คอลัมน์ “TIMEOUT” โดย “ชมณัฐ”
เรียกได้ว่า คุกรุ่นกันเลยทีเดียวกับการเผชิญหน้าทีมเก่าครั้งแรกของ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน ในศึกบิ๊กแมตช์ โตโยต้า ไทย ลีก 2016 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ก่อนจบลงด้วยชัยชนะของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 3-2
ธีราทร เปิดตัวกับ “กิเลนผยอง” ท่ามกลางกระแสข่าวหนาหู ว่า ขัดแย้งกับอดีตต้นสังกัด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อู่ข้าวอู่น้ำที่ค้าแข้งมากว่า 6 ปี ตั้งแต่ฤดูกาล 2010 - 2015 ช่วยทีมประสบความสำเร็จมากมาย กวาดโทรฟีทุกใบในประเทศทั้ง ไทย ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และถ้วยพระราชทาน ก ที่คว้าแชมป์มาแล้วรายการละ 4 สมัย
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายได้ออกมายืนยันว่า ความสัมพันธ์ยังอยู่ดีไร้เกาเหลา ทุกอย่างเป็นไปตามวิถีฟุตบอล โดย “อุ้ม” เปิดใจว่า ยังคงเคารพ “พ่อเน” เนวิน ชิดชอบ และ “แม่ต่าย” กรุณา ชิดชอบ ประธานและรองประธานสโมสรบุรีรัมย์ ที่ดูแลตนดั่งลูกรักในไส้มาตลอด ส่วนอีกฝ่ายก็เผยว่าเสียใจที่ปล่อยแข้งตัวเก่งออกไป
ทว่า ข่าวซุบซิบยังคงไม่จางหาย ก่อนจะมากระจ่างชัดในเกมที่ ธีราทร สวมเสื้อกิเลนผยอง เจอทีมเก่าเป็นครั้งแรก โดยตั้งแต่เสียงนกหวีดดัง “เจ้าอุ้ม” อดีตฮีโรผู้เคยเป็นที่รักยิ่งของแฟนคลับ “เซราะกราว” ก็โดนโห่กดดันใส่ทันที ถ้อยคำผรุสวาทมากมายพรั่งพรูออกมากจากทางปากและโทรโข่ง นิ้วกลางสัญลักษณ์แห่งการเหยียดหยามถูกระดมชูขึ้นฟ้า และยิ่งทวีความร้อนแรงขึ้นในนาที 17 เมื่อ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต โขกให้ผู้มาเยือนขึ้นนำก่อน
จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมหลังจากที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ พังประตูตีเสมอให้เจ้าถิ่นได้สำเร็จในช่วงทดเจ็บครึ่งแรก ธีราทร จะระเบิดความอัดอั้นที่เสมือนคั่งแค้นอยู่เต็มอก ด้วยการวิ่งไปกระโดดดีใจต่อหน้าสแตนด์เชียร์ฝั่งบุรีรัมย์ พร้อมชูนิ้วโป้งลงพื้นและตะโกนคำในใจออกมาเป็นการเอาคืน เป็นการประกาศชัดเจนว่าตนพร้อมจะตัดขาดความสัมพันธ์ และเป็น “จูดาส” ในสายตาแฟนบุรีรัมย์ ก่อนจะประกาศก้องหลังจบเกมว่า “สะใจ” กับชัยชนะเหนือทีมเก่าในครั้งนี้
นั่นทำให้กองเชียร์บุรีรัมย์ ที่เคยเป็นกำลังใจให้ แบ็กซ้ายกัปตันช้างศึกรายนี้ มาโดยตลอดในช่วงที่ต้องเจอเหตุการณ์เลวร้าย ไม่ว่าจะเป็น 2 ใบแดงติดในนามทีมชาติไทย หรือพฤติกรรมสุดห่ามที่โดนวิจารณ์อย่างหนักเมื่อครั้งเริ่มแจ้งเกิด สุดทนเกินรับได้ ออกมาระบายความแค้นต่าง ๆ นานา บางคนถึงขนาดเผาเสื้อเบอร์ 2 ที่เจ้าตัวเคยสวม ขณะที่ แข้งวัย 26 ปี ได้ระบายความรู้สึกในเชิงน้อยใจว่า เป็นเพราะกองเชียร์บุรีรัมย์ ต่างหากที่พร้อมใจตะโกนด่าตนว่าจูดาสก่อนเริ่มเกม แทนที่จะปรบมือต้อนรับอย่างสมเกียรติ จึงสั่งสมอารณ์แค้นไว้เต็มพิกัด
