ระหว่างที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย ที่ไม่มีภารกิจอะไรกับมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ ก็เลยหอบหิ้วเอาโค้ชทีมชาติไทยทุกชุด (ยกเว้น เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง โค้ชชุดใหญ่ที่ติดภารกิจ) เดินทางไปดูงานที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมี “เฮงซัง” วิทยา เลาหกุล ผู้เชี่ยวชาญลูกหนังซามูไร เป็นไกด์จำเป็น
เห็นว่าไปดูหลายหลาก โดยเฉพาะเรื่องการวางระบบลูกหนังสไตล์ญี่ปุ่น เริ่มตั้งแต่วางรากฐานนักฟุตบอลตั้งแต่เด็ก ว่า เด็กคนไหน รูปร่าง หน่วยก้าน วิธีการเล่นที่ต้องปรับให้เข้ากับทีม จากนั้นค่อยมาเริ่มเน้นคัดสู่ทีมชาติกันเมื่อตอน 15 ปี โดยมีแผนระยะยาวของทีมชาติทุกชุดเพื่อปั้นผู้เล่นไปสู่การแข่งขันระดับโอลิมปิก และฟุตบอลโลก ซึ่งแผนของเขาจะวางไว้อย่างสมมติอีก 8 ปี มีฟุตบอลโลก ก็จะนับถอยหลังไป 8 ปี จากนี้คือไปเน้นกับนักเตะอายุ 15 - 18 ปี ดังนั้น พอถึงฟุตบอลโลก นักฟุตบอลเหล่านี้ก็จะใช้ได้เลยไม่ต้องมาทนรอง้อนักเตะแก่แดดแก่ประสบการณ์ เพราะเตรียมความพร้อมนักฟุตบอลเด็กมาเพื่อการนี้อยู่แล้ว
ที่เน้น ๆ อีกเรื่องเป็นของผู้ฝึกสอน ทางญี่ปุ่นเขาเน้นมากว่าไม่ควรมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยเกินไป มันเป็นเรื่องของความต่อเนื่อง โดยโค้ชทุกชุดก็จะได้รับมอบหมายงาน และเป้าหมายในการพัฒนาฝีเท้าผู้เล่น จากนั้นจะลงอุ่นเครื่องกับทีมที่มีชื่อชั้นและฝีเท้าที่ดี ซึ่งจะไม่มานั่งเน้นผลงานในการแข่งขัน แต่จะดูรูปแบบการเล่นรวมถึงพัฒนาการของทีม นักเตะแต่ละคน เพื่อนำไปแก้ไขปรับปรุง
อีกเรื่องที่ผมเพิ่งรู้ คือ ญี่ปุ่น ไม่นิยมเน้นเล่นรับแล้วโต้กลับ อย่างสโมสร คาวาซากิ ฟรอนทาเล ยอดทีมแห่งศึก เจลีก มี ยาฮิโร คาซามา เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอน บอกเลยว่าเล่นแบบนี้มันทำลายฟุตบอล ไม่สวยงาม และไม่เป็นที่นิยม เขาจึงไม่มีการซ้อมรับแล้วโต้เลย
กำลังเคลิ้ม ๆ กับความรู้และการดูงานของผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทยในญี่ปุ่น ก็ดันเหลือบตาไปเห็นหนังสือจากคณะพิจารณาวินัยมารยาท สมาคมฟุตบอลฯ ว่าด้วยกรณีที่ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต กองหน้าบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปเล่นนอกเกมใส่ ทริสตอง สมชาย โด แบ็กขวาหน้าหล่อของ เอสซีจี เมืองทองฯ ในเกมไทยลีก เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา โดยคณะกรรมการบอกว่า นายโด เนี่ย แกไปเริ่มก่อน แต่พอไปดูในคลิปมันก็แค่เสียบสกัดบอลกันธรรมดา ทว่า นายดิโอโก แกดันไปใช้มือซัดคู่แข่งอยู่นอกสนามตอนแย่งบอลจะเอาไปทุ่ม แถมเหตุการณ์นี้ยังไม่มีในรายงานของผู้ควบคุมการแข่งขันวันนั้นด้วย
หลังจากนั้น นายดิโอโก คนเดิมตอนเดินออกจากสนามเพื่อเข้าห้องพัก นักกีฬาทีมเยือนยังมีการชูนิ้วแจกกล้วยให้แฟนบอล เมืองทอง ยูไนเต็ด ซึ่งหนังสือชี้แจงการพิจารณาของคณะกรรมการวินัยมารยาทตามที่ผมอ่านนั้น ไม่มีการระบุบทลงโทษใดต่อกองหน้า บุรีรัมย์ เลย ผมเลยงง ๆ ว่าแล้วทำไมตอน ธีราทร บุญมาทัน แบ็กซ้ายของ เมืองทองฯ เขาโดนลงโทษด้วยข้อหาหล่นถ้อยคำแจกกล้วยแฟนบอลทีมเก่าของตัวเองในนัดเดียวกันโดนลงโทษแบน 1 นัด พร้อมปรับ 2 หมื่นบาท
บอกตามตรง แบบนี้ผมว่ามันไม่ FAIR เลย เมื่อก่อนเคยหาเสียงด่าใครไว้อย่างไรตอนนี้เข้าตัวหมด ไปดูงานที่ญี่ปุ่นเที่ยวนี้ ถ้าไม่อยากงานเข้าถี่ ๆ ก็ช่วยดูเรื่องคณะกรรมการพิจารณาโทษในลีกบ้านเขาด้วยว่าทำอย่างไรมันถึงจะ FAIR กลับมาด้วย...
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *