“รัสเซียน ฮูลิแกน” ฆ่าได้-หยามไม่ได้

ผู้จัดการสุดสัปดาห์ 360 - แต่ไหนแต่ไรยามมีฟุตบอลทัวร์นาเมนต์ใหญ่ นอกจากการฟาดแข้งที่ตื่นเต้นเร้าใจ นอกสนามก็ดุเดือดไม่แพ้กัน เพราะมักมีบรรดาแฟนบอลอันธพาล หรือที่เรียกกันว่า “ฮูลิแกน” พร้อมใจยกพลกันมาเชียร์ทีมรักตามที่ต่าง ๆ อีกทั้งมักสร้างเรื่องฉาวเป็นที่จดจำเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งแฟนบอลของ อังกฤษ ที่ขึ้นชื่อลือชาว่า เป็นแก๊งกองเชียร์ที่โหดที่สุดในโลก ทว่าดูเหมือน ยูโร 2016 อาจต้องยกตำแหน่งนี้ให้กับเหล่า “อุลตรา-รัสเซียน” ที่ทำเอาต้นตำรับยังต้องสะอึก

เวลาพูดถึงเหล่า “อันธพาลลูกหนัง” ชื่อแรกที่ผุดขึ้นมาจะเป็นแก๊งไหนไม่ได้นอกจาก อังกฤษ ที่มักไปก่อวีรกรรมจนเป็นที่เอือมระอามาแล้วทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นรายการอย่าง เวิลด์ คัพ หรือ ยูโร ทุกคราที่มีทัพ “ทรีไลออนส์” เดินทางไปโม่แข้ง กระทั่งรายการชิงแชมป์สโมสร ยูฟา แชมเปียนส์ ลีก และ ยูโรปา ลีก ก็ไปทะเลาะวิวาทกับแฟนเจ้าถิ่น จนมีข่าวให้ได้อ่านกันบนหนังสือพิมพ์ทุกครั้ง ร้อนถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยปราบจลาจลทำงานกันเหนื่อย

มาถึงศึกชิงแชมป์ลูกหนังแห่งชาติยุโรป ยูโร 2016 ที่ฝรั่งเศส ฮูลิแกนสัญชาติอังกฤษ ยังคงประกาศศักดาความซ่าเหมือนเคย ทั้งเมาปลิ้นทำลายข้าวของ, ตะโกนร้องเพลงเหยียดหยามคู่แข่ง, เรียกหากลุ่มผู้ก่อการร้าย ทว่า คราวนี้คู่ต่อสู้นอกสนามของพวกเขาไม่ใช่แค่คนเดินผ่านไปมา หรือแฟนบอลเจ้าถิ่น แต่เป็นแก๊งลูกหนังจาก รัสเซีย ที่ได้ชื่อว่าเชียร์บอลได้ดุเดือด และเลือดร้อนไม่แพ้แฟน ๆ ทีมใดในนามว่า “รัสเซียน อุลตรา”

ทีมลูกหนังของ รัสเซีย ปัจจุบันรั้งอันดับ 29 บนตาราง ฟีฟา แรงกิง แน่นอนว่า ศักยภาพยังสู้กับชาติมหาอำนาจวงการอย่าง สเปน, เยอรมนี ไม่ได้ แต่เรื่องความเป็นนักสู้พวกเขาไม่เคยแพ้ใคร และแน่นอนว่า ดีเอ็นเอนี้ก็ได้ถูกถ่ายทอดมายังสาวก “รัสเซียน อุลตรา” โดยเฉพาะ วลาดิเมียร์ คุณพ่อลูกสองรายหนึ่ง ยามปกติเขาคือหัวหน้าครอบครัวที่ทำงานหาเช้ากินค่ำ เพื่อดูแลลูกเมียให้อยู่ดีกินดี แต่หากถึงคราวที่ รัสเซีย ลงสนาม วลาดิเมียร์ ก็พร้อมขึ้นเหนือล่องใต้เพื่อเชียร์ทีมรัก และสู้รบปรบมือกับแก๊งอื่น ๆ ที่เข้ามาราวี

วลาดิเมียร์ ผู้ไม่ประสงค์บอกนามสกุล คุยกับ เอเอฟพี สำนักข่าวดังจากต่างประเทศ ว่า ตัวเองและเพื่อน ๆ กว่า 150 คน เดินทางจากบ้านเกิดมายังเมือง มาร์กเซย หลังทีมรักมีคิวลงสนามนัดแรกเจอกับทัพ “สิงโตคำราม” โดยส่วนหนึ่งนอกจากเชียร์ตามหน้าที่แล้ว ยังต้องการแสดงศักยภาพให้ฮูลิแกนต้นตำรับอย่าง อังกฤษ รับรู้ว่าพวกเขา “ฆ่าได้ - หยามไม่ได้” บวกกับประวัติศาสตร์ในอดีตที่สองประเทศนี้ไม่ค่อยถูกกันอยู่แล้ว ยิ่งเป็นเชื้อไฟทำให้ “รัสเซียน-อุลตรา” ต้องแสดงแสนยานุภาพให้โลกรู้

“ไม่สำคัญเลยว่าคุณจะมาจากเมืองไหน หรือเชียร์ทีมอะไร แต่ที่สำคัญคือ เราทั้งหมดมาจาก รัสเซีย และเราพร้อมจะสู้กับพวกอังกฤษ พวกเขาบอกตัวเองอยู่เสมอว่าตัวเอง คือ ฮูลิแกนของแท้ และเบอร์ 1 ของวงการฟุตบอล แต่เราจะไปทักทายพวกเขาเพื่อบอกให้รู้ว่าแฟนบอลอังกฤษ มันก็แค่พวกแก๊งผู้หญิงเท่านั้นแหละ” วลาดิเมียร์ กล่าวอย่างภาคภูมิใจในกองกำลังของตัวเองและเพื่อน ๆ

และแล้วแฟนบอล รัสเซีย ก็แสดงให้เห็นแล้วว่า สิ่งที่พวกเขาพูดนั้นไม่ใช่แค่ราคาคุย เพราะเหตุการณ์ปะทะกันที่ มาร์กเซย ก่อนเกมระหว่าง อังกฤษ กับ รัสเซีย เมื่อวันที่ 11 มิถุนายน ทำให้มีแฟนบอลเมืองผู้ดีบางส่วนได้รับบาดเจ็บถึงขั้นถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล แถมหลังจบเกมก็ไปไล่ตีคู่แข่งบนอัฒจันทร์ ร้อนถึง ยูฟา ต้องออกมาตรการลงโทษทั้งสองฝ่าย ว่า หากก่อเรื่องอีกครั้งก็จะตัดสิทธิ์ทีมของพวกเขาออกจากการแข่งขันทันที

อย่างไรก็ตาม วลาดิเมียร์ เป็นตัวแทนบอกพวกเขาไม่รู้สึกแยแสอะไรกับเรื่องดังกล่าว เพราะถึงยังไงก็ไม่อาจหยุดยั้งความบ้าคลั่งของพวกเขาได้อยู่แล้ว “ผมจะบอกอะไรให้เลยนะว่าการตัดสินใจของพวกเขานั้น ไม่มีผลกระทบอะไรกับพวกผมทั้งสิ้น ไม่มีอะไรจะมาหยุดพวกเรา และวิถีทางในแบบที่เราเป็นได้อยู่แล้ว”

“แฟนบอลอังกฤษก็คือ พวกไอ้แก่ที่ชอบดื่มเบียร์จนพุงพลุ้ย แต่แฟน ๆ ของเราส่วนมากมีแต่พวกวัยรุ่น อายุ 20 - 30 ปี พวกเขารักกีฬาเป็นชีวิตจิตใจ และชอบต่อยมวย รวมถึงเรียนรู้ศิลปะการต่อสู้ต่าง ๆ แค่นี้ก็แสดงให้เห็นแล้วว่าพวกอังกฤษมันไม่ใช่ฮูลิแกนของแท้ มันไม่รู้จักการต่อสู้ด้วยซ้ำ พวกเขาใช้อาวุธอย่างเก้าอี้กับขวดเบียร์ แต่เรามีแค่หมัดเปล่า ๆ และเราก็พร้อมที่จะส่งพวกเขากลับบ้าน” วลาดิเมียร์ กล่าวเปรียบเปรยความแตกต่างของทั้งสองฝ่ายอย่างภาคภูมิใจ ซึ่งก็น่าจับตาดูยิ่งด้วยว่าเมื่อถึงคราว เวิลด์ คัพ 2018 ที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ กองกำลังของพวกเขาน่าจะแสดงแสนยานุภาพจนหลายทีมคงต้องเกรงใจ

ทั้งหมดนี้ แม้ไม่ใช่เรื่องดีงามจนน่าสรรเสริญ แต่ก็ถือเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นระหว่างทัวร์นาเมนต์จนอยากหยิบยกมาฝากกัน ซึ่งก็หวังว่า เหตุการณ์ความรุนแรงดังกล่าวจะไม่ลุกลามข้ามประเทศ หรือสร้างอิทธิพลใด ๆ ให้แฟนบอลเมืองไทยลอกเลียนทำตาม เพราะอย่างไรเสีย “กีฬาคือสิ่งที่ถูกสร้างเพื่อเชื่อมมิตรภาพ” มากกว่าใช้เป็นเครื่องมือทำลายซึ่งกันและกัน

เรื่องโดย วัลลภ สวัสดี