เรื่องราวในคราวนี้อาจดูใหม่ในวงการฟุตบอลบ้านเรา ที่อยู่ภายใต้ขนบธรรมเนียมพี่ - น้อง ไปมาลาไหว้ แต่หากมองไปรอบโลกไม่ใช่สิ่งที่แปลกเลย มีเกิดขึ้นให้เห็นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเคสของ หลุยส์ ฟิโก, โซล แคมป์เบล, เอ็มมานูเอล อาเดบายอร์ ฯลฯ เพียงแต่ต้องยอมรับให้ได้ว่านี่คือฟุตบอลอาชีพ ไม่มีใครผิดใครถูก เมื่อต้องเปลี่ยนหัวโขนบางครั้งก็ต้องมองข้ามความรู้สึกไป
การที่ ธีราทร กับ เนวิน เดินสวนทางกันโดยไม่แม้จะสบตา เหมือนไม่เคยรู้จักกันตอนหลังจบเกมนั้น อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดยามที่ทั้งคู่ต้องสวมเสื้อที่เป็นอริกันโดยตรงก็ได้ ถึงกระนั้นเชื่อเถอะว่าแม้สาเหตุของการแตกหักที่รู้อยู่แก่ใจกันเองว่าใครทำอะไรกันเอาไว้จะเป็นเช่นไรก็ตาม แต่ทุก ๆ ดีลที่เกิดขึ้นทั้งนักเตะและสโมสรต่างได้ประโยชน์ที่ดีที่สุด และพึงพอใจทั้งสองฝ่ายแน่นอน กองเชียร์อย่างเรา ๆ ก็เพียงยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้นพอ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
เรียกได้ว่า คุกรุ่นกันเลยทีเดียวกับการเผชิญหน้าทีมเก่าครั้งแรกของ “อุ้ม” ธีราทร บุญมาทัน ในศึกบิ๊กแมตช์ โตโยต้า ไทย ลีก 2016 เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ก่อนจบลงด้วยชัยชนะของ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด 3-2
ธีราทร เปิดตัวกับ “กิเลนผยอง” ท่ามกลางกระแสข่าวหนาหู ว่า ขัดแย้งกับอดีตต้นสังกัด บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด อู่ข้าวอู่น้ำที่ค้าแข้งมากว่า 6 ปี ตั้งแต่ฤดูกาล 2010 - 2015 ช่วยทีมประสบความสำเร็จมากมาย กวาดโทรฟีทุกใบในประเทศทั้ง ไทย ลีก, เอฟเอ คัพ, ลีก คัพ และถ้วยพระราชทาน ก ที่คว้าแชมป์มาแล้วรายการละ 4 สมัย
อย่างไรก็ตาม ทั้งสองฝ่ายได้ออกมายืนยันว่า ความสัมพันธ์ยังอยู่ดีไร้เกาเหลา ทุกอย่างเป็นไปตามวิถีฟุตบอล โดย “อุ้ม” เปิดใจว่า ยังคงเคารพ “พ่อเน” เนวิน ชิดชอบ และ “แม่ต่าย” กรุณา ชิดชอบ ประธานและรองประธานสโมสรบุรีรัมย์ ที่ดูแลตนดั่งลูกรักในไส้มาตลอด ส่วนอีกฝ่ายก็เผยว่าเสียใจที่ปล่อยแข้งตัวเก่งออกไป
ทว่า ข่าวซุบซิบยังคงไม่จางหาย ก่อนจะมากระจ่างชัดในเกมที่ ธีราทร สวมเสื้อกิเลนผยอง เจอทีมเก่าเป็นครั้งแรก โดยตั้งแต่เสียงนกหวีดดัง “เจ้าอุ้ม” อดีตฮีโรผู้เคยเป็นที่รักยิ่งของแฟนคลับ “เซราะกราว” ก็โดนโห่กดดันใส่ทันที ถ้อยคำผรุสวาทมากมายพรั่งพรูออกมากจากทางปากและโทรโข่ง นิ้วกลางสัญลักษณ์แห่งการเหยียดหยามถูกระดมชูขึ้นฟ้า และยิ่งทวีความร้อนแรงขึ้นในนาที 17 เมื่อ ดิโอโก หลุยส์ ซานโต โขกให้ผู้มาเยือนขึ้นนำก่อน
จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมหลังจากที่ ชนาธิป สรงกระสินธ์ พังประตูตีเสมอให้เจ้าถิ่นได้สำเร็จในช่วงทดเจ็บครึ่งแรก ธีราทร จะระเบิดความอัดอั้นที่เสมือนคั่งแค้นอยู่เต็มอก ด้วยการวิ่งไปกระโดดดีใจต่อหน้าสแตนด์เชียร์ฝั่งบุรีรัมย์ พร้อมชูนิ้วโป้งลงพื้นและตะโกนคำในใจออกมาเป็นการเอาคืน เป็นการประกาศชัดเจนว่าตนพร้อมจะตัดขาดความสัมพันธ์ และเป็น “จูดาส” ในสายตาแฟนบุรีรัมย์ ก่อนจะประกาศก้องหลังจบเกมว่า “สะใจ” กับชัยชนะเหนือทีมเก่าในครั้งนี้
นั่นทำให้กองเชียร์บุรีรัมย์ ที่เคยเป็นกำลังใจให้ แบ็กซ้ายกัปตันช้างศึกรายนี้ มาโดยตลอดในช่วงที่ต้องเจอเหตุการณ์เลวร้าย ไม่ว่าจะเป็น 2 ใบแดงติดในนามทีมชาติไทย หรือพฤติกรรมสุดห่ามที่โดนวิจารณ์อย่างหนักเมื่อครั้งเริ่มแจ้งเกิด สุดทนเกินรับได้ ออกมาระบายความแค้นต่าง ๆ นานา บางคนถึงขนาดเผาเสื้อเบอร์ 2 ที่เจ้าตัวเคยสวม ขณะที่ แข้งวัย 26 ปี ได้ระบายความรู้สึกในเชิงน้อยใจว่า เป็นเพราะกองเชียร์บุรีรัมย์ ต่างหากที่พร้อมใจตะโกนด่าตนว่าจูดาสก่อนเริ่มเกม แทนที่จะปรบมือต้อนรับอย่างสมเกียรติ จึงสั่งสมอารณ์แค้นไว้เต็มพิกัด
เรื่องราวในคราวนี้อาจดูใหม่ในวงการฟุตบอลบ้านเรา ที่อยู่ภายใต้ขนบธรรมเนียมพี่ - น้อง ไปมาลาไหว้ แต่หากมองไปรอบโลกไม่ใช่สิ่งที่แปลกเลย มีเกิดขึ้นให้เห็นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเคสของ หลุยส์ ฟิโก, โซล แคมป์เบล, เอ็มมานูเอล อาเดบายอร์ ฯลฯ เพียงแต่ต้องยอมรับให้ได้ว่านี่คือฟุตบอลอาชีพ ไม่มีใครผิดใครถูก เมื่อต้องเปลี่ยนหัวโขนบางครั้งก็ต้องมองข้ามความรู้สึกไป
การที่ ธีราทร กับ เนวิน เดินสวนทางกันโดยไม่แม้จะสบตา เหมือนไม่เคยรู้จักกันตอนหลังจบเกมนั้น อาจจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดยามที่ทั้งคู่ต้องสวมเสื้อที่เป็นอริกันโดยตรงก็ได้ ถึงกระนั้นเชื่อเถอะว่าแม้สาเหตุของการแตกหักที่รู้อยู่แก่ใจกันเองว่าใครทำอะไรกันเอาไว้จะเป็นเช่นไรก็ตาม แต่ทุก ๆ ดีลที่เกิดขึ้นทั้งนักเตะและสโมสรต่างได้ประโยชน์ที่ดีที่สุด และพึงพอใจทั้งสองฝ่ายแน่นอน กองเชียร์อย่างเรา ๆ ก็เพียงยอมรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นเท่านั้นพอ
* * *คลิก Like เพื่อมาเป็นแฟนเพจของหน้า “MGR SPORT” รับข่าวสารแวดวงกีฬาชนิดเกาะติดขอบสนามคลิกที่นี่เลย!!* * *
